23 ธ.ค. 2021 เวลา 06:56 • ประวัติศาสตร์
ซานตาคลอสและกวางเรนเดียร์
สัญลักษณ์วันคริสตมาสซึ่งเป็นที่จดจำของผู้คนทั่วโลกนอกเหนือจากต้นคริสต์มาสแล้ว คือภาพของซานตาคลอสและฝูงกวางเรนเดียร์ที่กำลังลากเลื่อนตะลุยหิมะเพื่อนำของขวัญไปส่งให้กับเด็กดีทั่วโลก และในช่วงปลายปีของทุก ๆ ปี เรามักจะมีโอกาสได้รับชมเรื่องราวของคุณลุงซานต้าในหลายๆ ความหมายผ่านภาพยนตร์ที่สร้างออกมาเพื่อสะท้อนเรื่องราวความเชื่อ ความรัก และจิตวิญญาณของเทศกาลคริสต์มาสให้คงอยู่กับผู้คนทั่วโลก รู้หรือไม่ว่าคุณลุงซานต้าในอดีตไม่ได้มีหน้าตาแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน และฝูงกวางเรนเดียร์ที่ทำหน้าที่ลากเลื่อนที่เราเห็นในการ์ดปีใหม่บ่อย ๆ มีทั้งหมดกี่ตัว
วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับที่มาและจุดกำเนิดของคุณลุงซานต้าและกลุ่มฝูงกวางเรนเดียร์ ผ่านเรื่องราวที่เล่าขานต่อ ๆ กันมา เพื่อทำความรู้จักตัวแทนของเทศกาลคริสต์มาสว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
ชื่อซานตาคลอส (Santa Claus) สามารถสืบย้อนไปยังภาษาดัตซ์ว่า ซินเทอร์กลาส (Sinterklass) มีความหมายว่า นักบุญนิโคลัส ซึ่งต่อมาเพี้ยนมาเป็นภาษาอังกฤษว่า ซานตาคลอส ในที่สุด นักบุญนิโคลัสท่านเป็นบิชอปหรือบาทหลวงแห่งไมรา สมัยก่อนเมืองไมราตั้งอยู่ระหว่างเกาะโรดส์กับไซปรัส ใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในตุรกี ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 4 พื้นเพครอบครัวเป็นคนมีฐานะ ต่อมาบิดา มารดา ได้เสียชีวิตและทิ้งมรดกไว้ให้กับท่านจำนวนมาก
เซนต์ นิโคลัส มีนิสัยเป็นคนใจบุญสุนทาน ชอบช่วยเหลือคนยากไร้ ชอบแจกของให้กับผู้ตกทุกข์ได้ยาก ตามตำนานเล่าว่า เซนต์ นิโคลัส ได้พบว่ามีครอบครัวยากจนครอบครัวหนึ่งมีลูกสาวเกิดปัญหาทางการเงินและเกิดความสงสาร จึงได้แอบปีนขึ้นไปบนหลังคาเพื่อนำถุงเงินไปหย่อนให้ครอบครัวนี้ทางปล่องไฟ แต่บังเอิญถุงเงินตกลงไปในถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนไว้ข้างเตาผิง เมื่อเด็กหญิงและครอบครัวทราบในภายหลัง จึงมีความซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
เซนต์ นิโคลัส เป็นนักบวชที่ทุ่มเทให้กับเผยแพร่ศาสนาตลอดชั่วชีวิตของท่านจนเป็นที่รู้จักเลื่องลือไปทั่ว และเสียชีวิตลงในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ.340 ตามตำนานเล่าว่าชาวเมืองได้ทำพิธีเก็บกระดูกของท่านไว้ที่เมืองไมรา และเกิดสิ่งมหัศจรรย์ คือมีหยดน้ำไหลออกมาจากกระดูกของท่าน ต่อมาชาวเมืองบารี่ ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในอิตาลี ได้มีการจ้างคนไปโจรกรรมกระดูกของเซนต์ นิโคลัส มายังเมืองบารี่ และสร้างโบสถ์บรรจุกระดูก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับเมืองตัวเอง ปรากฏว่าเกิดเหตุมหัศจรรย์ขึ้นอีกครั้ง คือมีหยดน้ำไหลออกมาจากกระดูกของท่าน และเมื่อผู้คนที่มาเคารพกระดูกท่านนำ น้ำมนต์นี้มาใช้รักษาโรค ปรากฏว่าหายจากอาการของโรคได้ ส่งผลให้สามารถดึงดูดให้ผู้คนจากที่ต่าง ๆ เดินทางมาเคารพกระดูกของท่านด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
ในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ชาวเมืองฝรั่งเศสจึงได้กำหนดให้วันที่ 6 ซึ่งเป็นวันมรณภาพของเซนต์ นิโคลัส เป็น“วันเซนต์นิโคลัส” โดยมีประเพณีระลึกถึงท่านด้วยการนำถุงเท้าที่ใส่อาหาร และขนมไปแขวนไว้หน้าบ้านของคนที่ยากไร้ตามแบบอย่างของท่าน ซึ่งต่อมาประเพณีนี้เผยแพร่ไปทั่วยุโรป และแพร่หลายไปในสหรัฐอเมริกา นักบุญนิโคลัส ท่านได้กลายเป็นนักบุญอุปถัมภ์ประจำชีวิตเด็ก โดยเด็กในประเทศอังกฤษ จะเรียกว่า“คุณพ่อแห่งวันคริสต์มาส” ( Father Christmas), เด็กเยอรมันนีเรียกว่า“ญาติแห่งพระคริสต์” ( Christ Child ), เด็กชาวดัชท์เรียกว่า “ซาน นิโคลาส” หรือ “Sankt Klous” และในที่สุดกลายเป็น “ซานตาคลอส” ติดปากเด็ก ๆ ทั่วโลก และในท้ายที่สุดได้มีการผนวกวันฉลองเซนต์ นิโคลัส เข้ากับวันคริสต์มาส
ภาพซานตาคลอสแต่ดั้งเดิมถูกวาดเป็นนักบวชหรือชายร่างผอมสูงสวมชุดสีเขียว หรือน้ำตาลสลับแดง ให้เป็นตัวแทนของเซนต์ นิโคลัส
ต่อมานักวาดการ์ตูนโธมัส แนสต์ (Thomas Nast) เปลี่ยนรูปลักษณ์ซานตาคลอสจากเดิมในอดีตมาเป็นลุงอ้วน ๆ ท่าทางใจดีในชุดสีแดง ภาพนี้ปรากฏครั้งแรกในนิตยสาร Harper’s Weekly ในปี ค.ศ. 1862
เจนนี ไนสตรอม ( Jenny Nystrom) ศิลปินชาวสวีเดน เป็นผู้คิดค้นรูปลักษณ์ของซานตาคลอสอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน โดยปี ค.ศ. 1899 เขาได้วาดภาพลงในบัตรอวยพรคริสต์มาส
แฮดดอน ซันด์บลอม (Haddon Sundblom) ศิลปินชาวสวีเดนนำภาพวาดของไนสตรอมมาสวมชุดขาวแดง อันเป็นสีเดียวกับเครื่องหมายการค้าของโคคา-โคล่า และเปลี่ยนโฉมซานตาคลอสให้ทรวดทรงอ้วนท้วน และมีกวางเรนเดียร์เป็นพาหนะประจำตัว
ตามความเชื่อซึ่งสามารถสืบย้อนไปได้ถึงคริสต์ศักราช 1820 ซานตาคลอสอาศัยที่ขั้วโลกเหนือพร้อมกับเอลฟ์มีเวทมนตร์จำนวนมาก และกวางเรนเดียร์เก้าตัว ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 แนวคิดซึ่งได้รับความนิยมอันเนื่องมาจากเพลง "ซานตาคลอสกำลังมาเมือง" ใน ค.ศ. 1934 ทำให้เชื่อกันว่าซานตาคลอสจะทำรายชื่อเด็กดีทั่วโลก และในกลางดึกคืนวันคริสต์มาสอีฟ ซานตาคลอสจะแอบเข้าไปในบ้านที่มีเด็กประพฤติดีทางปล่องไฟ เพื่อนำของขวัญไปใส่ในถุงเท้าที่แขวนไว้หน้าเตาผิง รวมทั้งของเล่นและลูกกวาด และบางครั้งก็มีการส่งถ่านหินไปให้เด็กดื้อ ซึ่งความสำเร็จของซานตาคลอสเกิดขึ้นได้ด้วยความช่วยเหลือของเอลฟ์ผู้ทำของเล่นในโรงงาน และกวางเรนเดียร์ที่ลากเลื่อนหิมะพาลุงซานต้าไปทำภารกิจ
ฝูงกวางเรนเดียร์ของซานตาคลอสที่ทำหน้าที่ลากเลื่อนพาลุงซานต้าไปแจกของขวัญให้เด็ก ๆ โดยชื่อของกวางปรากฏในบทเพลงคริสต์มาสและบทกวี “A Visit from St.Nicholas” โดยมีกวางทั้งหมด 9 ตัว และหากสังเกตให้ดีจะพบว่ามีกวางเรนเดียร์ตัวพิเศษที่แตกต่างจากเพื่อน ๆ อยู่ 1 ตัว เนื่องจากมีจมูกสีแดงมาตั้งแต่เกิด แถมจมูกยังสามารถส่องแสงสว่างได้อีกด้วย ในตอนแรกนั้นใครๆในฝูงต่างก็หัวเราะเยาะในความแปลกประหลาด จนกลายเป็นปมด้อย กวางเรนเดียร์ตัวนี้มีชื่อว่ารูดอล์ฟ ส่วนอีก 8 ตัวมีชื่อดังนี้ แดสเชอร์ แดนเซอร์ แพรนเซอร์ วิกเซ่น โคเม็ต คิวปิด ดันเดอร์ และ บลิกเซ่ม (ภายหลัง ดันเดอร์ เปลี่ยนเป็น ดอนเดอร์ และท้ายสุดเป็น ดอนเนอร์ ส่วน บลิกเซ่ม เปลี่ยนเป็น บลิตเซ่น)
เรื่องเล่าถึงที่มาของรูดอล์ฟกวางเรนเดียร์ตัวพิเศษ เกิดขึ้นในคืนก่อนคริสต์มาสครั้งหนึ่ง คือ เดิมที่ฝูงกวางเรนเดียร์มีสมาชิกเพียง 8 ตัว แต่ปรากฏว่าคืนนั้นเกิดหมอกลงจัด จนลุงซานต้าเกือบยกเลิกการเดินทางไปแจกของขวัญให้เด็ก ๆ แต่บังเอิญลุงซานต้าสังเกตเห็นจมูกสีแดงของรูดอล์ฟเข้า เลยคิดว่าจมูกสีแดงอาจจะเป็นไฟส่องทางในการเดินทางด้วยรถเลื่อนได้ จึงชักชวนรูดอล์ฟมาเทียมเลื่อน และให้รูดอล์ฟเป็นตัวหน้าสุด ทำให้ภารกิจในคืนวันนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตั้งแต่นั้นมาลุงซานต้าก็สามารถเดินทางฝ่าหมอก ฝน หิมะและ ลูกเห็บ ได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล ทำให้จากนั้นเป็นต้นมา รูดอล์ฟ กลายเป็นสมาชิกถาวรของทีม และก็คอยนำทางทุกครั้งที่มีการเดินทาง และเจ้ารูดอล์ฟ ถือเป็นตัวที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดากวางเรนเดียร์ทุกตัวซะด้วย
นอกจากนี้รูดอล์ฟยังมีเพลงประจำตัวด้วยชื่อ “Rudolph the Red-Nosed Reindeer” (รูดอล์ฟ กวางเรนเดียร์จมูกสีแดง)
You know Dasher and Dancer and Prancer and Vixen,
พวกคุณ รู้จักกวางเรนเดียร์ที่ชื่อ Dasher และ Dencer อีกทั้ง Prancer และ Vixen
Comet and Cupid and Donder and Blitzen.,
Comet และ Cupid รวมถึง Donner และ Blitzen ด้วย
But do you recall
แต่พวกคุณ พอที่จะจดจำ
The most famous reindeer of all?
กวางเรนเดียร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดกว่ากวางทุกตัวนั่นได้ไหม
Rudolph the Red-Nosed Reindeer
รูดอล์ฟ กวางเรนเดียร์จมูกแดงนั่นไง
Had a very shiny nose,
ตัวที่มีจมูกส่องแสงประกาย
And if you ever saw it,
และหากว่าพวกคุณเคยเห็นนะ
You could even say it glows.
ก็จะพูดกันว่าจมูกนั้นช่างเปล่งประกาย
All of the other reindeer
บรรดาเหล่ากวางเรนเดียร์ทุกตัวนั้น
Used to laugh and call him names;
เคยหัวเราะและล้อชื่อนั้นให้กับเจ้ารูดอล์ฟ
They never let poor Rudolph
เจ้ากวางทุกตัวนั้นไม่เคยที่จะยอมให้เจ้ารูดอล์ฟ
Join in any reindeer games.
ได้ลงแข่งขันร่วมกับกวางเรนเดียร์ตัวอื่น ๆเลย
Then one foggy Christmas Eve,
แล้วในคืนวันคริสต์มาสอีฟที่เต็มไปด้วยหมอกมากมาย
Santa came to say:
คุณลุงซานต้าก็ได้ออกมาเอื้อนเอ่ย
Rudolph with your nose so bright,
เจ้ารูดอล์ฟผู้มีจมูกที่เปล่งประกายเหลือเกิน
Won’t you guide my sleigh tonight?”
เธอจะพอนำทางให้กับฉันในค่ำคืนนี้ได้ไหม
Then how the reindeer loved him
แล้วนั่นก็ทำให้เหล่ากวางเรนเดียร์นั้นรักรูดอล์ฟ
As they shouted out with glee,
แล้วเหล่ากวางก็ได้กู่ก้องด้วยความยินดี
Rudolph the Red-Nosed Reindeer,
“เจ้ารูดอล์ฟ กวางจมูกสีแดง
You’ll go down in history.”
คุณจะกลายเป็นตำนาน”
โฆษณา