17 ธ.ค. 2021 เวลา 04:33 • ท่องเที่ยว
ภูฏาน หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรภูฎาน (Kingdom of Bhutan) ประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในแถบเทือกเขาหิมาลัย รายล้อมไปด้วยหุบเขาสูงใหญ่ และธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์
ภูฏาน เป็นประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นหัวใจสำคัญมาตั้งแต่อดีต กล่าวได้ว่า ภูฏานถูกรวบรวมกันไว้เป็นปึกแผ่นด้วยศาสนาพุทธนั่นเอง โดยการอพยพเข้ามาของ ลามะจากทิเบต ที่เข้ามาสร้างศาสนสถานพร้อมกับเผยแผ่ศาสนาพุทธในช่วงนั้น มีลามะจากทิเบตหลากหลายนิกายอพยพมายังภูฏานมากขึ้น ทำให้เกิดการต่อสู้แข่งขันแย่งชิงความเป็นใหญ่ในภูฏาน
จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 17 ลามะ ซับดุง นาวัง นำเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal Rama) คือผู้ที่สามารถเอาชนะนิกายอื่นๆ และได้ปกครองภูฏานมาร่วมสองทศวรรษจนกระทั่งเกิดปัญหาความขัดแย้งในระบบการปกครองประเทศ ที่แบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ แยกเป็นฝ่ายฆราวาสและฝ่ายสงฆ์ โดยฝ่ายฆราวาสในขณะนั้นคือ จิกมี นัมเกล วังชุก (Jigme Namgyal Wangchuck) เจ้าเมืองตรงซา (Trongsa Penlop) ซึ่งเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลและได้รับการยอมรับนับถือจากชาวภูฏานทั้งหมด
และในตอนนั้นได้เกิดการขัดแย้งเรื่องการปกครองที่เมืองปาโร จิกมี นัมเกล วังชุก จึงแต่งตั้งลูกชาย อูเก็น วังชุก (Ugyen Wangchuck) เป็นเจ้าเมืองปาโร นับเป็นการได้อำนาจการปกครองอาณาจักรภูฏานโดยปริยายจนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2450 คณะสงฆ์ที่ปรึกษาแห่งรัฐ ผู้ปกครองเมืองต่างๆ ตลอดจนตัวแทนประชาชนได้ทำการเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ อูเก็น วังชุกเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์แรกของภูฏาน นับเป็นการเริ่มต้นราชวงศ์วังชุก รัฐบาลภูฏานจึงกำหนดให้ทุกวันที่ 17 ธันวาคมเป็นวันชาติ
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมิ ซิงเย วังชุก ทรงดำเนินนโยบายเปิดประเทศหรือนโยบายมองออกไปข้างนอก (outward-looking policy) ภูฏานเริ่มดำเนินการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ปัจจุบันรัฐบาลภูฏานอยู่ระหว่างการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงทุนเพื่อให้มีความชัดเจนแก่นักธุรกิจต่างประเทศในการเข้ามาลงทุนในภูฏานมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภูฏานต้องการที่จะพัฒนาประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของประเทศ ในทางปฏิบัติจึงไม่ต้องการการลงทุนจากต่างประเทศมากจนเกินไป
ความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจของภูฏาน ส่วนหนึ่งมาจากการมีธรรมรัฐ (good governance) และการที่ข้าราชการได้รับค่าตอบแทนสูง ภูฏานเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเก็บภาษีน้อยที่สุด รายได้จากการเรียกเก็บภาษีคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.3 ของรายได้รัฐบาล และภาษีจากภาคธุรกิจคิดเป็นร้อยละ 3 เท่านั้น ส่วนรายได้ที่เหลือเป็นรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำให้แก่อินเดีย เงินปันผล ค่าภาคหลวง ภาษีสรรพสามิต และรายได้จากสาธารณูปโภค แม้ภูฏานเป็นประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างมั่นคง และมีดุลการชำระเงินดี แต่ภูฏานต้องพึ่งพิงเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นจำนวนมหาศาล ประมาณร้อยละ 33 ของ GDP ขณะนี้
ภูฏานอยู่ระหว่างการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ โดยเป็นการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความช่วยเหลือจากธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือจากตะวันตกและญี่ปุ่น เศรษฐกิจของภูฏานยังคงมีความผูกพันกับอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ให้เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าและเงินกู้แก่ภูฏานอยู่มาก #ประเทศภูฎาน #Bhutan #ทวีปเอเซีย #Asia
โฆษณา