คำถามที่ www.ThaiFranchiseCenter.com สนใจคือเมื่อมีการเติบโตมากขนาดนี้การเริ่มต้นของคนลงทุนที่เป็นรายใหม่ หรือคนที่ลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์อยู่แล้วจะมีแนวทางในการทำธุรกิจแบบไหนอย่างไรเพื่อให้อยู่รอดซึ่งในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ Five Forces Model ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดเครื่องมือวิเคราะห์การแข่งขันในทางธุรกิจ
Five Forces Model คืออะไร?
ภาพจาก www.freepik.com/
Five Forces Model คือ เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์สภาวะการแข่งขันทางการตลาดถูกคิดค้นขึ้นโดย Michael E. Porter จากมหาวิทยาลัย Harvard ตีพิมพ์ใน Harvard Business Review ในปี 1979 เป็นการวิเคราะห์แรงกดดันทั้ง 5 ได้แก่ คู่แข่ง ลูกค้า สินค้าทดแทน ผู้จัดหาวัตถุดิบ และ การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม โดยเครื่องมือนี้ถูกนำมาวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของตลาดที่เรากำลังดำเนินธุรกิจอยู่ หรือกำลังจะเริ่มดำเนินธุรกิจเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพตลาดที่เราอยู่
ตัวอย่างการวิเคราะห์แฟรนไชส์อาหารด้วย Five Forces Model
ปัจจุบันแฟรนไชส์อาหารคือหนึ่งในการลงทุนที่หลายคนสนใจมาก มีทั้งผู้ประกอบการรายเล็ก รายใหญ่ผัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย การใช้ Five Forces Model พิจารณาแยกเป็นข้อๆมีดังนี้
1.การเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ (Threat of New Entrants) วิเคราะห์ข้อนี้ให้ดีจะพบว่าการเปิดร้านอาหารใหม่นั้นง่ายและลงทุนได้ด้วยเงินไม่มากนัก ใครก็เปิดได้ สำหรับข้อนี้ ภัยคุกคามในแง่ลบสูงมากๆ ถือว่ามีความเสี่ยงสูงก็จำเป็นต้องไปพัฒนาในเรื่องสินค้าและคุณภาพเพื่อลดความเสี่ยงของธุรกิจ
2.อำนาจต่อรองจากซัพพลายเออร์ (Power of Suppliers)– อำนาจในการต่อรองวัตถุดิบของร้านอาหารขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน หากร้านอาหารมีขนาดเล็ก อำนาจในการต่อรองก็น้อย แต่หากเป็นร้านอาหารที่มีขนาดใหญ่ก็จะสามารถใช้เครดิตซื้อวัตถุดิบได้และราคาถูกกว่า ซึ่งราคาอาหารตามสั่งคงไม่มีอำนาจต่อรองอะไรมากนัก หรืออาจไม่มีอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้เลย
3.อำนาจต่อรองจากลูกค้า (Bargaining Power of Customers)– ลูกค้าจะกินร้านไหนก็ได้ง่าย ยิ่งประเทศไทย ร้านอาหารค่อนข้างเยอะวิเคราะห์แล้วถือว่าข้อนี้ลูกค้ามีอำนาจต่อรองสูงมาก วิธีการแก้ปัญหาก็คือต้องหาจุดเด่นหรืออาจต้องเน้นเรื่องการตลาด สร้างความสนใจให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด