Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Hello Thailand
•
ติดตาม
25 ธ.ค. 2021 เวลา 18:26 • ครอบครัว & เด็ก
เรื่องเล่าในคืนวันคริสมาสต์
E.P. 1.
คืนนี้คือคืนวันคริสมาสต์ ปีนี้บ้านเรางดไปร่วมกิจกรรม เป็นปีที่สามแล้ว ที่เราไม่ได้ไปทำกิจกรรมที่คริสตจักรเพราะ โบสถ์เราปิดไปแล้ว พร้อมกับโควิด-19 เพราะมันเริ่มระบาดในเดือนพฤศจิกายน ในจีน ปี ค.ศ.2519 โบสถ์เราปิดพอดี
ในช่วงนั้นผู้ที่ประกอบธุรกิจในประเทศจีนคงทราบถึงสภาวะของการแพร่ระบาดของโควิดแล้ว ช่วงต้นเขาจะเรียกว่า ไข้พายุไซโคลน เพราะอาการเป็นไข้ตัวร้อน จนกระทั่งตัวสั่นยิ่งกว่าไข้จับสั่น คือเหมือนโดนเขย่า ตัวแบบรุนแรงแล้วก็แน่นิ่งไป
ต่อมามีนักวิทยาศาสตร์เรียกชื่อว่า Corona Virus เพราะมันคล้ายมงกุฏ ต่อมาก็เรียก Covid-19 แล้วพัฒนามาเป็นสายพันธุ์อื่นๆ ตอนนี้ WHO เรียก Omicron
ในช่วงนั้นก็เป็นคริสมาสต์พอดี แต่คนทั่วไปอาจในประเทศอื่นอาจมองไม่เห็น เราได้ติดตามดูคลิปต่างๆบนอินเทอร์เน็ตที่ส่งจากพยาบาล หมอ ในประเทศจีนทันที บางคนต้องไปพูดในห้องปิด แล้วร้องไห้ไปพลาง เล่าเรื่องราวที่พบเจอ
จากนั้นก็อย่างที่ทุกคนทราบข่าวกันมา ปี 63 และปี 64 หลายคนก็หันไปพึ่งพิงการทำนายอย่างมีความหวังจากเด็กชายในอินเดีย ว่ามันจะสงบในปี 64 แล้วค่อยๆหายไป
มีคนอ้างว่ามีหนังสือเล่มหนึ่งที่เขียนถึง เมือง Wuhan และจะเกิด โรคระบาด เป็นไวรัส เขาบอกว่า น่าแปลกมากที่หนังสือเล่มนั้นได้กล่าวอย่างถูกต้อง ก่อนเกิดจริงร่วมสิบปี เป็นหนังสือภาษาอังกฤษ ไม่แน่ใจว่าเป็นหนังสือนิยายหรือประเภทไหน มีคนเคยแชร์คลิปนี้ให้ดู หลายคนคงจำได้
ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียนที่ไม่ได้มาจากครอบครัวคริสเตียน เหมือนกับการเปลี่ยนความเชื่อของตนเองเป็นคนแรกของครอบครัว คิดเอง แต่ก็มีครอบครัวอื่นที่เป็นญาติสนิท มีอยู่ครอบครัวหนึ่งเป็นคาทอลิก ถือว่าเชื่อพระเจ้าเหมือนกัน แต่มีจุดเชื่อที่ต่างกันนิดหน่อย คือ การเน้นเรื่อง พระเยซูคริสต์กับแม่พระ แต่อันนี้คือรายละเอียด ทางพิธีกรรม ขอให้ใครสนใจก็ไปศึกษาเอาเองได้ค่ะ
ที่กล่าวถึงความเชื่อเรื่องพระเจ้า เพราะมันมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเจ้าไวรัสนี้ด้วย
แต่ไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าต้องการให้เกิดขึ้นนะ เพียงแต่ พระองค์อนุญาตให้เกิดขึ้นเท่านั้น
หลายคนอาจไม่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะมันจะเรียงสลับไปมา ค่อยๆบอกแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง จะกล่าวแบบรวมเพื่อความเข้าใจแล้วจะค่อยขยับให้เข้าเนื้อหาไปทีละขั้น
เราจะกล่าวในฐานะที่หลายคนได้รู้จักพระเจ้าและพระเยซูคริสต์มาเพื่อมนุษยชาติเพราะไถ่บาป และน่าสนใจที่สุดคือ การเฉลิมฉลองไปทั่วโลกในหลายประเทศ ก็จะต้องไม่พลาดเรื่องราวของคริสมาสต์
คำสอนของพระเจ้าผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ที่สำคัญคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ซึ่งความรักแบบนี้เป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไข
มีเรื่องราวของความรักอีกมากมายที่กล่าวในพระคัมภีร์ ในฐานะที่เป็นคริสเตียน เราเข้าใจเรื่องของพระเจ้า และมีประสบการณ์ในวันแรกที่รับเชื่อคือ เกิดสันติสุขขึ้นในใจ ต่อมาเราจึงเข้าใจว่า นี่คือหนึ่งในพระสัญญาของพระเจ้ามอบให้
พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เรามอบสันติสุขให้กับเจ้าทั้งหลายไม่เหมือนกับที่โลกมอบให้ “ พระสัญญาเกิดขึ้นจริง ตั้งแต่วันแรกที่เรากล่าวต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตของเรา ภาษาคริสเตียนเรียก รับเชื่อ
ในช่วงสัปดาห์แรก ก็เกิดความฝันว่าวิ่งหนีพวกอสูร อะไรแบบนั้น แล้วในฝันก็หันไป ตะโกนใส่อสูร พวกนั้นว่า “ ในพระนามพระเยซูคริสต์ จงถอยไป ”
ฝันแรกก็แรงเลย ตอนตื่นยังเหนื่อยหอบเลย มันเสมือนจริงมาก
ต่อมาพี่เลี้ยงของเรา ที่เราเรียกว่า พี่ชุ ซึ่งเป็นคนขอนแก่น พี่เขาลงมาเรียนที่ ก.ท.ม. คือเรารู้จักกันที่หอพักแถวมหาลัย ที่ตอนนั้นอยู่หอพักเดียวกัน แต่เรียนคนละคณะ คริสตจักรที่เราไปตอนนั้นมีระบบพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงคอยแนะนำและดูแลกัน
พอเราเล่าเรื่องความฝันให้ฟัง พี่ชุ ก็เลยเล่าเรื่องของความมืด/ความสว่าง เกี่ยวกับมารซาตาน และสมุนของพวกนี้ เราก็เข้าใจตามที่เรียกในพระคัมภีร์ว่าพวกวิญญาณชั่ว คือเข้าใจว่าเป็นพวกวิญญาณต่างๆ
แต่มันสะดุดใจ ตรงที่บอกว่า พวกวิญญาณชั่ว มารซาตาน ( แต่ป้าๆที่โบสถ์หรือคริสตจักร จะเรียก
ไอ้ทาซาน พอขับผีไอ้ทาซานทีไร เราก็เข้าใจเลยว่า ป้าเอาจริงแน่ ก็นะ แกรีบพูด ต้องเข้าใจกันหน่อย )
พวกนี้จะมีหัวหน้าใหญ่ ชื่อลูซิเฟอร์ เป็นฑูตสวรรค์ที่พระเจ้าสร้างมาอย่างงดงาม กายเป็นสีเขียว แต่กบฏต่อพระเจ้าเพราะโลภ ต้องการเป็นพระเจ้าแทนพระเจ้าตัวจริง มันก็เลยพยายามให้สาวกของมันสร้างปาฏิหาริย์ต่างๆเพื่อให้มนุษย์กราบไหว้ บูชา แทนพระผู้สร้าง หรือพระเจ้า
คราวนี้มาเรื่องพระเยซูคริสต์กันบ้าง พระองค์ทรงเป็นขึ้นจากความตายในวันที่สามหรือเรียกฟื้นคืนพระชนม์นั่นเอง ชาวคริสต์ทั้งหลาย เรียก วันอีสเตอร์ หรือเอสเตอร์ แล้วแต่สำเนียงเรียกกัน
หลังจากนั้น พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์สถาน หรือเรียกได้ว่า หายไปในท้องฟ้า ต่อหน้าต่อตาของสาวกและผู้คนในยุคนั้น แบบนี้ยุคไหนๆก็ต้องตะลึงกันละ
ความแปลกใจอยู่ที่ว่า มีมาร มีพระเจ้า แต่ทั้งสองด้านอยู่ในอีกมิติ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ โดยพระเยซูคริสต์กลับไปจัดเตรียมที่ทางให้กับผู้ที่เชื่อในพระองค์และพระเจ้า
ส่วนมารก็เตรียมตัวรบพุ่งกับพระเจ้าในวันสุดท้ายและก็เริ่มสะสมวิญญาณทั้งหลายให้ไปเป็นสาวกของมารเพื่อจะกอบโกยเอาชัยชนะ ให้จงได้
พระคัมภีร์บันทึกในรายละเอียดหลายอย่าง จนมโนภาพได้ชัดเจน เหมือนดูหนังฟอร์มใหญ่นะ
อ้าว แล้ว เราจะเข้าไปสู่มิติของพระเจ้าได้มั้ย แล้วได้อย่างไร
มีมิติอื่นๆที่เราไม่เคยรู้มาก่อน แสดงว่า พระเยซูคริสต์ก็อยู่คนละมิติกับเรา
แล้วพระเยซูคริสต์จะถูกเรียกว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวใช่หรือไม่
เดี๋ยวมาเล่าต่อใน E.P. ที่2 ขอเข้านอนก่อน
สุขสันต์วันคริสมาสต์ค่ะ ทุกคน
Merry Christmas 🎄🎁
-----
ครอบครัวและเด็ก
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย