Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Sweetzy
•
ติดตาม
19 ธ.ค. 2021 เวลา 04:12 • คริปโทเคอร์เรนซี
เรื่องเล่า NFTs
ทำไมถึงมีคนยอมจ่ายเงินแสนเพื่อรูป JPEGs ด้วย?
แน่นอนว่ามันต้องมีเหตุผลที่ผู้คนยอมจ่ายเงินเป็นล้าน โดยไม่สนว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกประหลาด
หรือไม่
Richerd's NFT
ว่าแต่ อะไร, หรือสิ่งใด ที่จะมาโน้มน้าวให้คุณ
ยอมให้มูลค่ารูปด้านบนถึง 9 ล้านดอลล่าล่ะ?
รูปที่คุณเห็นเรียกว่า NFT, เป็นหนึ่งในยุคบุกเบิก โดยรูปนี้อยู่ในคอลเลคชั่นของ Cyptopunks ซึ่งถูกปล่อยออกมาหนึ่งหมื่นชิ้น ในปี 2017 ตรงกับช่วงเวลาที่โลกกำลังหาคำตอบว่า Bitcoin คืออะไรพอดี
แน่นอนคุณอาจจะเบ้ปากมองบนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง รูปราคาเก้าล้านดอลล่าหรือไอเดียเกี่ยวกับ NFT, เสียงตอบรับเหรียญ Non-fungible token ไม่ได้เปลี่ยนไปซักเท่าไร
ตั้งแต่ที่เรื่องเริ่มปะทุออกมาราวเดือนมีนาคม คนส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นว่าพวกมันเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นเรื่องต้มตุ๋น ยิ่งการค้าขายเติบโตมากเท่าไร ก็ยิ่งด้านต่อความ
อยุติธรรมมากเท่านั้น
ซึ่งมันก็ได้พาพวกเรากลับไปยังรูปพิกเซลด้านบน เจ้าของคือคุณ Richerd นักพัฒนาซอฟต์แวร์ผู้อ่อนโยนชาวแคนาดา เขาเคยพยายามสร้างซอฟต์แวร์ Cyptocurrency ในปี 2013 แต่ก็ท้อไปเสียก่อน
หลังจากที่เขารู้จักกับ NFTs เมื่อต้นปี ก็เลยซื้อ Cyptopunk #6046 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ในราคาแปดหมื่นหกพันดอลล่ามาเก็บไว้ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่ามันเป็นการซื้อที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของเขา
Richerd มีผู้ติดตามบนทวิตเตอร์ราวแปดหมื่นคน
เมื่อเดือนที่แล้วเขาบอกว่า สำหรับเขา Cyptopunk เป็นของที่ตีมูลค่าไม่ได้และเขาก็จะไม่ยอมขายมันเด็ดขาดไม่ว่าจะราคาเท่าไรก็ตาม
เท่านั้นแหล่ะ วันถัดมา ก็มีการทดสอบความมุ่งมั่นของเขาทันที เมื่อมีคนเสนอซื้อมันที่ราคา 2,500 ETH หรือเก้าล้านห้าแสนดอลล่า แต่ไม่ใช่เพราะ Cyptopunk ของเขามีมูลค่าเท่านั้นจริงๆ หรอกนะ
เพราะตอนนี้ราคาของ NFTs ที่คล้ายๆกันอยู่ที่สี่แสนดอลล่าเท่านั้น แต่เพราะความโผงผางในที่สาธารณะของเขาได้ก่อความน่ารำคาญ มันคือความท้าทาย
อย่างไรก็ดี มันคือการเสนอซื้ออย่างถูกกฏหมาย เพราะถ้า Richerd กด "ยอมรับ" ข้อเสนอ ETH จำนวน 2,500 เหรียญ ก็จะไหลเข้าสู่กระเป๋าของเขาทันที
2
แต่เขาก็ปฏิเสธข้อเสนอไปซะอย่างนั้นน่ะ
"คือ, ก็ชัดเจนแล้ว ผมพูดไว้วันก่อนหน้าว่า "ผมจะไม่ขายมัน ไม่ว่าจะราคาเท่าไร" ,แล้วถ้าผมขายมัน ก็เท่ากับผมทรยศความซื่อสัตย์ของตัวเองน่ะสิ"
Richerd บอกผ่านซูม
"สำหรับเรื่องนั้น ผมจะใช้ Cyptopunk เป็นรูปโปรไฟล์ของผม, เป็นแบรนด์ของผม ทุกคนจะรู้ว่านั่นคือผม"
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ไม่นาน คำอธิบายของ Richerd จะเป็นเรื่องที่หลุดโลกมากต่อฉัน การหย่าขาดจากโลกแห่งความเป็นจริงแบบไหน ที่จะมีคนยอมเสนอตัวเลข 8 หลักเพื่อรูปที่ดูเหมือนงานบน Fiverr กันเล่า? ความเข้าใจผิดที่อัปยศแบบไหนที่จะทำให้คนปฏิเสธข้อเสนอแบบนั้นได้?
