EP : 6
'ภูหินร่องกล้า-ภูทับเบิก' ทริปแรกที่ออกเดินทางสองคืนสามวัน พร้อมประสบการณ์การเดินบนเขาหลายกิโลเมตรสำหรับมือใหม่อย่างเรา :)
เป็นอีกครั้งที่เรามุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยออกเดินทางวันที่ 25 ธันวา 64 ตั้งแต่เช้าตรู่ และสถานที่ค้างแรมคืนแรกคือ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อของจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเลย และจังหวัดเพชรบูรณ์
หลังตรวจวัดอุณหภูมิและตรวจประวัติการฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถเข้ามาภายในเขตอุทยานแห่งชาติ ก่อนจะแวะถ่ายรูปเช็กอินตรงมุม 'ร่องกล้าฮั้นแน้ว'
เราเดินทางมาถึงประมาณช่วงเที่ยง แต่สภาพอากาศเย็นสบายมาก เพราะอุณหภูมิแค่ 22 องศา ก่อนจะแวะเก็บตราปั้มของอุทยานกันเหมือนเดิม
จากนั้นก็หาจับจองพื้นที่กางเต็นท์เหมาะๆ เอาไว้ล่วงหน้าก่อน
ตรงจุดกางเต็นท์ของที่นี่จะเป็นลานกว้าง ปกคลุมด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ลมพัดเย็นสบายตลอดเวลาเลย
หลังกางเต็นท์เสร็จ เราก็ขับรถแวะเที่ยวตามจุดต่างๆ ภายในเขตอุทยาน โดยเริ่มจากการพิชิตลานหินปุ่มและผาชูธง ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 4 กิโลเมตร
ระหว่างทางก็มีรูปทรงหินต่างๆ ให้ศึกษาธรรมชาติไปด้วย
และแล้วก็มาถึง ลานหินปุ่ม
ก่อนจะเดินเท้าต่อไปยัง ผาชูธง โดยระหว่างทางก็มีจุดต่างๆให้ชมธรรมชาติ
และแล้วก็มาถึง ผาชูธง เป็นยอดเขาที่มีความสูงถึง 1,614 เมตรเลยทีเดียว
ปล.เทคนิคการเดินไกลฉบับเหนื่อยน้อยของเราคือ ใส่หูฟัง ฟังเพลงไปด้วยค่ะ ;-;
พอเก็บครบหมดแล้ว เราก็ขับรถมาเที่ยวอีกจุดนึงต่อ นั่นก็คือ ลานหินแตก
ทางเดินจะเป็นพื้นหินสลับกับเนินเขาไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้นเราก็เดินเท้ากลับออกมาตรงจุดจอดรถ แล้วก็หาร้านนั่งกินจิ้มจุ่มกัน ก่อนจะพักผ่อนสำหรับคือแรก
อากาศตอนกลางคืนว่าหนาวแล้วลมแรงตลอด อากาศยามเช้ายิ่งหนาวกว่า ประมาณ 15 องศา แต่เราชอบมาก ;-;
วันที่ 26 ธันวา 64 เริ่มเก็บเต็นท์เตรียมพร้อมเดินทางไปยังภูทับเบิกต่อ โดยระหว่างทาง เราแวะไปเที่ยวชมหน้าผาต่างๆ ที่อยู่ในเขตอุทยานกันก่อน
มีหลายผามากเลย แต่เราถ่ายมาไม่ครบ ;-;
เดินลงมาอีกนิด มีทุ่งดอกกระดาษด้วย สีสวยสดใสมาก
จากนั้นก็เดินทางต่อไปดูใบเมเปิ้ลสีแดง ณ โรงเรียนการเมืองทหาร ซึ่งรอบบริเวณเป็นป่ารกทึบหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์
ตอนแรกเห็นข่าวจากเพจอุทยานว่าใบเมเปิ้ลกำลังแดงสดสวย แต่พอมาถึง...
บนต้น ไม่เหลือใบไม้แดงๆแล้วฮะ...
จากนั้นก็เดินทางต่อ ขึ้นมาตรงจุดชมวิวที่สูงมาก คือ ภูแผงม้า ซึ่งเส้นทางค่อนข้างลำบาก
และก็แวะมาชม ผาหัวสิงห์ ที่ตอนนี้ปิดไม่ให้เข้าไป เราเลยเก็บภาพมาได้แค่ภายนอกกับบริเวณรอบๆ เท่านั้น
ต่อมา ก็เดินทางต่อมายัง วัดป่าภูทับเบิก ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นวัดที่อยู่สูงที่สุดของประเทศไทย
ประติมากรรมรูปปั้นต่างๆ ภายในวัดสวยงามมาก แต่ก็มีหลายจุดที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ดี
ทางเดินขึ้นลงค่อนข้างชันมากๆ ทว่าสภาพอากาศเย็น เลยไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยเท่าไร
หลังจากนั้น ช่วงบ่ายเราก็เข้าไปเช็กอินรีสอร์ท 'ไร่ชิดหมอก' บนภูทับเบิก ห้องละ 1500฿ (รวมอาหารเช้า) แต่วิวหลักล้านเลย~
วิวหน้าห้องพัก
สวยมาก สูงมาก
ตกเย็น สั่งหมูกระทะชุดละ 500฿ มานั่งกินกัน ได้หมูเยอะมาก กิน 2 คนไม่หมด แถมอุณหภูมิยิ่งดึกยิ่งหนาว ฟินสุดๆเลยยย เป็นการกินหมูทะครั้งแรกที่ลืมไม่ลง ;--;
วันที่ 27 ธันวา 64 บรรยากาศยามเช้า เย็นสบายมากกกก
อาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทเตรียมให้ ซึ่งเจ้าของที่พักดูแลดีมาก พูดจาดีมาก บริการดีสุดๆ ถ้าไม่อิ่มเติมได้ตลอด
สวนดอกไม้เล็กๆ รอบรีสอร์ท
พอเช็กเอาท์เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางแวะเที่ยวกันต่อ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้าน
และนี่คือ อาคารหอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ ของภูทับเบิก
21 องศา แต่หนาวลมมาก ลมแรงงงง
จากนั้นก็ขับรถลงจากภูทับเบิก วิวข้างทางสวยมากจนละสายตาไม่ได้ และคงคิดถึงที่นี่อีกนานแน่ๆ
ต่อมา เรามาแวะ น้ำตกธารทิพย์ เพราะเป็นทางผ่านพอดี
ระยะทางเดินไม่ไกลเลยประมาณ 400 เมตร เท่านั้น
พอเก็บภาพสูดธรรมชาติเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินทางต่อมายัง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของทริปครั้งนี้
บริเวณภายในร่มรื่นสะอาดมาก โดยมีรถรางคอยให้บริการพาไปชมจุดต่างๆ
มีศูนย์การเรียนรู้สิ่งของโบราณในยุคสมัยนั้นให้ศึกษาด้วย
พื้นที่ของอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้กว้างขวางมาก
ครั้งก่อนที่เคยมาเขาค้อ เราตั้งใจจะแวะมาที่นี่ แต่อุทยานดันปิดซะก่อน ดีใจมากที่คราวนี้มาทัน และมีโอกาสได้เข้ามาเที่ยวชมศิลปะโบราณที่ยังหลงเหลือให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ ได้ชื่นชมกับความสวยงามเหล่านี้
ขอบคุณที่อ่านบันทึกการเดินทางของเราจนจบ. ♡
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
