26 ธ.ค. 2021 เวลา 13:28 • ไลฟ์สไตล์
■ อบอุ่นใจกับความเป็นไทย
ในบางลำภูล่าง
"บางลำภูล่างอยู่ตรงนี้จริงๆนะ"
"หืมม์แน่ใจเหรอ?เอาจริงดิ่! "
"สรุปมันอยู่ตรงไหนกันแน่?"
ใช่ครับ!ทริป ถาม•ทาง•ทัวร์
ในEpนี้เราจะไปบางลำภูล่างกัน
เชื่อว่าพวกเราหลายคน
พอพูดถึงบางลำภูล่าง
คงจะนึกถึงบางลำภูแถวถนนข้าวสาร
ที่อยู่ในเขตพระนครกันอย่างแน่นอน
ซึ่งพวกเราก็คิดเช่นนั่นเหมือนกันครับ
แต่!จากการหาข้อมูลเบื้องต้น
ทำให้เราได้รู้ว่า แขวงบางลำภูล่าง
แท้จริงแล้วอยู่แถวเจริญนครนี่เองครับ
แถมยังมีชุมชนที่น่าสนใจไปเดินชม
ซุกซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆหลายแห่ง
ท่ามกลางตึกระฟ้าสูงในเมืองใหญ่
และหนึ่งในนั้นคือ “ชุมชนวัดเศวตฉัตร”
ที่อยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเราก็ใช้เส้นทางนี้
สัญจรไปมาอยู่บ่อยครั้งมากนะครับ
แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามีอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย
เข้าทำนองเส้นผมบังภูเขายังไงยังงั้น
ถาม•ทาง•ทัวร์ ในวันนี้
จึงอยากอาสาพาทุกคน
ไปเดินเที่ยวกันที่บางลำภูล่าง
ตามเรามากันครับมาดูกันว่า
จะมีอะไรที่ประทับใจเราบ้าง
เผื่อว่าพวกเราจะพบเจอน้ำใจดีๆ
ของคนไทยแบบไหนกันครับ
เมื่อตกลงกันได้แล้วว่าจะไปที่ไหนกัน
เราจึงนัดกันตั้งแต่เช้าเหมือนเดิมครับ
ในเมื่อบางลำภูล่างอยู่แถวเจริญนคร
พวกเราก็เลยพร้อมใจไปทานข้าวเช้า
ที่ร้านต้มเลือดหมูสุดโปรดในดวงใจ
ที่อยู่ถนนเจริญนครกันก่อนเป็นอันดับแรก
“ร้านห้าใบเถา” ร้านประจำของพวกเรา
จนเจ้าของร้านจำพวกเราได้
คงไม่ต้องอธิบายถึงคุณภาพ
ของร้านนี้กันแล้วใช่ไหมครับ
เพราะร้านนี้เป็นที่สุดของความอร่อย
ที่เลื่องชื่อและโด่งดังมากนะครับ
แค่เสิร์ชคำว่าร้านห้าใบเถา
เพจดังต่างๆก็ขึ้นมาแนะนำให้เยอะแล้ว
แค่ดูจากจำนวนไรเด้อร์ที่มานั่งรอวันนี่
ก็พอรู้แล้วล่ะครับว่าของเค้าดีจริงๆ
■ คน-วัด-ชุมชน
เมื่อจัดอาหารเช้าจนอิ่มหนำกันแล้ว
ก็เริ่มมีพลังที่จะเดินสำรวจชุมชน
เราจึงขับรถเข้าไปหาที่จอด
กันในวัดเศวตฉัตรน่าจะสะดวกครับ
เพราะอยู่ใกล้กับชุมชนที่สุดแล้ว
ทันทีที่เราเลี้ยวรถเข้ามาภายในวัด
ก็เพลินตาเพลินใจกับภาพบรรยากาศ
ตลาดนัดของคนในชุมชน ทั้งขนมนมเนย
อาหารหวานคาว ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
ที่ตั้งเรียงรายคล้ายซุปเปอร์มาร์เก็ตในวัด
พวกเราจึงตั้งใจที่จะมาเดินดูกันครับ
ว่าจะมีอะไรที่ให้เราช่วยอุดหนุนได้บ้าง
