15 ธ.ค. 2021 เวลา 06:29 • การศึกษา
#เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา #พุทธทาสภิกขุ
ตอนที่ 96 ภาพหน้าที่ 302-303
* เหตุผลของการศึกษา *
คําถามตอนแรกในบทนี้ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายที่อาจารย์ศึกษาปริยัติธรรม ระยะแรกสุดที่ อาจารย์กลับมาถึงพุมเรียงเพื่อปฏิบัติธรรม แล้วมาจับงานปริยัติอีกครั้งหนึ่งนั้น อาจารย์มีความมุ่งหมาย อย่างไรครับ
- มันไม่ใช่ความมุ่งหมาย แต่มันมีความจําเป็นบังคับ คือว่าเราออกมาจากกรุงเทพฯ ด้วยเจตนาข้อ ใหญ่ก็คือ เพื่อจะปฏิบัติธรรม ทีนี้พอมาจะลงมือปฏิบัติธรรม มันก็ปรากฏว่า ความรู้ไม่พอ และอีกอย่างหนึ่ง ก็คือว่า ที่เขาพูด ๆ สอน ๆ กันอยู่ แม้จะมีบ้าง เราก็ไม่เห็นด้วย เราเลยจําเป็นที่จะต้องค้นหาหลักเอาเอง
อันนี้มันจึงทําให้ต้องไปสนใจกับสิ่งที่เรียกว่าปริยัติ แต่ไม่ใช่เพื่อเป็นนักปริยัติ หากเพื่อจะเก็บเอาหลักธรรมมา สําหรับใช้ปฏิบัติ ที่นี้มันก็ต้องช่วยตัวเอง จึงต้องค้นเอาจากพระไตรปิฏกด้วยตนเอง ถึงแม้ว่าเขาจะมี พระไตรปิฎกแปลกันอยู่บ้าง ก็น้อยมาก และก็ไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ เราเป็นคนชอบช่วยตัวเองมากกว่า จึงขอ สมัครค้นคว้าด้วยตัวเอง เพื่อเก็บเอาหลักธรรมะที่จะอาศัยได้นั้นมาเป็นหลักปฏิบัติ ซึ่งหลักเหล่านี้ก็ได้มา ตามสมควร สําเร็จรูปออกมาเป็นหนังสือที่เรียกว่า ตามรอยพระอรหันต์
ที่นี้มันมีความจําเป็นแทรกเข้ามา อีก คือว่าทางคณะธรรมทานจะออกหนังสือพิมพ์กันหนังสือพิมพ์พุทธสาสนา รายตรีมาสต้องการให้เรา ช่วยในการงานนี้ด้วย ก็เลยเปิดแผนกเผยแผ่พระไตรปิฎก ส่วนที่ควรจะเผยแผ่ จึงต้องคัดเลือกเอา พระไตรปิฎกส่วนหรือสูตรที่ควรจะเผยแผ่มาแปล มาให้หนังสือพิมพ์พุทธสาสนา มันก็เลยกลายเป็นสอง เรื่องเข้า ก็ค่อนข้างจะมากอยู่ในการที่จะต้องไปเกี่ยวข้องกับพระไตรปิฎกในรูปแบบที่คล้าย ๆ กับปริยัติ แต่ไม่ใช่ปริยัติ ไม่มีวิธีการศึกษาอย่างรูปแบบปริยัติ ศึกษาอย่างรูปแบบจะคัดเลือกเอาส่วนที่จะใช้ปฏิบัติได้มาเป็นหลักปฏิบัติ แม้ที่เราจะเผยแผ่ไปในหนังสือพิมพ์ก็ยังมุ่งหมายอย่างนั้น คัดเลือกเอามาแต่สูตรที่จะมี ประโยชน์แก่การปฏิบัติ หรือความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติของประชาชนทั่วไปด้วย นี่คือมูลเหตุอันแท้จริงที่ต้อง มาเกี่ยวข้องกับพระไตรปิฎกอีก มันไม่ใช่เรื่องเปลี่ยนกลับหรืออะไร มันเป็นเรื่องที่ก้าวหน้าต่อไป
อาจารย์ครับ นอกจากพระไตรปิฎกแล้ว ตอนหลังนี้อาจารย์ค้นคว้าออกมาถึงเรื่องอื่น ๆ อีกเป็นอันมาก ทําไมจึงต้องเป็นเช่นนั้นครับ
- ถ้าว่าโดยแท้จริงนั้น ตอนแรกก็มุ่งมั่นอยู่แต่พระไตรปิฎกเท่านั้น แต่เมื่อได้อ่านหรือได้พบเรื่องของ ฝ่ายอื่น เช่น พวกฝ่ายเซนเป็นต้น มันกลายเป็นพบว่ามันมีประโยชน์เหมือนกัน มันจะใช้ประกอบใน การศึกษาได้ดี โดยเฉพาะอย่างเซนนั้น มันเป็นเทคนิคของการรวบรัดที่สุด ทําพร้อมกันไปในคราวเดียว ทั้ง สมถะและวิปัสสนา แล้วยังมีพิเศษที่ว่าสามารถใช้คําพูดที่คมคายที่สุด เมื่อพบอย่างนี้ (หัวเราะ) ก็เลยต้องสนใจด้วย สนใจและพยายามเอามาใช้เป็นประโยชน์ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงได้ศึกษาเรื่องอื่น ๆ มากออกไปนอกจากพระไตรปิฎก แล้วประกอบกับนิสัยก็ชอบศึกษาอย่างไม่มีขอบขีดจํากัดอยู่แล้ว ก็เลย เป็นไปได้โดยง่าย ที่จะศึกษาขยายวงกว้างออกไป
อย่างวิทยาศาสตร์ก็เห็นอาจารย์ศึกษาจริงจังมาก
- (หัวเราะ) มันก็ศึกษาเท่าที่จะทําได้ เล่นหรือจริงก็ไม่รู้ (หัวเราะ) เท่าที่มันชอบ เท่าที่มันพอใจ แล้วก็มี ความหวังอยู่มากเหมือนกันว่าจะใช้วิชาวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเผยแผ่ธรรมะ และคิดว่าเราจะเผย แผ่ธรรมะให้แก่นักวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเป็นหมู่ชนที่มีอิทธิพลมากในอนาคตนั้น จะต้องทําอย่างไร จึงศึกษา วิถีทางวิทยาศาสตร์เพื่อ ๆ เอาไว้ ศึกษาเท่าที่จะทําได้ ดูมันก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่มันเท่าที่จะทําได้ เท่าที่จะเอามาสนองความประสงค์ที่ว่า จะเผยแผ่ธรรมะแก่นักวิทยาศาสตร์ หรือใช้วิทยาศาสตร์เป็น เครื่องมือในการเผยแผ่ สิ่งใดที่ให้สําเร็จประโยชน์ได้ตามนี้ก็พยายามเต็มที่
แล้วเกี่ยวกับปรัชญาอินเดียล่ะครับ
- ปรัชญาอินเดียนั้นเรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องอยู่กับพุทธศาสนา บางอย่างมันเป็นพื้นฐานหรือเป็น แบ็คกราวน์ของพุทธศาสนา และมีชาวอินเดียบางคนอ้างว่า หลักพุทธศาสนานั้นแยกตัวออกมาจาก เวทานตะ อย่างนี้มันก็ทําให้ต้องศึกษาปรัชญาอินเดีย แล้วก็มีอยู่อีกตอนหนึ่งในระยะต่อมา ผมรับแต่ง หนังสือให้คณะบางคณะ เช่น คณะกองตํารามหามกุฏราชวิทยาลัย เรื่องพุทธประวัติ มันก็ต้องเอาปรัชญา อินเดียมากล่าวในฐานะเป็นบทแรก ๆ เพื่อให้รู้ว่าชาวอินเดียมีความรู้กันอยู่อย่างไรในยุคที่พระพุทธเจ้าเกิดขึ้น
อันนี้ก็เป็นเหตุอันหนึ่งเหมือนกัน ที่ทําให้ต้องศึกษาปรัชญาอินเดีย ศึกษาเพื่อประโยชน์ให้รู้พุทธ ศาสนามากขึ้นบ้าง ศึกษาเพื่อตอบปัญหาที่ถูกกล่าวหาบ้าง แล้วมันก็พบความน่าสนุก คือมีรสมีชาติใน การศึกษามากเหมือนกัน แล้วมันก็พบตามข้อเท็จจริงที่ว่า บางแง่ไม่ใช่ทั้งดุ้น บางแง่ก็มีส่วนเป็นรากฐาน ของพุทธศาสนา หรืออย่างน้อยก็ช่วยให้รู้จักพุทธศาสนาดีขึ้น ดังนั้นสมัยหนึ่งแม้ว่าจะเป็นระยะสั้นก็ตาม เถอะ ก็เคยทุ่มตัวศึกษาปรัชญาอินเดีย
แล้วปรัชญาตะวันตกล่ะครับ
- ปรัชญาตะวันตกนับว่าน้อยมาก เพราะว่าไม่ค่อยศรัทธา เราจึงมักจะดูถูก เพราะว่ามันไม่มีเรื่อง ลึกซึ้งสูงสุดไปในทางดับทุกข์ มันเป็นเรื่องของนักคิดธรรมดาสามัญ หรือ มันคิดไปแต่ในเรื่องธรรมดาสามัญ ไม่มาในทางที่จะดับทุกข์ หรือเพื่อมรรค ผล นิพพาน ดังนั้นจึงสนใจน้อยมาก แล้วก็อีกอย่างหนึ่งก็คือ เห็น ว่ามันมากเกินไป กว่าที่จะไปทํากับมันได้ ก็เลยศึกษาแต่บางเรื่องของเขา บางเรื่องของบางคน แล้วก็มักจะ ศึกษาเฉพาะเรื่องของบางคนที่เกี่ยวพันอ้างอิงมาถึงพุทธศาสนา อย่างเรื่องของโชเป็นฮาว เป็นต้น
จาก เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา หน้า 302-303
.
อ่านย่นความ เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา * ทุกตอน *
ในเวปไซต์ #สืบสานงานท่านพุทธทาส
.
สนใจหนังสือติดต่อ : มูลนิธิโกมลคีมทอง
โทร 02-412-0744 02-866-1557
สโมสรธรรมทาน,หอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ
.
ฟังเสียงเล่าไว้ฯ ราวปี 2527-2528
.
อ่าน PDF
.
ความเดิมตอนแรก ที่มาของงานนี้
.
อัตชีวประวัติในวัยหนุ่มของพุทธทาสภิกขุ
โฆษณา