แต่หลังจากที่ฉันใช้เวลาหลายเดือนในการติดตามและค้นคว้าเกี่ยวกับ NFTs อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ทำให้ฉันตกใจแม้แต่น้อย , ความจริงก็คือ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
Bitcoin Millionaire
หนึ่งในความจริงที่จะอธิบายได้เร็วสุดว่าทำไม NFT ถึงได้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับเงินเดือนของ CEO
: จากการประเมิน
Bitcoinได้ก่อให้เกิด Millionaire มากกว่าแสนคน จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่ NFTs จะเพิ่มเข้ามาเป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่งในเดือนมีนาคม ในเมื่อ Bitcoin พุ่งเข้าแตะที่ราคา 60,000 ดอลล่า ซึ่งมากถึง 500% จาก 6 เดือนก่อนหน้า
เมื่อคุณเห็นพาดหัวหรือการทวีตเกี่ยวกับยอดเงินที่บ้าคลั่งเพื่อการใช้จ่ายไปกับ NFT มันง่ายมากที่จะทำให้คุณสับสน เพราะมันจะเป็นเรื่องบ้าบอคอแตกถ้าหากคุณซื้อมัน
แต่สิ่งนึงที่คุณลืมก็ไปคือ สิ่งของที่มีราคาแพงมากๆส่วนใหญ่จะถูกซื้อโดยผู้คนที่ร่ำรวยมากๆ - และผู้คนที่ร่ำรวยมากๆก็จะใช้จ่ายไปกับสัญลักษณ์สถานะของพวกเขา
ยกตัวอย่าง เช่น Bored Ape Yatch Club
มันคือคอลเลคชั่นเอ้ปหมื่นตัว และแต่ละตัวจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน ทำให้บางตัวหายาก และตัวที่หายากก็จะถูกขายด้วยราคาเป็นล้าน ส่วนตัวธรรมดาจะอยู่ราวๆสองแสนดอลล่า (หากย้อนกลับไปช่วงเดือนเมษายน ผู้พัฒนาเอ้ป ได้ปล่อย NFTs ไปที่ราคาตัวละร้อยเก้าสิบดอลล่าเท่านั้น
) BAYC ได้ถูกครอบครองโดยความชื่นชอบของ Steph Curry กับ Jimmy Fallon มันคือสิ่งที่คุณเรียกว่า "คอลเลคชั่นรูปโปรไฟล์" และจุดมุ่งหมายหลักของรูปภาพคือ เพื่อใช้เป็นรูปแสดงตัวตัวบนดิสคอร์ดซึ่งเป็นที่ๆ NFT ส่วนใหญ่เค้าใช้ทำธุรกิจกัน หรือบนทวิตเตอร์ , อินสตราแกรม และที่อื่นๆ
3
200,000 ดอลล่า เพื่อรูปโปรไฟล์เนี่ยนะ?!