แต่ที่ไหนได้แค่เราเผลอหยุดแวะถ่ายรูปวัด
อยู่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง ตลาดก็เริ่มวาย
•HL: ไว้มาที่นี่ค่ำๆอีกสิ น่าจะสวยนะ
เดินไปจนสุดซอยนั่นยิ่งวิวดีเลย
”พี่ใช้” พี่ชายวัยกลางคนที่ขายกาแฟในวัดนี้
กำลังเก็บรถเข็นที่เป็นร้านกาแฟเคลื่อนที่
จนเสร็จเรียบร้อยและกำลังจะกลับบ้าน
คงเห็นท่าทางพวกเรายืนหันรีหันขวางอยู่
จึงวางจากภารกิจและยิ้มให้พวกเราอย่างใจดี
พวกเราจึงตรงเข้าไปถามทางทัวร์กับพี่เค้าทันที
พี่เค้าเล่าให้เราฟังว่า...
ตลาดที่นี่จะเริ่มเปิดตั้งแต่ตีหนึ่ง
จนถึงสายๆตลาดก็วายแล้ว
น่าประมาณแถวๆ9โมงกว่าร้านก็เก็บหมด
พี่เค้าบอกว่าที่นี่จะเป็นตลาดกลางคืน
เป็นที่รวมของขายทั้งจากคนในชุมชน
และทั้งจากคนต่างถิ่นอื่นๆอีกด้วย
พี่เค้าอุตส่าห์สละเวลา
อยู่มอบน้ำใจดีๆแนะนำให้พวกเรา
ถึงชุมชนด้วยครับว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
พร้อมทั้งบอกชวนพวกเราให้ลองเดินเข้าไป
ให้สุดทางเดินในชุมชนจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยา
เพื่อให้ไปเก็บรูปสวยๆกันที่ท่าเรือเก่าแห่งนี้
ที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว
ในระหว่างที่กำลังคุยอยู่กับพี่เค้า
ก็มีคุณป้าอีกคนที่กำลังเข็นรถ
ที่เก็บของขายเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน
และกำลังจะกลับบ้านได้ผ่านมา
แกคงได้ยินและเห็นว่าพวกเรา
กำลังคุยเรื่องชุมชนนี้กันอยู่กับพี่ใช้
แกก็ส่งยิ้มให้และมีน้ำใจ
ไถ่ถามพวกเราอย่างเอ็นดูด้วยครับ
ป้าหยุดรถเข็นและเข้ามาแนะนำเพิ่มว่า
ในชุมชนมีอะไรน่าเดินบ้าง
ที่นี่เมื่อก่อนนี้เป็นอย่างไร
เพราะป้าแกอยู่ที่นี่ด้วยครับ
แกก็เล่าเสริมกับพี่ใช้อยู่สักครู่หนึ่งเลย
รอยยิ้มและน้ำใจที่เต็มเปี่ยม
มันไม่เคยจางหายไปจากคนไทยเลย
นอกจากพวกเรา
ที่ได้รับน้ำใจอย่างดีตลอดมา
กับทุกคนที่เราพบเจอแล้ว
ในครั้งนี้เราพบอีกอย่างว่า
วัดก็ให้โอกาสกับผู้คนในชุมชน
ได้อาศัยใช้พื้นที่วัด
เป็นสาธารณะประโยชน์
ให้ทุกคนได้ใช้เป็นที่ทำมาหากินกันไป
ซึ่งปกติเรามักจะพบเห็นภาพเหล่านี้
ตามวัดในต่างจังหวัดเสียมากกว่า
พวกเรารู้สึกดีนะครับ
ที่เห็นวัดได้มีส่วนช่วยเหลือชุมชน
เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันเป็นอย่างดี
มีน้ำใจถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน
เราเชื่อว่าวัดแทบจะทุกวัดในกรุง
ก็คงจะมีเจตนาที่ไม่ต่างกัน
ต้องกราบอนุโมทนาในกุศลเจตนานี้
ด้วยนะครับ สาธุ!!
เราเห็นว่าที่สุดทางเดินนี้มีสันเขื่อนที่เค้าสร้างไว้เพื่อกั้นน้ำเวลาน้ำขึ้นให้เป็นทางเดินเล่นกันอีกด้วยครับ ระหว่างทางเราโชคดีมากที่ได้พบคุณลุงแจวเรือมาขายก๋วยเตี๋ยวระหว่างทางเดินนี้ด้วยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีก๋วยเตี๋ยวเรือแท้ๆในริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย เป็นวิถีไทยที่ยังคงอยู่ในเขตตัวเมืองกรุงเทพเลยทีเดียว
เราเลยขออนุญาติชะโงกหน้าคุยกับคุณลุง
ที่กำลังง่วนบริการลูกค้าอยู่บนเรือไปพลางๆ
พร้อมกับไม่ลืมขอเก็บภาพชายผู้เป็นเจ้าของ
ก๋วยเตี๋ยวเรือขนานแท้กันด้วยน่ะครับ
ดูน่าตาหน้าทานมากครับ นี่ถ้าไม่โดนต้มเลือดหมู
ก่อนมาพบคุณลุงนี่ สงสัยต้องมีเบิ้ลแน่ๆเลยครับ
■ คุณป้าก็จิตอาสานะครับ
ขอบคุณพวกหนูนะที่มาทำให้ป้า
มีความสุขได้พูดได้คุยได้แนะนำ
ว่างก็มากันอีกนะ
เราเดินถ่ายรูปกันจนสบายใจแล้ว
ต่อจากนั้นพวกเราแอบสืบรู้มาว่า
บางลำภูล่าง เค้ามี “สตรีทอาร์ท” ด้วยนะ
งั้นไปเดินตามหากันดีกว่า จะได้ถ่ายรูปสวยๆกัน ว่าแต่มันอยู่ตรงไหนบ้างพวกเราไม่รู้เลยครับ
เราใช้จีพีเอสดั้งเดิมที่ติดอยู่ที่ปากเราดีกว่าครับ
ว่าแล้วก็ตรงรี่ไปที่ร้านคุณป้าคนหนึ่ง
ที่กำลังขายข้าวคลุกกะปิอยู่ระหว่างทางดีกว่า
คุณป้ารัตนา ด้วยวัย 69 ปีแต่ยังแข็งแรงมาก
เรารู้สึกว่าป้าแกเปี่ยมล้นไปด้วยน้ำใจ
และรอยยิ้มที่มีให้พวกเราอย่างมากมายนะครับ
ทันทีพี่พวกเราถามป้าแก แกรู้สึกสนุกที่จะพูดคุย
โต้ตอบและหาโอกาสอำเรา บอกแซวเราด้วยขำๆ
ตลกตรงหนึ่งที่เราถามป้าว่าป้าฉีดวัคซีนหรือยัง
มีอาการแพ้อะไรไหม ป้าบอกป้าฉีดครบ2เข็มแล้วด้วยนะแอสตร้าจร้า และอาการแพ้ที่ป้าบอกพวกเราก็คือ ป้าบอกสงสัยไปฉีดต่อมตะกละแตก
ป้ากินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไอ้ที่เคยไม่ชอบไม่อยากกิน กลับกินได้อย่างเอร็ดอร่อย นี่แหละที่ทำให้พวกเราขำมากกับลีลาการเล่าของป้า
สนุกมากๆเลยครับป้า
ด้วยความที่คุณป้าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด
จึงรู้ทุกซอกซอยจริงๆ ป้าอธิบายว่า
ที่เค้าเรียกที่นี่ว่าบางลำภูล่างนั้น
เพราะว่าสมัยก่อนแถวนี้มีต้นลำพูเยอะเลย
คงเยอะเหมือนกับตรงที่บางลำภูบนน่ะแหละ
คนเลยเรียกตามแหล่งที่มีต้นลำภู ทีนี้มันก็คงซ้ำ
เค้าเลยให้ชื่อต่อท้ายว่าบนกับล่างคงกลัวสับสน
■ สตรีทอาร์ต...งานวาดที่ผนัง
