15 ธ.ค. 2021 เวลา 15:18 • การศึกษา
ให้ “การอ่าน” เป็นวาระสำคัญของชีวิต
ผมไม่รอให้ สพฐ.ศธ.สั่งการเป็นนโยบายให้ “การอ่าน” เป็นวาระสำคัญของชาติ เพราะมันน่าจะไม่ทันการเสียแล้ว อันเนื่องมาจากปิดเรียนมานานเกินและการสอนแบบ ONLINE และONHAND ที่ผ่านมาไม่ได้บังเกิดผลดีแต่ประการใด
อย่าได้ปฏิเสธความเป็นจริงกันเลย เป็นภาพรวมของข้อมูลจริงๆ ที่ไม่มีใครกล้าพูดว่า”ล้มเหลว” แต่ก็มีความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ที่มีเพียงประการเดียวคือ การปิดเรียน ช่วยลดความสุ่มเสี่ยงต่อมหันตภัยโควิด ทำให้ชีวิตนักเรียนและผู้ปกครองอยู่รอดปลอดภัย
ซึ่งก็มากพอ...ที่เราจะเข้มแข็ง เดินหน้าเพื่อการเรียนรู้ไปด้วยกัน
อนาคตอันใกล้ ไม่ต้องคาดเดา ไม่ต้องวิจัย..การศึกษาขั้นพื้นฐานจะมากมายไปด้วยเยาวชนของชาติที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เพราะมีโรงเรียนหลายพันโรงที่ยังปิดเรียนด้วยความหวาดกลัว
แต่โรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่เปิดแล้ว รวมทั้งโรงเรียนบ้านหนองผือซี่งเปิดได้เดือนกว่า ต้นสังกัดให้นโยบายการเรียนการสอนแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ให้จริงจังระวังเรื่องโควิดให้มาก
ผมรับทราบและปฏิบัติทันที บอกครูให้บูรณาการเนื้อหาวิชา แต่ต้องเร่งรัดและจริงจังตั้งใจในการสอน “ภาษาไทย”มากที่สุด โดยเฉพาะการอ่านและการเขียน
เพื่อลด “ปมด้อย”นักเรียนทุกชั้น และลดปัญหาเมื่อนักเรียนเลื่อนชั้นขึ้นไปในปีการศึกษาหน้า “ คุณภาพ”อาจไม่ได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่เวลาที่เหลือก็มากพอที่จะทำให้หนักเป็นเบา...
ผมลงมือทำแล้ว เริ่มจากปรับปรุงบรรยากาศภายในห้องสมุด จะใช้เป็นสถานที่จุดประกาย”การอ่าน”อย่างต่อเนื่อง และตั้งใจว่าจะใช้ห้องสมุดให้สมประโยชน์และคุ้มค่ากว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะเมื่อคิดไปข้างหน้า เหลือเวลาการสอนอีก ๒๑ เดือนเท่านั้น
ไม่เคยสงสัยเลยว่าทำไม ผอ.ต้องสอน..แต่หลายคนแปลกใจ ต้องอธิบายว่าเป็นเรื่องปกติของโรงเรียนเล็กๆ ถ้าเราลงมาช่วยอีกคน ไม่มีหรอกที่เด็กจะอ่านไม่ได้ เด็กทุกคนมีแรงจูงใจที่จะอ่านหนังสือให้ผอ.รร.ฟังทั้งนั้น
ที่สำคัญ...ผอ.รร.แทบจะทุกคน จบปริญญาตรีด้านการสอนมา เพิ่งจะมีดีกรี ป.โท ป.เอก ในภายหลัง...จึงไม่มีใครสอนไม่เป็น ยกเว้นโรงเรียนที่มีความพร้อม ผอ.อาจไม่ต้องสอนก็ได้
ผมสอน “การอ่าน”ทุกวัน สอนจนรู้สึกว่าตัวเองเก่ง คือเชี่ยวชาญว่างั้นเถอะ เรื่องบริหารก็พอไปได้เรื่อยๆ ที่เหนื่อยมากมายแต่มีความสุขเหลือเกิน คือสอนแล้วเด็กอ่านได้เขียนได้
๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมรู้พื้นฐานการอ่านของเด็ก ป.๑ – ป.๓ ทุกคน พยายามแก้ปัญหาไปทีละคน เริ่มจากสะกดตัวผสมคำ พูดคุยซักถามเพื่อให้นักเรียนรู้ความหมาย ที่อ่านได้คล่องก็ให้อ่านเป็นคำ อ่านเรื่องราว การให้นักเรียนอ่านหนังสือทุกวัน เด็กจะติดเป็นนิสัย จนไปถึงขนาด”รักการอ่าน” ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆ
ทุกวันนี้...รู้แล้วว่า เด็กของผมร้อยละ ๘๐ อ่านได้ ในจำนวนนี้มีถึงร้อยละ ๕๐ ที่อ่านคล่อง ผมจึงต้องทำเรื่องนี้ต่อไป ให้เป็นวาระสำคัญชองชีวิต เพื่อเป็นอานิสงส์หรือบุญบารมีติดตัว เพราะการทำให้คนรู้หนังสือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่นัก...ถึงจะเป็นงานที่หนัก..แต่ผมก็สู้ ครับ
โฆษณา