30 ธ.ค. 2021 เวลา 08:38 • ความคิดเห็น
คนฉลาดกว่า คนที่รู้มากกว่า คนที่ก้าวหน้ากว่ามีเทคโนโลยีสูงกว่าเอาประโยชน์จากตรงนั้นจากผู้คนที่ล้าหลังกว่าตนเองมันเป็นวิถีทางปกติที่เป็นมาจากอดีตย้อนไปได้ตั้งแต่เรายังไม่มีความแตกต่าง ๆ ใด ๆ จากสัตว์ชนิดอื่น ๆ
วิถีแบบนั้นเราเรียกกันว่ากฏแห่งป่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก สัตว์ผู้ล่ากับเหยื่อ เหมือนเขาแบ่งไดโนเสาร์เป็นพวกกินพืชพวกกินสัตว์อื่นด้วยกัน พวกกินเนื้อแน่นอนว่าต้องกินพวกกินพืชหรือตัวอื่นตัวไหนก็ได้ที่เล็กกว่าพอจะจับกินได้ คุณสมบัติของพวกกินตัวอื่นก็ต้องใหญ่กว่า แข็งแรงปราดเปรียวกว่าเพียงแต่กรณีนี่เป็นความแข็งแรงกว่าทางจิตใจและสติปัญญาแต่มันก็ไม่แตกต่างกัน
1
กลไกธรรมชาติพวกที่กล่าวถึงมีนเริ่มถูกทดแทนด้วยอารยธรรมของมนุษย์ที่ดิบเถื่อนน้อยลงตามลำดับ เราถึงกับเรียกว่าสิ่งที่เราแตกต่างจากสัตว์นี่คือความเป็นมนุษย์เช่นจากล่าหรือฆ่าไม่เลือกก็ยกเว้นไม่กินพวกกันเอง ไม่ฆ่าพวกเดียวกันแต่ยังคงฆ่าคงล่าคนด้วยกันที่เราเรียกว่าเป็นพวกอื่น คำว่าคนอื่นนี่ก็แล้วแต่เช่นพวกคริสเตียนหรือมุสลิมเรียกคนอื่นเป็นพวกนอกรีต(heretic) ผู้ไม่ศรัทธา(nonbeliver, unbeliver) ทีนี้พอเป็นคนอื่นก็เข่นฆ่าได้ จับมาเป็นทาส ทำทารุณกรรมอย่างไรก็ได้
ที่อ้อมค้อมมายืดยาวก็คืออย่าไปคิดเอาประโยชน์จากความก้าวหน้ากว่าของตนเองเลยเพราะคนที่ยังจมปลักอยู่กับอารยธรรมในอดีตพวกนี้พวกเขาล้วนถูกมอมเมาเอาประโยชน์จากความเชื่อที่งมงายของตัวเองมาโดยตลอดช่วงเวลาวิวัฒนาการอันยาวนานของมนุษย์ น่าสงสารอยู่แล้ว
ในอดีตหมอผี นักบวชคือผู้นำของชุมชน แม้แต่ในยุคที่เป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ผู้ปกครองก็ล้วนแต่ใช้ศรัทธา ความเชื่อของผู้คนเป็นเครื่องมือในการควบคุมผู้คนทั้งนั้น
ไม่จำเป็นจะคิดเอาประโยชน์แค่ความเข้าใจเรื่องพวกนี้ถือว่าเรา take advantage โดยอัตโนมัติแล้วนะ คนที่ไม่งมงายลุ่มหลงในความเชื่อโบราณพวกนี้อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอาเงินไปทูนหัวให้กับฤษี พระอาจารย์จอมขมังเวทย์ที่ไหน ๆ
คนที่ลุ่มหลงงมงายนั้นพวกเขาน่าสงสารและมีผู้ใช้ประโยชน์จากความเชื่อล้าหลังของพวกเขามากมายอยู่แล้ว เมื่อเราเข้มแข็งทั้งทางจิตใจและสติปัญญาจนพ้นมาได้ก็ควรเวทนาและเข้าใจพวกเขา
ศรัทธา ค่านิยมความเชื่อมันมีประโยชน์มีความจำเป็นตามยุคสมัยของมัน ที่ดูล้าหลังเพราะเราผ่านบริบท ผ่านสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองแบบนั่นมาแล้วต่างหาก ความเชื่อในศาสนา เทพเจ้า เวทมนต์คาถา ไสยศาสตร์ทุกชนิดล้วนมีปัจจัยที่เป็นบริบท(context)ของมันเอง ลองคิดดูเมื่อมีศัตรูจากเผ่าอื่นยกพวกมาล้อมหมู่บ้านเพื่อปล้นฆ่า จับผู้คนไปเป็นทาส เอาผู้หญิงไปเป็นทาสบำเรอความใคร่ ถ้าเราเป็นผู้นำหมู่บ้านจะปลุกใจผู้คนให้ออกไปต่อสู้อย่างไรเมื่ออาวุธมีเพียงมีดพร้า หอกดาบ เสื้อเกราะก็ไม่มี ในบริบทอย่างนี้เราคงเรียกหาพระอาจารย์หรือหมอผีมาพรมน้ำมนต์ ลงอาคมเสื้อยันต์ ท่องคาถาหนังเหนียวให้กับนักรบของเราใช่หรือไม่
ความคิดจะ take advantage จากความเชื่อที่เรารู้ว่าไม่จริงพวกนี้อาจจะเลวร้ายกว่าการที่คนโบราณเขาใช้ศาสนาและความเชื่อยึดโยงสังคมเข้าด้วยกันให้อยู่อย่างสงบ สันติสุข ผู้คนไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
ความเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม สมมติเทพ มันโบราณ ล้าหลังและไม่จริงแต่เมื่อมันเป็นเครื่องมือให้คนเกรงกลัวการทำบาป ไม่ฆ่า ไม่ขโมยเพราะกลัวตกนรก ไม่ล่วงเกินหญิงสาว ไม่ล่วงเกินลูกเมียใครเพราะกลัวผิดผี ล่วงเกินผีบรรพบุรุษ เชื่อว่าผู้ปกครองเป็นเทพเจ้าเพื่อให้เคารพเชื่อฟังนั่นคือเขา take advantage จากเรื่องพวกนี้ใช่หรือไม่
ในเมื่อเราก้าวหน้าทางศีลธรรมพอที่จะไม่ทำชั่วร้ายใด ๆ ไม่กระทำผิดกฏหมาย ไม่ลักทรัพย์ ไม่ฆ่าคน ฯลฯ โดยที่ไม่มีความเชื่อในนรก สวรรค์ ชาติภพหลังความนั่นคือเราเป็นผู้เจริญจริง ๆ แต่ถ้าคิดจะ take advantage จากความเชื่อที่เรารู้ว่าไม่จริงแบบนี้มันน่าจะนำเราไปในทางที่ไม่สร้างสรรค์ได้มากกว่าเพราะในที่สุดเรากำลังเป็นฝ่ายเอาประโยชน์จากความฉลาดกว่า ความรู้ที่เหนือกว่า จิตใจที่เข้มแข็งกว่า
แบบนี้ เราก็คือสิงห์โตหรือนกอินทรีย์ผู้ล่าในป่าใหญ่ พวกที่อ่อนแอกว่าทางด้านจิตใจและสติปัญญาที่กราบไหว้บูชาพระอาจารย์ พระฤษีขมังเวทย์นั่นก็พวกเหยื่อของเรานั่นเอง..สุดท้ายมันก็สะท้อนว่าเราก็เป็นผู้ล่าในแดนเถื่อน โลกของเราก็ยังเป็นโลกดิบเถื่อนล้าหลังอยู่ดี นึกถึงคนฉลาดกว่าคนอื่นมาก ๆ สร้างนวัตกรรม สร้างอาณาจักรเศรษฐกิจที่ร่ำรวยกว่าใครแต่เอาเงินที่ทำมาหาได้มาสร้างฮาเร็มที่หรูหราฟุ่มเฟือยกว่าใคร มีสาวงามในฮาเร็มมากกว่าสุลต่านหรือฮ่องเต้องค์ใดเคยมี..แล้วมันจะมีคุณค่าใด ๆ กับส่วนรวม
1
วิธีคิดหาวิธี take advantage ของเราจึงจะไม่ได้สร้างโลกที่ก้าวหน้าจริง ๆ แต่อย่างใด แนวคิดของการเป็นผู้ให้ของผู้ที่แข็งแรงกว่าต่างหากที่จะสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่าเดิม
โฆษณา