23 ธ.ค. 2021 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
บริษัท 3M ทำอย่างไร ให้มีสินค้า 60,000 ชนิด
1
ทำไมหลาย ๆ บริษัทกว่าจะคิดค้นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาได้แต่ละชนิดนั้นยากเหลือเกิน
กลับกัน บางบริษัทกลับเป็นเจ้าของแบรนด์เป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพัน จนถึงเป็นหมื่นชนิด
2
หนึ่งในนั้นก็คือ 3M บริษัทที่ทำธุรกิจมาเกินกว่า 100 ปี และคิดค้นผลิตภัณฑ์มากเกินกว่า 60,000 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นสก๊อตช์เทป สก๊อตช์-ไบรต์ แผ่นแปะโพสต์-อิท ไปจนถึงหน้ากากอนามัย N95
4
แม้ทุกวันนี้ หลายคนจะรู้จัก 3M ในฐานะเจ้าแห่งนวัตกรรม
แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว ในช่วงยุคเริ่มต้นนั้น 3M ต้องใช้เวลากว่า 10 ปี
กว่าจะคิดค้นและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาได้
1
แล้วอะไรกัน คือเบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลงในบริษัทแห่งนี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
1
จุดเริ่มต้นของ 3M เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1902 เมื่อชาย 5 คนรวมตัวกัน
เพื่อเปิดบริษัทเหมืองแร่เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เพื่อที่จะหาหินแร่ไปผลิตเป็นกระดาษทราย
4
บริษัทนี้ ตั้งอยู่ที่เมืองทูฮาร์เบอร์ส รัฐมินนิโซตา เลยตั้งชื่อว่า “Minnesota Mining and Manufacturing Company” ซึ่งในภายหลังได้กลายมาเป็น “3M” นั่นเอง
3M เรียกได้ว่า “ผิดพลาด” ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ เมื่อพวกเขาต้องการหาแร่
ที่เรียกว่า คอรันดัม ซึ่งเป็นแร่ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการนำมาทำกระดาษทราย
แต่ปรากฏว่าสิ่งที่พวกเขาได้มานั้นกลับกลายเป็น อะนอร์โทไซต์ ซึ่งเป็นแร่ที่แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย
จากเหตุนี้ทำให้กระดาษทรายที่ผลิตออกมา มีคุณภาพต่ำ ส่งผลให้ยอดขายย่ำแย่ จนบริษัทเกือบล้มละลาย
1
แต่ยังโชคดีที่ยังมีนักลงทุนรายใหญ่จากเมืองเซนต์ปอล ชื่อ ลูเซียส ออร์ดเวย์ เข้ามาช่วยลงทุนอุ้มบริษัทเอาไว้
2
ต่อมา 3M ได้ย้ายบริษัทมาที่เมืองดูลูทและเปลี่ยนไปซื้อวัตถุดิบที่ดีขึ้นจากซัปพลายเออร์ที่ได้มาตรฐาน บวกกับค่อย ๆ พัฒนาสินค้าจนเริ่มพอขายได้ทีละเล็กทีละน้อย
1
หลังจากนั้น 3M ได้จ้างหัวหน้าฝ่ายขายเข้ามาใหม่ รวมถึงฝ่ายบัญชีคนใหม่ที่ชื่อ วิลเลียม แม็กไนต์
แม็กไนต์เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ได้เข้ามาเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรใหม่ โดยเน้นย้ำเรื่องการร่วมมือกันทำงาน,​ พยายามปรับปรุงคุณภาพสินค้า และที่สำคัญคือการกระตุ้นให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์
1
ซึ่งในภายหลัง แม็กไนต์ คนนี้เอง ก็ได้กลายมาเป็นประธานบริษัท รวมถึงประธานบอร์ดบริหาร
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มีส่วนให้บริษัทสามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปี นั่นก็คือ “แผ่นใยขัดที่ทำจากผ้า”
จนในปี 1916 หลังจากรอคอยมาอย่างยาวนาน ในที่สุด 3M ก็มีกำไร และเริ่มจ่ายปันผล
ให้ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรก และก็ไม่เคยหยุดจ่ายเงินปันผลอีกเลยเป็นเวลากว่า 100 ปี..
1
หลังจากวันนั้น 3M ก็มีสินค้าออกมามากมายอีกกว่า 60,000 ชนิด
ตัวอย่างสินค้าที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น
- เทปและกาว ในชื่อแบรนด์ Scotch ที่เราเรียกติดปากว่า สก๊อตช์เทป
- อุปกรณ์ทำความสะอาด,​ แผ่นใยขัด ในชื่อ สก๊อตช์-ไบรต์
- เคมีภัณฑ์ เช่น สเปรย์, สารหล่อลื่น และสารเคลือบ
- อุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์
- อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องแล็บ
- อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ตั้งแต่ดวงตา,​​ ศีรษะ,​ ใบหน้า, หู รวมถึงระบบหายใจ และอื่น ๆ อีกมากมาย
5
โดยหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ 3M มีผลิตภัณฑ์มากมายและประสบความสำเร็จมากขนาดนี้
เป็นผลมาจากการวางรากฐาน “วัฒนธรรมองค์กร” ที่สนับสนุนให้พนักงานเกิดความคิดสร้างสรรค์
2
โดยวัฒนธรรมองค์กรของ 3M สามารถแบ่งออกได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. ให้ใช้เวลา 15%
พนักงานสามารถใช้เวลา 15% ของเวลางานเพื่อไปทดลองอะไรก็ได้ที่ตัวเองสนใจและยังได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทุกอย่าง รวมถึงเทคโนโลยีทั้งหมดกว่า 50 แพลตฟอร์มของบริษัท
8
ครั้งหนึ่งขณะที่ ดร.ซิลเวอร์ นักวิทยาศาสตร์ของ 3M กำลังใช้เวลา 15% นี้พยายามวิจัยกาวชนิดใหม่ เพื่อให้มีความเหนียวมากขึ้นและแข็งแรงมากขึ้น
ระหว่างนั้นเขาได้ค้นพบสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “ไมโครสเฟียร์” ซึ่งเป็นสารที่ยังคงให้ความเหนียวอยู่ แต่ก็มีคุณลักษณะที่ลอกออกได้ง่ายเช่นกัน เขารู้สึกได้ทันทีว่าไมโครสเฟียร์น่าจะต้องมีประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
4
เป็นเวลาหลายปีที่เขาพยายามพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเพื่อคิดว่าจะเอาไมโครสเฟียร์ไปทำอะไรดี
จนถูกเพื่อน ๆ ล้อเลียน เพราะว่าเขาไม่ยอมล้มเลิกเสียที
5
ในขณะที่อีกฟากฝั่งหนึ่ง คุณฟราย นักวิทยาศาสตร์อีกคนของ 3M ก็ประสบปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับการซ้อมร้องเพลงที่โบสถ์
ทุกคืนวันพุธคุณฟรายมักจะเอากระดาษเล็ก ๆ คั่นหน้าเนื้อร้องที่ต้องไปร้องที่โบสถ์ แต่พอถึงวันอาทิตย์ กระดาษก็หลุดและหล่นไปทุกที
2
มาถึงตรงนี้เราก็คงจะเดาออกแล้วว่า เมื่อ ดร.ซิลเวอร์ และคุณฟราย มาร่วมมือกัน
ทั้งคู่จึงได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “Post-it” ขึ้นมา นั่นเอง
1
ในภายหลัง “เวลา 15%” นี้ก็ได้ถูกนำไปใช้ในอีกหลายบริษัท อย่างเช่น HP หรือ Alphabet ที่ปรับสัดส่วนให้เป็น 20% เลยด้วยซ้ำ ซึ่งบริการอย่าง Gmail หรือ Google AdSense ก็มาจากกิจกรรมนี้ด้วยเช่นกัน
3
2. เงินทุนตั้งต้น
เมื่อพนักงานมีไอเดียอะไรดี ๆ หรืออยากพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
เขาสามารถมาขอทุนวิจัยในนามแผนกหรือข้ามไปร่วมกับแผนกอื่นก็ได้
นอกจากนั้นยังมีทุนส่วนตัวที่สามารถขอโดยตรงกับบริษัทได้ สูงสุดถึง 3 ล้านบาท ซึ่งมีมากกว่า 10 ทุนต่อปี
1
3. กฎ 30/4
30/4 หมายถึง กำไร 30% ของบริษัทจะต้องมาจากผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งออกจำหน่ายไม่เกิน 4 ปี
ซึ่งกฎนี้มีข้อดี 2 อย่าง
2
อย่างแรกคือ เป็นการกระตุ้นให้พนักงานต้องคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเรื่อย ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย
1
ส่วนข้อดีอีกอย่างก็คือ นอกจากกระตุ้นให้พนักงานมีไอเดียแล้ว
หากไอเดียนั้นเข้าท่า มันก็สามารถต่อยอดไปเป็นผลิตภัณฑ์
ที่ทางบริษัทสามารถทำออกมาให้ขายได้จริงด้วย
1
4. เลือกเส้นทางการเติบโตได้
เนื่องจาก 3M เป็นบริษัทที่เต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย บางครั้งการขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารทำให้ต้องแบ่งสมาธิไปบริหารงานส่วนอื่น ๆ และไม่สามารถวิจัยได้เต็มที่
2
บริษัทจึงเปิดโอกาสให้พนักงานเลือกได้ว่า จะเลือกเติบโตขึ้นไปเป็นผู้บริหาร หรือจะมุ่งหน้าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา โดยที่ยังมีโอกาสในการก้าวหน้าเท่า ๆ กัน
2
5. ให้รางวัลและให้การยอมรับ
บริษัท 3M มีรางวัลระดับโลกในหลาย ๆ สาขา เพื่อบ่งบอกว่าหน้าที่ของทุกคนมีความสำคัญต่อองค์กรไม่ต่างกัน เช่น
- The Carlton Society รางวัลสำหรับพนักงานที่มีผลงานดีเด่นด้านวิทยาศาสตร์, การมีส่วนร่วมและทุ่มเทในเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ใหม่
- Circle of Technical Excellence & Innovation Awards เพื่อยกย่องพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความสามารถด้านเทคนิคยอดเยี่ยม
- Pyramid of Excellence Awards สำหรับผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพโดดเด่น
- Quality Achievement Awards สำหรับทีมพนักงานที่มีความพยายามในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์
1
6. งบสำหรับวิจัยและพัฒนา
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องนั่นก็คือ การทุ่มงบประมาณเพื่อวิจัยและพัฒนาที่สูงถึง 6% ของยอดขาย ในขณะที่ค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมเคมีคือ 1% เท่านั้น
1
แล้วตัวเลขนี้มากขนาดไหน ก่อนอื่นเรามาดูผลประกอบการ 3 ปีล่าสุดของ 3M กัน
ปี 2018 รายได้ 1,101,000 ล้านบาท กำไร 242,000 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 1,080,000 ล้านบาท กำไร 207,000 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 1,081,000 ล้านบาท กำไร 241,000 ล้านบาท
6
จากงบการเงินของ 3M จะเห็นได้ว่าบริษัทแห่งนี้ เป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดที่มีกำไรสม่ำเสมอระดับแสนล้านบาทต่อปี โดยหากเราคิดย้อนกลับไปที่งบสำหรับวิจัยและพัฒนา
หมายความว่าในปีล่าสุดเฉพาะงบสำหรับการวิจัยและพัฒนานั้นสูงถึง 65,000 ล้านบาท
ซึ่งมากกว่ากำไรสุทธิของทุกบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยทำได้เสียอีก
2
3M เป็นตัวอย่างของบริษัทที่มุ่งมั่นสร้างนวัตกรรม โดยทุ่มทุนให้กับการวิจัยและพัฒนา
3
รวมถึงอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญก็คือ การวางรากฐานของ “วัฒนธรรมองค์กร”
ที่กระตุ้นให้พนักงานเกิดความคิดสร้างสรรค์และรู้จักกับดีเอ็นเอของความเป็นผู้ประกอบการ
จึงไม่แปลกเลยว่าสิ่งเหล่านี้ จะหล่อหลอมให้ 3M ทำธุรกิจมายาวนานเป็น 100 ปี
และเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ เกินกว่า 60,000 ชนิด ที่ได้ถูกวางขายอยู่ทั่วทุกมุมโลก..
1
References
โฆษณา