14 ธ.ค. 2021 เวลา 16:22 • สุขภาพ
## ยอดติดเชื้อ Omicron พุ่งเร็ว อังกฤษเร่งใช้ "แพลนบี" บังคับใส่หน้ากาก สอบประวัติผ่านแอป และให้กลุ่มเสี่ยงตรวจหาเชื้อทุกวัน ##
3
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษประกาศยกระดับมาตรการรับมือโควิด-19 เป็นแผนสอง (Plan B) โดยอ้างถึงอัตราการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron- ออกเสียงว่าโอไมครอนก็ได้) ซึ่งจากการวิเคราะห์จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในเบื้องต้นพบว่าอัตราการแพร่ระบาดอาจเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อเป็น 2.5 เท่าในทุกๆ 3 วัน
8
ด้วยอัตรานี้ทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลมากขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างเช่นที่เกิดในแอฟริกาใต้ ซึ่งจะเป็นภาระให้กับระบบสาธารณสุข (National Health Service: NHS) อย่างมาก
2
การประกาศว่าจะใช้แผนสองนี้มีขึ้นในระหว่างที่อังกฤษยังรอผลการประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนในการสร้างภูมิคุ้มกันและต่อกรกับโอมิครอนอยู่
1
ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคมเป็นต้นไป ผู้คนในอังกฤษจะต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในอาคารสาธารณะหรือที่ที่มีคนรวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก เช่นโรงหนัง โรงละครและศาสนสถาน จะมียกเว้นก็ในสถานการณ์ที่ปิดหน้าไม่ได้ เช่น ในการรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม
1
นอกจากเชิญชวนให้คนอังกฤษมาฉีดวัคซีนกันเพิ่มแล้ว อังกฤษยังจะใช้มาตรการ "ตรวจหาเชื้อทุกวัน" สำหรับผู้สัมผัสผู้ติดเชื้ออีกด้วย เปลี่ยนจากเดิมที่เป็นการให้กักตัวอยู่บ้านรอดูอาการ 10 วัน
1
สำหรับในอังกฤษแล้ว ชุดตรวจ Lateral Flow Device (หรือชุดตรวจแบบเร็วที่บ้านเราเรียกกันว่า ATK) จะแจกให้ฟรีโดยให้ไปรับที่ร้านขายยาแถวบ้าน รัฐบาลอังกฤษแนะนำให้ทุกคนตรวจเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง รวมถึงการพบปะกับคนแปลกหน้าและการไปเยี่ยมเยียนผู้ที่ร่างกายอ่อนแอด้วย
7
นอกจากนี้ รัฐบาลอังกฤษยังมีนโยบายให้ทุกคนทำงานจากบ้านถ้าทำได้
╔═══════════╗
ZERO COVID THAILAND เพจสำหรับแชร์ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อช่วยยุติการแพร่กระจายของโควิด-19ในไทย
#กดไลค์และติดตามเพจ Zero C Thailand รวมพลังไทยลดยอดติดเชื้อ ให้เหลือ “0” เพื่อรับแนวทางป้องกันโควิด-19 อย่างทันท่วงที งานวิจัย และ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์แบบเข้มข้น
╚═══════════╝
3
ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมเป็นต้นไป อังกฤษจะเริ่มใช้ NHS Pass ผ่านแอปสำหรับคนที่จะเข้าไนท์คลับหรือสถานที่ที่มีคนเยอะๆ เช่นงานที่สถานที่ในร่มที่มีคนตั้งแต่ 500 คนขึ้นไปแบบไม่จัดที่นั่ง งานกลางแจ้งที่มีคน 4,000 คนขึ้นไปแบบไม่จัดที่นั่ง หรืองานใดๆ ก็ตามที่มีคนมาร่วม 10,000 คนขึ้นไป
1
แอปนี้จะแสดงประวัติการรับวัคซีน ซึ่งหากไม่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มก็ต้องแสดงผลการตรวจด้วยชุดตรวจแบบเร็วว่ามีผลเป็นลบ
3
ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษระบุว่า ข้อมูลล่าสุดตรวจพบผู้ติดเชื้อที่พบ S-gene drop out ซึ่งบ่งชี้ว่าติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน เพิ่มขึ้นจาก 0.15% ในช่วงสัปดาห์ 21 พฤศจิกายนเป็น 3.3% เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอน 568 รายแล้วทั่วอังกฤษ ในขณะที่ ณ วันที่ 9 ธันวาคม อังกฤษมียอดผู้ติดเชื้อโควิดรายวัน 50,867 คน
การประกาศมาตรการเหล่านี้จะมีการประเมินทุกๆ 6 สัปดาห์ ก่อนจะตัดสินใจว่าจะใช้ต่อหรือเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศยกระดับมาตรการ เจมส์ กัลลาเกอร์ (James Gallagher) นักข่าวสายวิทยาศาสตร์และสาธารณสุขของสำนักข่าว BBC ได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและเขียนบทความเกี่ยวกับข้อมูลจากห้องแล็บ สิ่งที่รู้และยังไม่รู้เกี่ยวกับโอมิครอน โดยอธิบายว่า หากการแพร่เชื้อมีอัตราเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าในทุกๆ 3 วัน ยอดติดเชื้อใหม่รายวันจะเพิ่มจาก 2,500 คนเป็นวันละ 100,000 รายภายในสิ้นเดือนนี้ (ซึ่งก็คือสิ้นปีด้วย)
2
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลชัดๆ หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่หากเป็นข้อมูลจากนักวิเคราะห์และนักวิทยาศาสตร์ ก็พบว่าความสามารถของแอนติบอดีที่จะสู้กับไวรัสสำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม ลดลงกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า 20-40 เท่า และ Pfizer-BioNTech ได้ออกมาบอกว่าหากอยากจะสู้กับโอมิครอนให้ได้เท่ากับที่สู้สายพันธุ์อื่น ต้องฉีดเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 แต่สิ่งนี้ก็ยังเป็นข้อมูลในการทดลองและในทางทฤษฎีอยู่ดี
3
สำหรับประเด็นอื่นๆ ยังไม่มีคำตอบเรื่องความรุนแรงของอาการจากการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน และนักวิทยาศาสตร์ก็กำลังศึกษาประสิทธิภาพของกลไกต่างๆ ของร่างกายในการสู้กับเจ้าไวรัสนี้ เช่น T-cell อยู่ด้วย
ส่ิงที่น่ากลัวและผู้เชี่ยวชาญได้ย้ำเอาไว้ก็คือ ระบบภูมิคุ้มกันของคนเรานั้นแตกต่างกัน อย่าลืมว่ามีกลุ่มคนที่เปราะบาง และแม้ในผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ผลจากการฉีดวัคซีนก็แตกต่างกันไปด้วย
ซึ่งในตอนท้ายของบทความของคุณเจมส์ ได้อ้างอิงถึงสิ่งที่ศาสตราจารย์ไมเคิล ทิลด์สลีย์ แห่งมหาวิทยาลัยวอริค (Prof Michael Tildesley, from the University of Warwick) ได้บอกเอาไว้ นั่นก็คือ "อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น"
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกกำลังพยายามทำความเข้าใจและอธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงการกลายพันธุ์ของไวรัสนี้ หลายท่านได้แสดงความกังวลถึงผลกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีนและยาต้านไวรัส และหลายท่านอีกเช่นกันที่พูดถึงการกระจายของวัคซีนที่ไม่ครอบคลุมเพียงพอ อีกทั้งยังเป็นวัคซีนที่ไม่สามารถหยุดเชื้อไม่ให้แพร่พันธุ์ต่อไปได้อีกด้วย ทำให้เชื้อสามารถไปแอบพัฒนาตัวเองอยู่ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และกลายพันธุ์จนแข็งแกร่ง
สำหรับในบ้านเรา คงไม่ต้องรอให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเหมือนในอังกฤษ แต่เราทุกคนควรยกการ์ดขึ้นสู่ระดับสูงสุดอยู่เสมอ เพราะหนทางที่ดีที่สุดที่จะต่อกรกับเชื้อโควิดอาจมีเพียงการปกป้องตัวเองและคนรอบข้างจากการรับและแพร่เชื้อ และเดินหน้าตรวจเชิงรุกเพื่อแซงหน้าและหยุดเจ้าไวรัสให้ได้เท่านั้น
1
และไม่ว่าเชื้อจะกลายพันธุ์ไปอย่างไร หน้ากากป้องกันละอองลอยคุณภาพดีก็ยังจะเป็นเกราะป้องกันอันแน่นหนาสำหรับเราทุกคนซึ่งเจ้าไวรัสยังไม่สามารถเอาชนะฝ่าด่านนี้เข้ามาได้ ในขณะที่ #โควิดแพร่ทางอากาศ เป็นหลัก
3
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ทุกคนทำได้เพื่อหยุดการระบาดของโควิดคือการปกป้องตัวเองอย่างดีที่สุด สวมหน้ากากป้องกันละอองลอย เช่น หน้ากาก N95 KF94 หรือหน้ากากที่มีคุณภาพที่ดีกว่าให้มิดชิด เว้นระยะห่างทางสังคมและอยู่ในที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี รวมถึงใช้ชุดตรวจโควิดแบบเร็ว (ATK) ตรวจหาเชื้ออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
แล้วเราจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกันนะคะ
ติดตามเราได้ที่
#zerocovidthailand
#CovidisAirborne #โควิดแพร่ทางอากาศ
อ้างอิง:
The latest lab science on Omicron's threat
GOV.UK Coronavirus (COVID-19) in the UK (9 December 2021)
Oh My God! เชื้อโควิดกลายพันธุ์อัพเวเวลใหม่ กลายเป็น Omicron
โฆษณา