โดยส่วนตัวแล้ว นั่นมันบ้ามาก แต่ถ้าหากนำไปวางบนสเปกตรัมการใช้เงินของผู้คนที่ร่ำรวย,ก็ไม่ทำให้ตกใจน้อยลงไปหรอก เพราะในเมื่อคุณสามารถคลิ๊กขวาแล้ว save JPEG ได้ ทำไมจะต้องเสียเงินซื้อกันด้วย?
ก็แหม ในเมื่อคุณสามารถซื้อบ้านในพื้นที่ที่ดีปลอดภัยที่สุดจากมุมไหนของโลกก็ได้ด้วยเงินหนึ่งล้านดอลล่า หรือหากเป็นเซเล้ปก็แมนชั่น ราคายี่สิบล้านดอลล่า คุณสามารถหาชุดแฟชั่นในราคาต่ำกว่าห้าร้อยดอลล่า
อีกทั้ง แบรนด์อย่างชาแนลที่สร้างธุรกิจมาเพื่อที่จะต้องขายสินค้าถึงยี่สิบครั้ง กว่าจะได้จำนวนดังกล่าว
เรารู้ว่าพวกเหล่าคนรวยมักจะซื้อของฟุ่มเฟือยข้างนอกนั่น แต่ก็เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะซื้อของฟุ่มเฟือยบนโลกออนไลน์ด้วยน่ะ?
1
ในโลกแห่งความเป็นจริง
"พวกคนรวยจะอวดความมั่งคั่งของพวกเขายังไง? "
Alex Gedevani นักวิเคราะห์ที่ cryptocurrency research firm Delphi Digital กล่าว
"มันอาจจะเป็นการซื้อรถหรือนาฬิกา"
แล้วถ้าปรับเปลี่ยนมาเทียบกับ
"ฉันซื้อ Cypto punk แล้วเอามาใส่เป็นรูปโปรไฟล์"
1
ชัดเจน, สัญลักษณ์บ่งบอกสถานะของพวกเศรษฐีสรุปได้ว่า ไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับสิ่งใด เราทุกคนปรนเปรอตัวเองไม่ทางใดก็ทางนึง
คุณอาจจะซื้อรถราคาสองหมื่นดอลล่าทั้งๆที่รถราคาเจ็ดพันดอลล่าก็ใช้วิ่งได้เหมือนกัน หรือซื้อเสื้อยืดราคาสามสิบดอลล่าทั้งๆที่ในวอลมาร์ทขายปัจจัยพื้นฐานต่ำกว่าห้าดอลล่าเท่านั้น
สิ่งที่สัญลักษณ์บ่งบอกสถานะมีเหมือนกันคือ
พวกเขามีผู้ชมที่เจาะจงไว้ในใจอยู่แล้ว
พนักงานธนาคารสวมโรเล็กซ์,
หัวหน้าผู้บริหารเดินไปที่รถเบนท์ลีย์ของหล่อน
โดยไม่สนใจสิ่งที่ฉันคิดว่ามันจะเป็นการซื้อที่มากเกินไป
พวกเขามีคนกลุ่มเล็กๆแต่ทรงพลัง ที่พยายามจะสร้างอิทธิพลด้วย และเช่นเดียวกันกับ NFTs
1
ในกรณีของ Richerd เขามีธุรกิจเป็นของตัวเอง คือ Manifold ซึ่งเป็นที่ๆเขาช่วยศิลปินดิจิตอลอย่าง Beeple ในการใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อสร้างศิลปะที่ออกมาในลักษณะของ NFTs ได้เท่านั้น
การได้เป็นส่วนหนึ่งของคอลเลคชั่น NFT ที่เป็นที่ต้องการเป็นการช่วยในวงจรเหล่านั้น และเมื่อเขาพูดว่า แบรนด์ของเขาสร้างบน Punk ของเขา เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลย - เพราะมันถึงขนาดที่ว่ามีกลุ่มนักลงทุนจัดตั้งชื่อองค์กรตามชื่อของเขากันเลยทีเดียว
