24 ธ.ค. 2021 เวลา 12:30 • ปรัชญา
"ความคิดเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่การกระทำเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้" ปราชญ์หลายท่าน รวมถึง Sadhguru กล่าวไว้เช่นนี้
แล้ว ที่ว่า ให้ ฝึกควบคุมความคิด Learn how to control your mind ล่ะ ? ในเมื่อความคิดมันคุมไม่ได้ ถ้างั้น การฝึกนี้ ก็ไม่สามารถเห็นผลสำเร็จซิ?
นี่คือสิ่งที่เราตั้งคำถามมานาน... เพิ่งจะเริ่มเข้าใจวันนี้
ความคิด เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
เหมือนกับที่เราควบคุมโรคที่เกิดกับร่างกายไม่ได้
บางวันร่างกายเรารู้สึกป่วย ปวดท้อง ปวดหัว เอ็นยึด ปวดเมื่อย ฯลฯ, บางวัน ร่างกายกระปรี้กระเปร่า มีพลัง ทำอะไรไปได้ ไม่รู้สึกอะไร
ความคิด ก็มี อะไรต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวเราเอง แบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แบบที่เราไม่ได้ตั้งใจ
เราไม่ได้อยากคิดเรื่องอดีต มันก็ผุดขึ้นมาเอง
เรานั่งอยู่เฉยๆ ใจมันก็ลอยไปคิดเรื่องคนนั้นคนนี้เอง แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย... รู้ตัวอีกที คิดไปไกลแล้ว
ประเด็นคือ ที่ว่า ควบคุม ไม่ได้ นั้นหมายถึง ควบคุม "การเกิดดับของมัน" ไม่ได้
แต่... เมื่อสิ่งนั้นเกิดแล้ว เราจะทำยังไงกับมันต่อ กลับเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้
เมื่อร่างกายเมื่อยล้า เรารู้สึกถึงความเมื่อยล้าแล้ว เราจะเปลี่ยนท่า หยุดทำงานสักพัก เพื่อรักษา, รึว่า เราจะดันทุรังทำงานต่อ รอให้มันเมื่อยสุดๆ ค่อยหยุดพัก... นี่เป็นสิ่งที่เราควบคุมเอง
ทำนองเดียวกัน เมื่อความคิด ไม่ดี เกิดขึ้น ... ยิ่งคิดยิ่งน้ำตาไหล... เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกตัว เราจะยังคิดต่อ ให้น้ำตาไหลนองเป็นสายน้ำ รึว่า เราจะพยายามเปลี่ยนเรื่องคิด ปาดน้ำตา ผงกหัวขึ้นแล้วเดินไปหาอย่างอื่นทำให้หายเครียด... นี่เป็นสิ่งที่เรากำหนดได้เอง
ถามว่า แม้เราจะเลือก ปาดน้ำตา พาตัวเองไปกินขนมอร่อยๆแทน... แล้ว ความคิดลบๆเศร้าๆ นั้นจะมลายหายไป ไม่อยู่ในหัวเราอีก ทันทีในบัดดลเลยมั้ย... ก็ไม่... คือ ไม่แน่... เพราะ เราควบคุมการดับ ของมัน ไม่ได้ด้วยเช่นกัน...
เหมือนกับที่เรา หยุดทำงานแล้ว อาการเมื่อยล้า ก็คงไม่หายไปเป็นปลิดทิ้ง ทันที อย่างที่เราอยากให้เป็น..
โดยปกติ ทั้ง การเกิดและการดับ มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา
สิ่งที่เราควบคุมได้ คือ การกระทำ ทั้ง ทางกาย วาจา ใจ ในstepอื่น
การกระทำทางกาย ที่เราควบคุมได้คือ หลังจากที่อาการปวดเมื่อยมันเกิดแล้ว เรา จะเลือก หยุดพักงาน เปลี่ยนท่าทาง ทายา ฉีดยา รึว่า จะเลือกทำงานต่อไป ไม่ใส่ใจรักษา..
การกระทำทางใจ ที่เราควบคุมได้ คือเลือกที่จะสานต่อรึจะหักดิบ ต่อความคิด ที่เพิ่งรู้สึกตัว ว่ามันเกิดแล้ว...
"ฝึกควบคุมความคิด Learn how to control your mind" ก็คือ ฝึก คุม ในจุดที่จะสานต่อ รึหักดิบ นี่แหละ
แต่ ... ความยาก ... ในการควบคุมความคิด...ในจุดนี้ กลายเป็นว่า มีเรื่องที่ต้อง ฝึก เรื่องนึงก่อน...
... คือ .. ฝึก " หา จุด นี้ " ให้เจอ เร็วๆ
แหม... ช่างเป็นนามธรรม จริงๆ
จุดในความคิด ..มันไม่ใช่ จุดในกระดาษ ที่จะเห็นง่ายๆ แบบมีใครเอาปากกามาวง ซักกะหน่อย
ถ้าไม่ฝึก สติ ก็ยากกกก จริงๆ น่ะแหละ
แล้วมีวิธีง่ายขึ้นหน่อยมั้ย...?
ลองดูวิธีนี้... วิธี อ้อมๆ ไม่ตอบโจทย์ตรงๆ แต่อาจพอทำได้ง่ายกว่า
คือ... แทนที่จะไปสังเกตความคิด เพื่อหักดิบ...
ให้สังเกต "สิ่งที่เสพ" ในชีวิตประจำวันแทน
เพราะ... ความคิด ซ้ำๆ มันก็มาจาก พวก Feed ซ้ำๆ ในชีวิตน่ะแหละ
สังเกตดู .. ถ้าวันนี้ตัวเรา เฉยๆ รึอารมณ์ดีอยู่...
ลองเอาหนังรึเพลงอะไร ที่เป็น อกหัก ช้ำใจ พร่ำเพ้อ พรรณนา มีประโยคอะไรที่สะกิดแผลใจอย่างนึงของเรา ขึ้นมาดูมาฟัง..
เท่านั้นแหล่ะ ความคิดลบ เรื่องอดีต มันจะวนมา เอง.. แบบไม่ตั้งใจ.... ทำให้อาจคิดในใจ.. "ฮ่วย..เมื่อเช้า อารมณ์ดีอยู่... บ่าย ฉันเศร้าอีกทำไมเนี่ย"
แล้วถ้า เราอยู่กับหนังรึเพลงอกหัก ตลอดทั้งวัน ทั้งสัปดาห์...เช่น ติดหนังซีรีย์ดราม่าเศร้าๆ เชื่อว่าหลายคนคงมีประสบการณ์ตาบวมฉึ่งกันมาแล้ว... ดูจบ ยังหดหู่ต่ออีกหลายวัน ..
แสดงว่า สิ่งกระตุ้นภายนอก มีส่วนสำคัญ ต่อ การเกิด "ความคิดไม่พึงประสงค์" ได้มาก
อีกกรณีนึง เมื่อเรามีความคิดถึงอดีตที่เจ็บปวดปนเศร้าอยู่ แล้วเปิดรายการตลก ได้ยินเสียงคนหัวเราะ มีเรื่องขำขันมาให้ได้ยิน.. ความคิดนั่น มันหายไปไหน ตั้งแต่ตอนไหน.. เราแทบไม่รู้ตัว
แสดงว่า สิ่งกระตุ้นภายนอก มีส่วนผสมร่วมวง ในการช่วยดับ ความคิดเดิม ได้เหมือนกัน
ดังนั้น สมมติว่า เรา ไม่เน้นในการมองหา จุด ที่ ความคิดมันเริ่มหายไป... แต่ เน้น เอาที่ผลลัพธ์เลย ว่า เราอยากให้ แนวโน้มความคิดดีเกิดง่าย ความคิดลบดับง่าย... แบบนี้... เราก็ มา เน้น "การควบคุมที่ สิ่งกระตุ้นภายนอก" แทน
ไม่ฟังเพลงอกหักเศร้าๆ
ไปฟังเพลงคลาสสิค ไม่มีเนื้อร้องแทน
เอาซีรีย์ละครเศร้าๆdrama ไปซ่อน... ไม่ดู นะจ๊ะ
.....สักเดือนนึง....
เสมือน คนลดความอ้วน .. อยาก งดกินของอ้วนตรงหน้า .. แต่มันทำยาก..งั้น เอาเป็นว่า .. ไม่ซื้อของอ้วน มาเลยแต่แรก... ไม่มีของกินมาวางให้เห็น.. มันจะกินอะไรล่ะ
ทางความคิดก็เช่นกัน... ไม่มี feed แบบที่ไม่ต้องการ... เอา feed แบบที่ต้องการ มาเปิดกรอกหู ใส่สมอง มองมัน...ทุกวัน
การเกิด ของ ความคิด ที่เราควบคุมมันไม่ได้... มันจะเกิดตามกรอบข้อมูล ที่อยู่ในแนวทางบางอย่าง ที่เราแอบ ไปควบคุมมันทางอ้อม ไว้แล้วเอง
แนวทางนี้ เป็นหลักการที่ใช้ได้ผลดี สำหรับคนที่ต้องการฝึกให้ได้ผลลัพธ์แน่นอน
พระพุทธเจ้ายังทรงแนะให้พระสงฆ์สาวก อยู่ป่า เป็นวัตร, ปลีกตัว หาที่สงบวิเวก เป็นนิจ
คงไม่มีใคร แนะนำ ให้ฝึกทำสมาธิ ในตลาดรึในดิสโก้เทค หรอก จริงมั้ย ?
เมื่อเราเริ่มฝึก จึงต้องอาศัยอุบายวิธี ที่ช่วยให้ก้าวหน้า สู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นหลัก
ต่อเมื่อ วิชา แกร่งกล้าแล้ว...
จะหา เวที ประลองยุทธ บททดสอบแบบยาก ก็เอาไว้เป็นอีกเรื่องหนึ่งล่ะกัน
แนวทางการควบคุมการกระทำ แบบตรงจุด กำหนดสิ่งที่เรา ตั้งใจ ในแนวทางที่ถูก จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่หวังได้จริง
โชคดีนะตัวเรา ..และ ผู้ที่อ่านมาจนสุด ณ จุดนี้ ทุกท่าน
โฆษณา