ถ้าไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ ETH เป็นอีกเหรียญที่มีความสำคัญในวงการ Crypto มาทำความรู้จักกันว่า ETH คืออะไร....
Ethereum (ETH) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Bitcoin โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดและปริมาณการซื้อขายที่ใหญ่เป็นอันดับสอง
Ethereum เพิ่งได้มีการพัฒนาเป็น Ethereum 2.0 โดยเปลี่ยนจากการใช้หลักการ Proof of Work เป็น Proof of Stake ซึ่งประหยัดพลังงานและปลอดภัยกว่า โดย Proof of Stake สามารถรองรับธุรกรรม 100,000 รายการต่อวินาที
Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้บล็อกเชนแบบ Open-source ซึ่งอนุญาตให้นักพัฒนาสร้างสัญญาอัจฉริยะหรือ Smart Contract และแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (Dapps) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงธุรกรรมประเภทต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องมีคนกลาง และเนื่องจาก Ethereum เป็นแพลตฟอร์ม Open-source โทเคนใดก็ตามที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Ethereum จึงเป็นโทเคน ERC-20 ด้วยเช่นกัน
Ethereum เป็นหนึ่งในคริปโตเคอร์เรนซีบนบล็อกเชน
- ●ที่คิดค้นโดยนักเขียนโปรแกรมชาวรัสเซียชื่อว่า Vitalik Buterin โดยก่อนหน้านี้เขาเป็นหนึ่งในทีมพัฒนา Bitcoin ที่เสนอแนวคิดที่สนับสนุน Smart Contract แต่ความคิดของเขาถูกปฏิเสธ Vitalik จึงเริ่มสร้างแพลตฟอร์มบล็อกเชนของตัวเองซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ Ethereum ในปัจจุบัน
เหรียญ Ethereum เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัล ที่ใช้เทคโนโลยี blockchain ทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งถูกพัฒนาโดย Vitalik Buterin ชาวรัสเซีย เขาเคยอยู่ในทีมพัฒนาของ Bitcoin และเขาได้นำเสนอการพัฒนาให้เหรียญ Bitcoin สามารถเขียน Smart Contract ที่ซับซ้อนได้ แต่น่าเสียดายที่ทางทีมพัฒนาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ จึงทำให้ Vitalik เริ่มต้นคิดค้นการสร้าง Blockchain Platform ขึ้นมาในแบบของตัวเองที่ชื่อว่า Ethereum
Ethereum 2.0 เตรียม Hard Fork ครั้งแรก การ Hard Fork ครั้งแรกของ Ethereum 2.0 Beacon Chain เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือ การรองรับ Light Clients ซึ่งเป็น Node ที่มีความต้องการทรัพยากรน้อยที่สุด และสามารถทำงานบนอุปกรณ์พกพาได้ วิธีนี้จะช่วยให้ Trust-Minimized Wallets สามารถตรวจสอบ Blockchain ได้ด้วยตัวเอง แทนที่จะต้องพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก
รายงานเผยว่า 80% ของเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันที่ไหลเข้ามาในตลาดคริปโตถูกนำไปลงทุนใน Ethereum การลงทุนดังกล่าวจึงมีมูลค่าโดยรวมประมาณ 195 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการเปิดตลาดซื้อขาย ETH Future ของ CME ที่ได้เปิดให้ซื้อขายกันในวันที่ 8 ก.พ. 2021 โดยการลงทุนใน Bitcoin มีเพียง 41.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งกล่าวได้ว่านักลงทุนเริ่มมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดคริปโตกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
Community & Whitepaper
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะของสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งเงื่อนไขผลตอบแทน,ความเสี่ยงของสินทรัพย์ ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลและประเมินความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
