Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฉันสบายดี Hai, Genki desu
•
ติดตาม
28 ธ.ค. 2021 เวลา 23:55 • สุขภาพ
EP.2 ไปให้สุดแล้วไปหยุดที่ ER
เมื่อกิจวัตรประจำวันถูกเปลี่ยนโดยพฤติกรรมใหม่ ร่างกายของผมส่งสัญญาณเตือนบางอย่าง
เนื่องจากผมมีประวัติทางการแพทย์ของครอบครัวไม่ค่อยสู้ดีนัก ทั้งพ่อและแม่ต่างมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมกังวลและคิดถึงตลอด และก็มีความเชื่อว่าผมน่าจะได้รับมรดกทางพันธุกรรมในส่วนนี้จากบุพพการีทั้งสองอย่างแน่นอน
วันหนึ่งหลังจากประชุมเสร็จ ผมรู้สึกว่าแขนซ้ายและขาซ้ายอ่อนแรง หรือว่ามันจะเป็นอาการของหลอดเลือดสมองตีบ (Stroke) ผมพยายามตั้งสติโทรบอกที่บ้านแล้วก็รีบขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลทันที ระหว่างทางค่อนข้างทุลักทุเลแต่ผมก็ประครองตัวจนส่งตัวเองถึงโรงพยาบาลจนได้
ถึงโรงพยาบาลร่างกายผมหมดเรี่ยวแรง ขอให้เวรเปลนำรถเข็นมาให้ผมนั่ง แล้วส่งตัวผมไปที่แผนก ER พยาบาลซักถามอาการในขณะที่เตรียมเครื่องวัดสัญญาณชีพต่างๆ เพื่อตรวจสอบค่าต่างๆ เพื่อใช้ประกอบการวินิจฉัยโรค
หมอประจำแผนก ER เข้ามาซักถามอาการเพิ่มและตรวจสอบการตอบสนองของร่างกายส่วนที่ผมแจ้งว่าอ่อนแรง จากนั้นหมอก็ตั้งข้อสงสัยว่าผมอาจเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบเนื่องจากหมอสังเกตุเห็นว่าผมมีอาการปากเบี้ยวอีกด้วย
Stroke Fast Track ผมได้ยินเสียงตามสายที่โรงพยาบาลประกาศเพื่อเตรียมตัวรักษาซึ่งแน่นอนว่าคนไข้คือตัวผมเอง สายน้ำเกลือถูกเสียบเข้ามาที่แขน ทางแผนก ER ส่งตัวผมต่อไปที่แผนกรังสี เพื่อทำ MRI (เครื่องตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) หลักการทำงานของเอ็มอาร์ไอจะอาศัยการทำปฏิกิริยา ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและ คลื่นความถี่วิทยุ กับ อนุภาคโปรตอนที่อยู่ในส่วนประกอบของเนื้อเยื่อแต่ละชนิด ซึ่งปฏิกิริยานี้จะทำให้ได้สัญญาณภาพ (image signal) ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นภาพของอวัยวะภายในโดยระบบคอมพิวเตอร์ แมกเนติกเรโซแนนซ์ อิมเมจิ้ง (MRI) เป็นเครื่องมือปลอดรังสีเอ็กซ์เพราะไม่ใช้รังสีเอ็กซ์ในการสร้างสัญญาณภาพ ของอวัยวะภายใน
การถูกส่งตัวเข้าไปในอุโมงค์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้ผมคิดถึงการตรวจครั้งก่อนเนื่องจากครั้งก่อนเคยตรวจและใช้เวลานาน 45 นาทีเพื่อให้ได้ภาพที่หมอต้องการ ผมรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามาก รู้สึกว่าเหมือนถูกทอดทิ้งให้อยู่ในห้องคนเดียวโดยที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย ทนไม่ไหวกดปุ่มสัญญาณขออกจากอุโมงค์เมื่อเกือบใกล้ครบเวลา
ครั้งนี้ก็เช่นกันผมกลัวอุโมงค์ ไม่สามารถเข้าไปได้ เจ้าหน้าที่บอกให้ผมทำใจให้สบายคิดว่าการเข้าอุโมงค์นี้จะเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาโรคนี้ได้ เป็นการอุปมาอุปมัยที่ดีและสามารถทำให้ผมกล้าเผชิญหน้ากับเจ้าอุโมงค์แม่เหล็กสำหรับการตรวจครั้งนี้สำหรับการตรวจ MRI ซีกบนครั้งนี้ใช้เวลาโดยรวมประมาณ 25 นาที ซึ่งผมทำสำเร็จได้ภาพตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการ
วันนี้เขียนไว้หลายย่อหน้าแล้ว ไว้ผมจะเขียนให้อ่านกันต่อนะครับ
การใส่สายน้ำเกลือครั้งแรกของชีวิต
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย