30 ธ.ค. 2021 เวลา 11:01 • ความคิดเห็น
การที่เราไม่เชื่อหรือไม่ศรัทธาในสิ่งใดๆ มิใช่เรื่องผิดแต่ประการใด การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์นั้นไม่ต้องพึ่งพึงหรืออ้างอิงศาสนา เพียงแต่เข้าใจให้ได้ว่า เราจะยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้อย่างไร ซึ่งคนหลายๆคนก็ไม่เข้าใจว่าความหมายนี้คืออะไร ในมุมของศาสนา เขามีศรัทธาและความเชื่อในทุกศาสนา ที่จะนําพามนุษย์ไปถึงจุดนั้น โดยที่สิ่งที่คุณเข้าใจ พวกสมมติเทพ ไสยศาสตร์ นั่นเป็นแค่สิ่งแปลกปลอมในศาสนาและไม่มีความเกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เลย เมื่อมนุษย์มีศรัทธาและใช้เครื่องมือตามหลักศาสนาจริงๆที่ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้นําทาง เขาก็จะมีหลักนําทางบางอย่าง คนที่ไม่เข้าใจก็จะเห็นว่า ไร้สาระ และคิดจะหาข้อดีจากความเชื่อ ที่ตัวเองไม่เชื่อโดยถือเอาความคิดของตัวเองเป็นหลักโดยที่ยังไม่เข้าใจ กฎของธรรมชาติดีพอ
ดังที่กล่าวมาว่า การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ไม่จําเป็นต้องอิงศาสนา มนุษย์เรานั้นมีวิวัฒนาการการมาตั้งแต่อดีตในแง่ของ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ การบ้าน การเมือง การปกครอง ทําให้มนุษย์อยู่ร่วมกันจนมาถึงปัจจุบันนี้ แต่คุณเชื่อไหมว่า วิวัฒนาการขั้นต่อไปของมนุษย์ จะเป็นพัฒนาการด้านจิตวิญญาณ เป็นการพัฒนาศักยภาพในตัวมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ ที่สมบูรณ์ ในด้านจิตใจ ที่สามารถละกิเลส ความอยาก ละอัตตา ตัวตน และไม่หลงไปกับมายาคติ โดยจิตที่สามารถละวางตัวตน ไม่ยึดติดกับตัวตนและเมื่อไม่ปราถนาตัวตนในภายภาคหน้า การเกิดใหม่ ( ถ้ามีจริง ) คุณคิดว่าจะเป็นอย่างไร?
ถ้าสมมติว่าชาติหน้าไม่มีจริง ลองทําในชาตินี้ก็จะเห็นผลแล้ว ตัวอย่างเช่น การบริจาคทาน การแบ่งปัน การเป็นคนที่มีอุปนิสัยชอบช่วยเหลือผู้อื่นเป็นประจำ เป็นผู้ให้ เสียสละเพื่อส่วนรวม คนพวกนี้ส่วนมากก็จะนอนหลับฝันดี หรือจะไม่ค่อยฝัน เวลาปรกติก็จะสงบ เยือกเย็น ไม่ค่อยมีความคิดปรุงแต่ง ฟุ้งซ่าน เพราะฝึกการละอัตตาหรือตัวตนมาอย่างดี และจะไม่กลัวความตาย
จิตที่สงบและเยือกเย็น ไร้ซึ่งการปรุงแต่ง นํามาซึ่งความสงบและความว่าง ที่ไม่มีตัวตนอยู่ในความคิด จนกระทั่งไม่มีความฝันออกมา สมมติว่าชาติหน้ามีจริง คนพวกนี้จะไปเกิดใหม่ ในรูปแบบที่ไม่ต้องการร่างกาย แบบต้องใช้ ประสาทสัมผัสผ่าน หู ตา จมูก กาย แต่จะใช้ใจ อย่างเดียว คือร่างกายประกอบไปด้วยจิตวิญญาณ อย่างเดียว ที่เขาเรียกกันว่ากายละเอียด เคลื่อนไหวในรูปแบบพลังงานในอีกมิติหนึ่ง นับว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นเกือบจะสูงสุดของมวลมนุษยชาติ
ถ้าถามว่า ผมรู้ได้ไงว่า ที่กล่าวมามีจริง ไม่ว่าการเวียนว่ายตายเกิด การเกิดใหม่ เรื่องของ กรรมและผลของกรรม ผมใช้หลักศรัทธาและจินตนาการนิดหน่อย ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า กรรม ไม่มีจริง โดยลองไปด่าคนที่ไม่รู้จักและลองดูผลว่าเป็นเช่นไร ผมลองทําดีกับคนส่วนใหญ่และดูว่าผลเป็นเช่นไร ผมศึกษากลศาสตร์ควอนตัมมา พบว่า hyperspace multi-universe มีจริงและมีเป็นอนันต์ ทําไมจะมีสิ่งมีชีวิตในรูปแบบที่เราไม่รู้จักในนั้นไม่ได้ ผมเห็นอนุภาคของแสง ที่ทําตัวเป็นคลื่นมีการเกิดๆ ดับๆ แบบ sinewave ทําให้รู้ว่า อนุภาคผลุบโผล่ในที่ว่าง รวมถึงอนุภาคที่ประกอบเป็น สสารและพลังงานไม่มีตัวตนอยู่จริง การเกิดใหม่ ผมรู้ว่ามันมีจริงเพราะเห็น เด็กคลอดลูกในรพ. แทบทุกวัน และเห็นความหลากหลายของชีวิตทุกรูปแบบ มี่ไม่ได้ผลุุดขึ้นมาเองจากกระบอกไม้ไผ่
1
โฆษณา