15 ธ.ค. 2021 เวลา 08:01
จบไปหมาดๆสำหรับมหากาพย์ซีรี่ส์ปล้นทองคำสำรองสเปนจากเน็ตฟลิกซ์ “La Casa de papel” หรือในชื่อภาษาอังกฤษ คือ “Money Heist” ใน Part สุดท้าย ที่ดอกเบี้ยสีทองได้มีโอกาสดู ดิฉันขอยกขึ้นแท่นให้เป็นซีรี่ส์ปล้นในดวงใจเลยทีเดียว สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูขอเล่าคร่าวๆแบบมีสปอยล์ก่อนเล็กน้อยนะคะ
1
หัวหน้าทีมปล้นนำโดย “ศาสตราจารย์” ได้รวมทีมงานตัวแรงที่มีความสามารถพิเศษต่างๆกันไปเพื่อวางแผนปล้นตู้เซฟที่เก็บทองคำสำรองของชาติสเปนที่ตั้งอยู่ในตู้เซฟใต้ดินที่ระบบความปลอดภัยชั้นเลิศในสำนักงานธนาคารกลางใจกลางเมืองหลวง ซึ่งเรื่องราวก็เต็มไปด้วยดราม่า ยิงกันสนั่น การเชือดเฉือนด้วยไหวพริบ การทรยศหักหลัง ความสัมพันธ์และความแน่นแฟ้นของตัวละครที่จะทำให้คนดูเอาใจช่วยให้การปล้นสำเร็จ และมีจุดเด่นของการเล่าเรื่องแบบFlash Back ที่ค่อยๆเผยที่มาที่ไปของการกระทำของตัวละครแบบแยบยลจนคนดูอย่างดิฉันทึ่งไปหมด แนะนำว่าเป็นซีรี่ส์ที่น่าสนใจสำหรับคอซี่รี่แนวแอคชันวางแผนแฝงดราม่าลุ้นระทึก ที่โจรมาในคราวผู้ที่ต่อสู้กับระบบที่กดขี่ เรียกว่าครบรสไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่า
ก่อนที่เพจจะเป็นเพจรีวิวหนัง ขอกลับมาที่เรื่องที่จะเล่าในวันนี้ก่อนนะคะ คือซีซันสุดท้ายเนี่ยมาถึงตอนนี้ทีมปล้นที่อยู่ในอาคารได้ถ่ายเททองคำออกมาผ่านเครื่องปั๊มแรงดันสูง เพื่อผลักเม็ดทองไปตามท่อน้ำทิ้งไปหาทีมงานภายนอกให้หลอมทำเป็นแท่งได้สำเร็จ แต่ปัญหาใหญ่ที่ทุกคนอยากรู้ว่ามาตั้งแต่แรกคือแล้วศาสตราจารย์ที่ควบคุมอยู่ภายนอกเนี่ย มีแผนจะช่วยคนในแบงค์อย่างไรให้ออกมาโดยที่ทหารตำรวจค่อนประเทศล้อมอาคารอยู่
2
[Spoiled Alert] ศาสตราจารย์ได้ยอมมอบตัวเพื่อเข้าไปเจรจากับหัวหน้าชุดจับกุม โดยทำให้คนภายนอกรู้ว่าทองคำสำรองระหว่างประเทศได้ถูกขโมยไปจนหมด ปรากฏว่าเป็นไปตามแผน คนก็แพนิกกันหมด แห่ทั้งถอนเงิน ขายหุ้นจนตกระเนระนาด เรียกว่าเกิดวิกฤตการเงินทั่วทั้งสเปนและกำลังโดมิโนไปสู่ประเทศอื่นๆในยุโรป แต่โชคดีตลาดปิดก่อน ศาสตราจารย์เลยต่อรองคืนทองเพื่อที่จะแลกกับการปล่อยทีมปล้นออกไป ปรากฏว่ายังไม่ลุ้นพอ โดนหลานรักปล้นทองที่ขโมยต่อไปอีก จึงต้องเล่นสงครามจิตวิทยากับหัวหน้าชุดจับกุม กว่าหัวหน้าชุดจะรู้ว่าทองที่เอามาคืนที่สื่อได้ภาพไปออกมันเป็น”ทองเหลือง” ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากปล่อยเลยตามเลยเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศเพื่อไม่ให้สเปนพังพินาศกว่าที่เป็นอยู่
1
ดิฉันก็มาคิดต่อว่า ในความเป็นจริงเราสามารถแอบเปลี่ยนใช้ทองเหลืองเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศแทนได้มั้ยนะ ก่อนอื่นเราก็ต้องทำความเข้าใจบทบาทของทองคำในการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศกันก่อน
1
ปัจจุบันบทบาทของทองคำไม่ได้ถูกใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันเงินสดที่เราเรียกว่ามาตรฐานทองคำมากนักในปัจจุบัน ประเทศต่างๆรวมถึง IMF มีการถือครองทองคำส่วนใหญ่เพื่อการลดความเสี่ยงของพอร์ททุนสำรองระหว่างประเทศ อย่างเช่นประเทศไทยมีการถือครองทองคำ คิดเป็นอันดับที่ 20 ของโลก ด้วยมูลค่าจาก8,334.42 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือนเมษายนปีทีแล้ว เป็น 13,925.83 ล้านเหรียญสหรัฐจากทุนสำรองทั้งหมด 243,016.65 ล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.73% ซึ่งสัดส่วนการถือทองคำได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยมานับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด19ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเนื่องจากการกังวลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นทองคำจึงถูกใช้ในการกระจายความเสี่ยงของทุนสำรองประเทศที่มักอยู่ในรูปเงินสกุลดอลล่าสหรัฐฯ
ทองคำแทบจะเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์อ้างอิง เนื่องจากมูลค่าที่อยู่ในตัวมันเอง (Intrinsic Value) และความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าประเทศที่ถือครองทองคำจำนวนมากอย่าง สหรัฐอเมริกา เยอรมันนี จะชะลอหรือหยุดสะสมทองคำกันแล้ว แต่มันก็ยังทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์สร้างความเชื่อมันให้กับประเทศและประชาชนที่อยู่ในประเทศเสมอๆ
ทีนี้กลับมาที่ซี่รี่ส์กันต่อ ถ้าเกิดว่ามีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเพื่อจะเปลี่ยนทองคำที่เก็บในเงินสำรองระหว่างประเทศเราเป็นทองเหลืองแบบลับๆอะไรจะเกิดขึ้น โดยปกติแล้วทุนสำรองระหว่างประเทศจะถูกบันทึกอยู่ในงบดุลของธนาคารแห่งประเทศไทย ตัวเลขนี้ก็เปรียบเสมือนเงินเก็บที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับค่าเงิน รักษาเสถียรภาพของระบบการธนาคาร รักษาอำนาจซื้อของเศรษฐกิจไทย ป้องกันไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนจนเกินไป
ถ้าทองจริงที่เก็บไว้ไม่มี แต่งบดุลยังคงบันทึกเป็นทองคำแท้ๆอยู่ สมมุติว่าไม่มีไครรู้จริงๆ(ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้) นักลงทุนและสถาบันการเงินจะสามารถดำเนินกิจการได้ปกติเพราะยังไม่มีจุดเริ่มต้นของความวิตกที่จะลามต่อให้เกิดการแพนิกได้ ทองคำ(ปลอม)สำรองก็ยังทำหน้าที่เป็น ‘กันชน’ ทางจิตวิทยาให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อไม่ให้ความผันผวนจากภายนอกเข้ามาสร้างผลกระทบต่อธุรกิจไทยหรืออาจกระทบกับอำนาจการซื้อของเศรษฐกิจไทยโดยรวมได้ ปัญหาต่างๆก็จะไม่เกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจสามารถเติบโตได้อย่างปกติ เพราะสัดส่วนการถือครองทองคำเป็นทุนสำรองถือว่าไม่ได้มากมายนัก
แต่...เมื่อไหร่ก็ตามที่ประเทศต้องการนำเงินสำรองออกมาใช้จริงๆ(เยอะๆ) อย่างเช่นตอนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ประเทศจะไม่มีเงินสำรองที่เพียงพอและพร้อมใช้ทั้งจากการค้าขาย การลงทุนของคนไทยและต่างประเทศ เพื่อรองรับความเสี่ยงจากต่างประเทศ ไม่มีเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงิน ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ภาคการท่องเที่ยวต้องตายอนาถ
1
ธนาคารกลางจะไม่สามารถทำหน้าที่เพื่อนพึ่งพายามยาก ( Lender of The Last Resort) ได้อีกต่อไป ให้นึกภาพเวเนซูเอล่าในปัจจุบันก็เป็นตัวอย่างที่จะเกิดขึ้นได้ ยังไม่นับกรณีที่ทองแท้ที่ถูกโจรกรรมได้ออกสู่ตลาดซื้อขาย ปริมาณทองคำในตลาดที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจะมีผลกระทบต่อมูลค่าทองคำในระยะสั้นจนฮั่วเซ่งเฮงต้องกรีดร้องออกมาเป็นภาษาสเปน และถ้าสุดท้ายคนทั่วไปทราบจนได้ว่าทองคำที่เก็บไว้เป็นทองเหลือง ความเชื่อมั่นต่อประเทศจะเป็นศูนย์ทันที จะไม่มีนักลงทุนหรือไครกล้าทำธุรกรรมด้วย..... ดังนั้น เมืองไทยพังแน่!!!!
โฆษณา