"คนที่ครอบครอง Cyptopunk เชื่อมั่นในบางสิ่ง" Richerd อธิบาย "ทั้งการอยู่ในชุมชนมาเป็นเวลานานคุณจึงเชื่อมั่นของพวกนี้,หรือการที่คุณจ่ายเงินไปเป็นจำนวนมาก มันเป็นการแสดงความเชื่อมั่น"
"ผมแค่ต้องการแสดงความเชื่อมั่น นี่คือหนึ่งในโปรเจค ที่ทำให้คุณลงเงินของคุณในที่ๆปากของคุณอยู่"
แต่มันเหมือนจะมีปัญหาอยู่ซักหน่อย
NFTs เป็นโพราไรซ์ มีเพียงกลุ่มคนจำนวนน้อยที่เชื่อในเทคโนโลยีของมัน ( เหรียญที่พิสูจน์ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผลิตภัณฑ์ดิจิตอล ) แต่ก็มีจำนวนคนมากกว่าที่ถือว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวง
ก็แค่เพียงว่าคนกลุ่มที่สองต่อสู้เพื่อที่จะได้เห็นคุณค่าอะไรก็ได้ของ NFTs,
แต่คนกลุ่มแรกบางครั้งก็สามารถรับความไม่สมบูรณ์แบบเกี่ยวกับเทคโนโลยีได้ แล้วก็ไม่สงสัยเกี่ยวกับมัน
NFT มีปัญหาอยู่หลายอย่าง
อย่างแรกคือ การเข้าไม่ถึงที่น่าสับสน
เหตุผลที่นักพัฒนาซอฟแวร์มีแนวโน้มในการเทรด Cypto และ NFT ได้ดีกว่า เพราะการตั้งค่ากระเป๋า Blockchain และอุปกรณ์เครื่องใช้ดิจิตอลเป็นเรื่องยาก
แม้แต่การซื้อและขายก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตราย และถ้าคุณส่งเงินเข้าที่อยู่ผิดกระเป๋าโดยไม่ได้ตั้งใจ เงินของคุณก็จะหายไปตลอดกาล
และยังมีค่าบริการอีก
ลองจินตนาการว่าคุณกำลังจุ่มนิ้วเท้าของคุณลงบน Non-fungible waters และมีเงินที่พร้อมจะเสียอยู่พันนึง
และคุณกำลังมินท์ NFT ใหม่ๆ ในช่วงระหว่างการลดราคาของตลาด ตามปกติคุณจะใช้ประมาณ ร้อยยี่สิบถึงสี่ร้อยดอลล่า - มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปซักเท่าไร จนกระทั่งคุณเดินทางไปถึงช่องค่าบริการธุรกรรม
3
NFTs ส่วนใหญ่ถูกสร้างบน Ethereum Blockchain ซึ่งฉาวโฉ่เรื่องนี้เลย ยิ่งคนใช้งาน Ethereum มากเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นการเทรด Altcoins หรือซื้อขาย NFTs ค่าบริการก็จะสูงตามขึ้นไปด้วย
หากอยู่ระหว่างช่วงเวลาที่ดีหน่อย คุณอาจใช้ประมาณร้อยดอลล่า ต่อการทำธุรกรรม 1 ครั้ง ยังไงก็ตาม ถ้าค่าบริการดีดขึ้นสองหรือสามเท่าก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
และ ทันใดนั้นเงินพันนึงของคุณก็ไปไหนไม่ไกลซักเท่าไร
1
นี่เป็นปัญหาโดยเฉพาะสำหรับ NFTs ที่ฉาวโฉ่เรื่อง "สงคราม-แก๊ส" มันก็เป็นไปได้ ถ้ามีคนแสนคนที่อยากจะซื้อเหรียญ Shiba inu พร้อมกัน เพราะมันมีการหมุนเวียนอยู่เป็น Quadrillion
1
แต่ถ้าคนหมื่นคนพยายามที่จะซื้อ NFT ก็จะส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างหนัก เพราะว่าผู้ใช้บางคนพยายามเสนอราคาที่สูงกว่ากัน เพื่อเร่งการซื้อของพวกเขา