แต่ทำไมถึงประทับเข้าไปในใจ
และป้าก็ยังแนะนำต่อด้วยความสุขใจอีกว่า
ภาพวาดบนผนังอะไรนี่นะมีที่ซอยนั้นซอยนี้
รวมถึงซอยบ้านของคุณป้าเค้าเองด้วยนะ
ป้าเล่าไปด้วยความภูมิใจและยิ้มอย่างใจดี
ว่าป้าเห็นเป็นกลุ่มเด็กหนุ่มๆ ที่เค้ามาวาดนี้
ป้าเลยถามว่าใครจ้างพวกหนูมาวาดรูปเหล่านี้ล่ะ
เพราะเห็นตากแดดนั่งวาดกันนานเป็นเดือนๆ น้องๆเค้าบอกว่าพวกเค้าเป็นจิตอาสา
มาวาดให้คนที่นี่แบบไม่ได้คิดเงินกันครับ
อยากช่วยส่งเสริมให้คนได้มาเที่ยวกันด้วย
มิน่าล่ะผลงานที่ออกมาจึงเห็นถึงความสุข
และน้ำใจของน้องๆคนวาดอยู่ในนั้นด้วย
กับสีสันที่สดใสสวยงามและความตั้งใจ
ที่เต็มล้นหัวใจ พวกเราดีใจที่เห็นผลงาน
ของกลุ่มน้องๆที่น่ารักเหล่านี้ที่ฝากผลงานดีๆ
ให้กับคนในสังคมของเรา
นี่เป็นอีกหนึ่งในความมีน้ำใจ
ที่พวกเราประทับใจมากเลยนะครับน้องๆ
พี่กราบใจงามๆของน้องๆ
ที่ร่วมสร้างงานดีๆนี้กันทุกคนนะ
เรารับฟังเรื่องราวจากคุณป้าไปเยอะมาก
พวกเราก็เลยอุดหนุนข้าวคลุกกะปิคุณป้า
กลับมาด้วย ป้ายังอุตส่าห์ลดราคาให้พวกเราอีกกล่องละ 5 บาทซึ่งปกติป้าก็ขายถูกอยู่แล้วแค่กล่องละ 35 บาท พวกเราบอกไม่ต้องลดครับป้า แต่ป้าไม่ยอมป้าบอกว่าแค่พวกหนูมีน้ำใจอุดหนุนป้า และเข้ามาคุยกับป้าก็ดีใจแล้ว
ถือว่าเป็นน้ำใจจากป้าก็แล้วกัน
พวกเราซาบซึ้งในน้ำใจของคุณป้าจริงๆครับ
ป้าบอกเมื่อก่อนขายข้าวแกงแล้วทำไม่ไหว
เลยมาขายข้าวคลุกกะปิแทน
พอมีลูกค้าประจำ ขายแค่พออยู่ได้
ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใคร
วันนี้พอเพียง และเพียงพอในสิ่งมีอยู่
ก็สบายใจแล้วล่ะหนู ใครผ่านไปผ่านมาก็ไปอุดหนุนคุณป้าเค้ากันได้นะครับ
พิกัดออกจากวัดเศวตเดินเลี้ยวซ้าย
ออกมาสักประมาณ 200 เมตรก็จะเจอ
กับรถเข็นข้าวคลุกกะปิคุณป้ารัตนาครับ
ก่อนเดินชมสตรีทอาร์ตกันต่อ
พวกเราไม่ลืมที่จะไหว้ขอบคุณป้าครับ
ตามที่พวกเรารู้สึกเหมือนไหว้ญาติผู้ใหญ่
เราเดินต่อไปไม่กี่สิบก้าวเท่านั้น
เราก็จึงได้พบกับสตรีทอาร์ทบนกำแพงที่ว่า
ซึ่งบอกเลยครับว่าเราพอใจมากกับ
การถ่ายภาพเพราะได้รูปที่สีสันสวยงามมากครับ ระหว่างทางก็เดินดูของขายริมถนนไปด้วย
ทำให้เพลิดเพลินใจไปด้วยครับ
แต่ที่นี่ยังไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวถ่ายภาพ
กันสักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ
คนยังไม่ค่อยรู้จักที่นี่หรือเปล่า?
