25 ธ.ค. 2021 เวลา 00:32 • ข่าว
ที่สุดแห่งปี 2564 | คำพิพากษา "คดีล่าเสือดำ" สร้างบรรทัดฐานใหม่คดีสิ่งแวดล้อม
ถือเป็นคดีแห่งปีก็ว่าได้ กับการตัดสินคดีล่าเสือดำ ที่ศาลฎีกาสั่งจำคุกเปรมชัย กรรณสูต 2 ปี 14 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ส่งผลให้เจ้าสัวหมื่นล้านต้องลากเท้าเข้าคุก คำตัดสินของศาลฎีกาได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับคดีสิ่งแวดล้อม พร้อมกับความพึงพอใจของผู้คนในสังคม
ภายหลังจากที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก "เปรมชัย กรรณสูต" อดีตประธานบริหารบริหารบริษัทอิตาเลี่ยนไทย บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่สุดของไทย เป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน ในคดีล่าเสือดำ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 เปรมชัย และพวก ได้เข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก และถูกจับกุมโดย "วิเชียร ชิณวงษ์" หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ในขณะนั้น
(แฟ้มภาพ) ขณะจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต
ภายหลังการถูกจับกุม คดีนี้เป็นที่สนใจของผู้คนในสังคมเป็นจำนวนมาก เพราะผู้ต้องหาเป็นนักธุรกิจใหญ่ ที่มีชื่อเสียงและคอนเนคชั่นกับคนในรัฐบาลมากมาย จนเกิดกระแสเสือดำต้องไม่ตายฟรีในสื่อสังคมออนไลน์
เพื่อความเข้าใจ "เนชั่นออนไลน์" ทำการเปรียบเทียบข้อหาต่อข้อหาและอัตราโทษคดีล่าเสือดำ หลังศาลฎีกามีคำพิพากษา โดยคดีนี้ อัยการทองผาภูมิยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาอื่นๆ อีกหลายข้อหา เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 61
ต่อมาวันที่ 19 มี.ค.62 ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจำคุกนายเปรมชัย 16 เดือน นายยงค์ โดดเครือ 13 เดือน นางนที 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท รอการลงโทษ 2 ปี และนายธานี จำคุก 2 ปี 17 เดือน
ยกฟ้องจำเลยบางข้อหา โดยเฉพาะนายเปรมชัย ศาลยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แทน
หลังจากนั้นวันที่ 24 พ.ย.62 อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ทุกข้อหา และต่อมาวันที่ 12 ธ.ค.62 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคน ตามที่พนักงานอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์ โดยจำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน จำคุกนายยงค์ 2 ปี 17 เดือน จำคุกนางนที 1 ปี 8 เดือน รอการลงโทษตามศาลชั้นต้น และจำคุกนายธานี 2 ปี 21 เดือน
ครั้นต่อมาวันที่ 31 มี.ค.63 จำเลย 3 ราย ได้แก่ นายเปรมชัย นายยงค์ และนายธานี ได้ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาและอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้แก้ฎีกาเรียบร้อยแล้ว
คดีนี้ ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว ได้มีคำพิพากษาวันนี้ (8 ธ.ค. 64) โดยยกฟ้องเฉพาะข้อหาร่วมกันรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 มาตรา 55 เพราะตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ปี 2562 ยกเลิกกฎหมายเก่า แต่ยังมีความผิดฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าไว้ในครอบครอง
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน จำคุกนายยงค์ จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 2 ปี 17 เดือน และสั่งจำคุกนายธานี จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานฯ 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ คือตั้งแต่ 11 เม.ย. 64 ในคิดอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี
ภายหลังคำพิพากษาศาลฎีกา เจ้าหน้าที่เรือนจำทองผาภูมิ และแพทย์โรงพยาบาลทองผาภูมิ ได้เข้ามาตรวจสวอป นายเปรมชัย นายยงค์ และนายธานี ก่อนส่งตัวจำเลยทั้ง 3 คนขึ้นรถเรือนจำทองผาภูมิ ไปคุมขังที่เรือนจำทองผาภูมิ ปิดฉากคดีล่าเสือดำ
คดีล่าเสือดำ ที่เพิ่งสิ้นสุดไป ถือได้ว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในดคีสิ่งแวดล้อม เพราะในอดีตที่ผ่านมา ผู้คนในสังคมต่างพากันตั้งคำถามว่า คนรวยล่าสัตว์ไม่ติดคุก แต่ตายายเก็บเห็ดติดคุก
อีกประการที่สำคัญ คือการตื่นตัวในกระแสอนุรักษ์ของผู้คนในโลกออนไลน์ ที่มีการตั้งคำถามถึงประเด็นต่างๆ ทำให้สังคมต่างจับตาการทำคดีของเจ้าหน้าที่อย่างเกาะติด ส่งผลให้การบังคับใช้กฏหมายที่ดูเหมือนขาดหายไปในอดีต เป็นไปตามครรลอง
ส่วนการชดใช้ค่าเสียหาย ก็ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง แม้คำตัดสินของศาลให้ชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้าน ซึ่งหากดูจากฐานะของนายเปรมชัย คงจะดูเหมือนน้อย แต่ศาลได้สร้างบรรทัดฐานที่เหมาะสมกับการกระทำของจำเลย
บทสรุปของคดีเสือดำจึงไม่ตายฟรี แต่งานด้านอนุรักษ์ และกระแสอนุรักษ์ในสังคม ยังต้องพึ่งพิงการสนับสนุนจากผู้คนในสังคม เพราะหากเราเผลอเลอ หรือหย่อนยานแล้ว พรานป่าก็จะออกล่าอีกครั้ง
อ่านเพิ่มเติม >> http://www.nationtv.tv/news/378856438
โฆษณา