และแล้ว ในเวลาเพียงหนึ่งหรือสองนาทีก็พอที่จะสร้างความเสียหายอย่างมากมาย
ผู้คนที่ยอมจ่ายค่าธุรกรรมหมื่นดอลล่า ไม่ใช่เรื่องแปลก และผู้คนที่สูญเสียหนึ่งพันดอลล่า เพราะการทำธุรกรรมล้มเหลวก็เหมือนกัน
1
ความไร้ประสิทธิภาพของ Ethereum ยังก่อให้เกิดการวิพากวิจารณ์อื่นๆต่อ NFTs เช่นการใช้พลังงานจำนวนมากของพวกเขา
ต้องบอกก่อนว่านี่คือปัญหาเชิงความหมาย เพราะ NFTs ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมพอๆกับ Ethereum
เน็ตเวิร์คชนิดอื่น เช่น Solona ก็ใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยเช่นกัน นักพัฒนา Ethereum คาดว่าการดำเนินการอัปเดทของปีหน้าจะใช้พลังงานแค่ 1% ของที่กำลังใช้อยู่ในการขุด
2
ส่วนในตอนนี้ ยังไม่มีใครที่จะบอกได้อย่างเต็มปากว่า Ethereum ใช้พลังงานไปเท่าไร แต่เราก็รู้ว่ามันมาก ( แม้ว่า Bitcoin จะได้รับพาดหัวข่าวทั้งหมด แต่ก็ยังมีประสิทธิภาพน้อยกว่า Ethereum นั่นก็เป็นสาเหตุที่แทบจะไม่มีอะไรสร้างขึ้นบนบล็อคเชนของมันเลย)
ความจริงท้ายสุด
ของนักลงทุนที่เทรด NFTs ก็คือการทำกำไร มีนักต้มตุ๋นอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง และราคาก็เปลี่ยนแปลงง่าย
ผู้คนส่วนใหญ่ที่สร้าง, ซื้อและขาย NFTs เป็นพวกที่ไม่รู้และไม่สนใจในเทคโนโลยีของมัน หากมีการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีเกิดขึ้น ก็มักจะถูกบดบังด้วยการเคลื่อนไหวของราคาที่น่าปวดหัว
"ผมจะเรียกมันว่าฟองสบู่" Gedvani กล่าว
"เพราะจำนวนนักเก็งกำไรที่เข้าสู่ตลาดนั้นแซงหน้าผู้สร้างงานที่แท้จริง”
แต่การแตกของฟองสบู่ก็ทิ้งร่องรอยที่ดีกว่าไว้ นึกถึง pets .com ตอนที่มูลค่าของมันแตะจุดสูงสุดที่สองร้อยเก้าสิบล้านดอลล่าในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2000 แต่พอเข้าเดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน ฟองสบู่เสียๆของ .com ก็เริ่มระเบิดออกมา
ซึ่งร้านได้ปิดตัวไปก่อนแล้ว จึงได้ถูกนำมาเป็นอุทาหรณ์ในการซื้อขายเก็งกำไรในฟองสบู่ แต่แรงกระตุ้นในการลงทุนใน pets .com กลายเป็นว่าสมเหตุสมผล แค่การลงทุนในความเสี่ยงถูกแนะนำแบบผิดๆ แต่เทรนด์ของอีคอมเมิร์ซที่กำลังสะบัดดันถูกกฎหมาย
งานศิลปะพิกเซล เจ็ดหลักอาจไม่คงอยู่ตลอดไป แต่มันคือการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทางดิจิตัล ซึ่งเป็นสิ่งที่ NFT เกี่ยวข้องจริงๆ ก็อาจเป็นได้