■ อบอุ่นใจที่ได้เห็นถึงความตั้งใจ
เราสนุกสนานกับการเดินถ่ายภาพสักพักใหญ่
และตั้งใจไปนั่งพักกันต่อที่ “ร้านบ้านคุณย่า”
ต้องบอกเลยว่าก่อนหน้านี้เวลาขับรถผ่าน
จะเห็นป้ายร้านตั้งอยู่บนหลังคารถริมถนน
แต่ไม่เคยเห็นร้านจริงๆเลยครับว่าเป็นอย่างไร
ในวันนี้เรามีโอกาสแล้วจึงดุ่มเดินจะไปที่ร้าน
แต่ก็ไม่ทราบนะครับว่าอยู่ที่ไหน
กำลังว่าจะเอ่ยปากถามทางหน่อย
แต่ไม่ต้องแร่ะเพราะเราเห็นภาพเพ้นท์บนผนัง
ที่มองเห็นได้จากมุมสูงตั้งแต่ไกลเลยครับ
สังเกตุไม่ยากด้วยสีสันที่สดใส
เป็นรูปขนมไทยโบราณและเขียนว่าบ้านคุณย่า
แค่เพียงไม่กี่ก้าวเมื่อเราเดินมาถึงสุดซอย
เราก็ต้องพบกับความตะลึงกับความเรียบง่าย
ด้วยเรือนไทยโบราณที่ยังคงเก็บรักษาเอกลักษณ์
ความคงความสวยงามไว้ได้อย่างสมบูรณ์มากๆ
เราเลือกสั่งล่าเตียง ขนมจีบไทยและช่อม่วง
ของว่างที่เรายังไม่เคยทานนี้ได้ถูกจัดวางมา
อย่างสวยงามประณีตมากๆเห็นความเอาใจใส่
ด้วยความตั้งใจที่รังสรรค์มาอย่างวิจิตรบรรจง
อ่อที่นี่มีกาแฟและชาให้เลือกมากมายนะครับ
เราขอเลือกเป็นลาเต้ใบเตย และกุหลาบลาเต้ ต้องบอกเลยครับว่าคงไม่มีใครเคยลิ้มลอง
ไซรับแบบไทยนี้ที่ไหนมาก่อนแน่ ตอนแรกในใจ
คิดว่ากลิ่นกุหลาบกับกาแฟจะไปกันได้หรือเปล่า
แต่ผิดคาดครับ กลิ่นหอมของทั้งใบเตยและกลิ่นกุหลาบ กลับเสริมให้ลาเต้มีความพิเศษละมุน
เข้ากันเป็นอย่างดีกับเครื่องของว่างไทยนี้ได้ดี
ทุกอย่างถูกคิดและนำเสนอมาด้วยความลงตัวของความเป็นไทยและถูกสื่อสารออกมาได้อย่างน่าชื่นใจนี้ ทำให้พวกเราต้องขอเจอกับเจ้าของร้านเพื่อขอพูดคุยถึงแรงบันดาลใจต่างๆเลยครับ
และพวกเราก็คาดไม่ถึงอีกครั้งหนึ่งครับ
เพราะเจ้าของร้านซึ่งเป็นคนทำอาหารเองด้วยไม่ใช่คุณป้าอย่างที่เราจินตนาการไว้
แต่เป็นเด็กหนุ่มวัยเพียงแค่ 39 ปีเท่านั้น
ใช่ครับ!อ่านไม่ผิดน้องเค้าออกมาต้อนรับเรา
และให้เราได้สัมภาษณ์น้องอย่างเป็นกันเองมาก
•สุขใจที่ได้รักษาความเป็นไทย
เหมือนได้อยู่กับคุณย่าทุกวัน
ถึงแม้ท่านจะไม่อยู่แล้ว
คุณกันต์ เจ้าของร้านบ้านคุณย่า เริ่มเล่าว่า...
ด้วยความผูกพันกับคุณย่ามาก กับใจรักในวัฒนธรรมไทย ที่ถูกซึมซับมาตั้งแต่เด็กจากบรรพบุรุษรุ่นต่อรุ่นสืบมา คุณกันต์จะตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นถึงความเป็นไทย จึงอยากนำเสนอความเป็นไทย อาหารที่ตนเองมีความสามารถและได้เรียนรู้มาจากคุณย่า เพื่อสืบสานให้วัฒนธรรมไทยคงอยู่และเพื่อคนรุ่นหลังจะได้รู้จักถึงอาหารไทยอย่างแท้จริง
ความคิดเริ่มต้นขึ้นเมื่ออายุ 30 ต้นๆ เมื่อพูดถึงอาหารไทยโบราณให้คนรอบข้างฟัง แต่หลายคนไม่รู้จัก เลยเกิดแรงบันดาลใจในการทำร้านนี้เพื่อสืบสานความเป็นไทยให้กับคนรุ่นใหม่ เห็นคุณค่าของความเป็นอาหารไทยและ วัฒนธรรมไทย
จากการที่เริ่มทำทานกันเองในบ้านก่อน
ประกอบกับบ้านเรือนไทยซึ่งเป็นบ้านคุณย่า
ที่เป็นมรดกตกทอดมาและถ้าปล่อยทิ้งไว้บ้านก็จะมีแต่ทรุดโทรม ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจที่จะเอาบ้านหลังนี้มาทำเป็นร้านสำหรับทานอาหารว่างในตำรับไทยโบราณที่หาทานยากในปัจจุบัน
เราถามว่าสำหรับการทำร้านนี้...
อะไรคือความสุขของคุณกันต์?
น้องเค้าตอบด้วยความรู้สึกจริงๆว่า...
หนึ่งคือทำให้เค้าได้เชื่อมโยงกับคุณย่า
เหมือนว่าท่านยังอยู่กับเราตลอดเวลา
และอีกสิ่งคือความภูมิใจที่ได้รักษา
และสืบทอดพร้อมกับส่งต่อจิตวิญญาน
ของความเป็นไทยนี้ให้คงอยู่ไปตลอด
แค่ลูกค้าเข้าใจและรับรู้ได้ถึงสิ่งนี้และเห็นคุณค่า
ก็ทำให้คุณกันต์มีความสุขมากเกินพอแล้ว
คุณกันต์จึงอยากส่งต่อร้านนี้ด้วยน้ำใจ
ที่เปรียบเสมือนญาติมิตรที่มาเยี่ยมเยียน
เมื่อได้เข้ามาที่ร้านนี้ “บ้านคุณย่า”
น้ำใจของคนไทยกับเอกลักษณ์ไทย
จะยังคงเรืองรองแจ่มชัดสุกใสอยู่เสมอ
ตราบเท่าที่เราได้เห็นและตระหนัก
ในคุณค่าแห่งความเป็นคนไทย
จากใจ ถาม•ทาง•ทัวร์
โฆษณา