ปี 2022 ที่ยิ่งใหญ่
เป็นปีที่ใครๆก็เดาว่ามันคือจุดจบของ NFT และส่วนคนที่รู้อาจจะพยายามเสนอขายอะไรบางอย่างให้คุณ แต่สิ่งที่เรารู้ก็คือ จำนวนของผู้คนที่ซื้อขาย NFT นั้นกำลังเติบโตขึ้น
มีการประมาณว่า ผู้คนราวๆ สองแสนห้าหมื่นคน ทำการซื้อขาย NFTs บน Opensea ต่อเดือน มันคือตลาด NFT ที่ใหญ่สุดในตอนนี้ และในอีกไม่ช้า CoinBase ก็จะเปิดตลาด NFT ของพวกเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งมีผู้คนจำนวนสองล้านคนกำลังรออยู่แล้ว ส่วน Robinhoods ก็มีแผนการคล้ายๆกัน
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ พวกบริษัทใหญ่ๆ ที่สร้างเม็ดเงินนอกวงจรของ Crypto ก็กำลังอยากจะเข้ามา เช่น
Niantic บริษัทที่อยู่เบื้องหลังโปเกมอนโก พึ่งจะประกาศเปิดตัวเกมส์ที่เล่นแล้วได้รับ Bitcoin
ทวิตเตอร์และบริษัทที่เมื่อก่อนเรารู้จักกันดีในนามของ Facebook ก็มีแผนที่จะบูรณาการ NFT เข้าสู่แพลตฟอร์มของพวกเขาด้วยเช่นกัน Epic games ก็บอกว่าจะทำแบบนั้นเหมือนกัน
1
จินตนาการโลกที่คุณซื้อสกินใน Fortnite แล้วคุณก็ซื้อ NFT ของสกินที่คุณมีอยู่ได้ด้วย นั่นหมายถึงคุณสามารถเทรดมันเป็นเสื้อผ้าหรืออาวุธในเกมส์ประเภทอื่นได้ หรือขายมันทิ้งเมื่อคุณเสร็จธุระกับมันแล้ว ( Epic บอกว่ามันจะไม่ถูกบูรณาการกลไกลเข้าไปใน Fortnite แต่ก็นะ เรื่องนั้นมันหยุดเหล่าผู้แข่งขันไม่ได้หรอก )
1
Richerd คาดว่าจำนวนผู้คนมากมายที่กำลังจะหลั่งไหลเข้ามาในตลาด จะสร้างความหลากหลายในวงกว้างของผลิตภัณฑ์จากดิจิตัล เพื่อขายแก่ผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน
เพื่อนบ้านของคุณ อาจไม่ต้องการจ่ายสองร้อย-หรือสองแสนดอลล่า เพื่อรูปโปรไฟล์ แต่พวกเขาอาจเต็มใจที่จะซื้อสกินบางชนิดในราคาสิบดอลล่า หรือผลิตภัณฑ์บางอย่างใน Facebook Metaverse
ยังไงก็แล้วแต่ วงจรของอวกาศอาจจะเปลี่ยนไป แต่เขายังมั่นใจว่า Cyptopunk #6046 ของเขาจะยังปลอดภัยไปอีกระยะ
"หากแม้ NFT ทุกชนิดจะล้มเหลว" เขาบอก
"Cyptopunks ก็จะเป็นสิ่งสุดท้าย"
เผยแพร่ครั้งแรก วันที่ 1 ธันวาคม 2021
เวลา 5 a.m PT
หากคุณคืออีกคนสนใจเรื่องราวเทรนด์
ความรู้ใหม่ๆ ที่ไม่ซับซ้อน เกี่ยวกับ
NFTs , Cyptocurrency
และ Metaverse
กด ติดตามกันไว้ได้เลยค่ะ 👋
Reference :
https://www.cnet.com/news/nfts-explained-why-people-are-spending-millions-of-dollars-on-jpegs/
nft
4 บันทึก
2
2
4
4
2
2
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย