31 ธ.ค. 2021 เวลา 12:40 • การ์ตูน
ถ้ารู้ว่าวันข้างหน้าโลกจะสลาย วันนี้เราจะทำอะไร?
1
บทความสุดท้ายของวิเคราะห์บอลจริงจังในปีนี้ ผมอยากเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญในสุดยอดการ์ตูนแห่งยุคอีกเรื่อง ที่ชื่อ SUPER DOCTOR K ครับ
ตามปกติแล้วพูดถึงการ์ตูน เราจะคิดถึงเรื่องแอ็กชั่น เรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อน หรือเรื่องการต่อสู้ ซึ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่วัยรุ่นชอบ แต่ในเรื่อง SUPER DOCTOR K ผู้เขียนคาซูโอะ มิฟูเนะ กล้าเขียนเรื่องที่ยากๆ อย่าง "การแพทย์" ลงลึกถึงขั้นดีเทล
การผ่าตัด, ชีวิตหมอ-พยาบาล, โรคภัยแปลกๆ ฯลฯ ในเรื่องนี้มีทุกอย่างครบ และที่สำคัญ ไม่ได้เล่าแบบทื่อๆ แต่วางพล็อตเรื่องอย่างเฉียบขาด ทั้งตลก และให้ข้อคิด
นี่เป็นการ์ตูนที่สนุกข้ามเวลา เรื่องนี้เริ่มเขียนปี 1988 เชื่อไหม วันนี้ผมหยิบมาอ่านก็ยังสนุกมากเหมือนเดิม รู้สึกถึงความทันสมัยอยู่เลย
SUPER DOCTOR K เล่าเรื่องของคาสึยะ (ชื่อย่อ K) หมออัจฉริยะที่เก่งที่สุดในโลก เขาเกิดมาในตระกูลที่เป็นหมอกันทุกรุ่น
1
คาสึยะเรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว (ในเรื่องแปลงชื่อเป็น เทย์โตะ) แต่แทนที่จะทำงานตามโรงพยาบาลเพื่อหาเงินให้ได้เยอะๆ เขากลับเลือกจะเป็นหมอในเงามืด คอยเดินทางไปเรื่อยๆ ทั่วโลก เพื่อรักษาคนป่วย
DR.K ไม่สนใจเรื่องเงินทอง ไม่สนใจเรื่องชื่อเสียง แต่เขาต้องการแค่รักษาคนป่วยให้หาย เพื่อให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้แค่นั้น นี่เป็นหมอแห่งคุณธรรมของจริง
1
ในเรื่องนี้ มี EP.นึง ที่ผมชอบมากๆ และเป็นหลักคิดในการใช้ชีวิต ณ ปัจจุบันด้วย
คือในการ์ตูนเรื่องนี้จะรับรู้กันว่า ไม่มีใครหมอคนไหนในโลกเก่งกว่า DR.K อีกแล้ว อาการไหนที่ต้องผ่าตัดยากๆ DR.K ทำให้ทุกอย่างง่ายหมด แพทย์คนอื่นๆ เมื่อได้ยินชื่อ DR.K ก็จะยอมสิโรราบว่าฝีมือตัวเองยังอยู่ห่างไกลนัก
1
แต่ในเรื่องมีแค่คนเดียวเท่านั้น ที่เอาชนะ DR.K ได้ เขามีชื่อว่า เฟอร์ดินานด์ เลเกนซ์ เป็นแพทย์ชาวเยอรมัน
เลเกนซ์วัย 28 ปี เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์ไฮเดลเบิร์ก เขาถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะระดับโลกที่มีฝีมือใกล้เคียงกับ DR.K อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันได้สร้างชื่อเสียง เขาก็ตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคร้ายกำลังจะตาย สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 1 ปีเท่านั้น
ดังนั้นก่อนตาย เขาอยากพิสูจน์ว่าตัวเองหรือ DR.K ใครเป็นหมอที่เก่งที่สุดในโลกกันแน่ จึงจัดฉากท้า DR.K ให้มาทำการผ่าตัดในเคสใกล้เคียงกัน
มีคนไข้สองคน ขับรถประสานงาชนกัน ทั้งคู่เป็นผู้ชายรูปร่างใกล้ๆ กัน อาการเหมือนกันเป๊ะ คือม้ามกับลำไส้ฉีกขาดต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน
ใจจริง DR.K ไม่อยากแข่งด้วย แต่เมื่อมีคนไข้มารออยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่มีทางเลือก
ขั้นตอนการผ่าตัด คือตัดม้ามและตัดลำไส้ที่ฉีกขาดทิ้ง ตามด้วยเย็บผิวหนัง โดยทั้งคู่จะผ่าตัดกันคนละห้อง
เลเกนซ์ผ่าเสร็จด้วยเวลา 51 นาที ส่วน DR.K ใช้เวลา 63 นาที นั่นแปลว่า เลเกนซ์เป็นฝ่ายชนะ นี่เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในเรื่อง ที่ DR.K พ่ายแพ้
เมื่อเลเกนซ์ชนะ เขาก็เล่าให้ DR.K ฟัง ว่าเจตนาที่มาท้าแบบนี้ เพราะเขากำลังจะตายในระยะเวลาอีก 1 ปี เขาอุตส่าห์ร่ำเรียนหมอมาอย่างหนัก อุตส่าห์มีฝีมือเก่งกาจ แต่ยังไม่ทันได้สร้างชื่อเสียงใดๆ ก็มาเจอโรคร้ายที่รักษาไม่หายต้องตายซะแล้ว
ดังนั้นก่อนจะตาย เขาอยากจะไปถึงจุดสูงสุดของโลกให้ได้ก่อน และเมื่อชนะ DR.K ได้แล้ว เขาก็ไม่มีอะไรคาใจ อีก 1 ปีจากนี้เขาก็จะอยู่เฉยๆ แล้วพร้อมตายได้
อย่างไรก็ตาม DR.K ได้ขอเลเกนซ์ให้เข้ารับการผ่าตัดจากเขา ซึ่งจะช่วยยืดเวลาตาย จาก 1 ปี เป็น 2 ปี ตัวเลเกนซ์ไม่เข้าใจว่าจะยืดไปทำไม ในเมื่อห่างกันแค่ปีเดียว เดี๋ยวก็ตายอยู่ดี แต่ DR.K บอกว่า "1 ปีของอัจฉริยะมันมีค่าเท่ากับชีวิตคนธรรมดาทั้งชีวิตเชียวนะ เวลาที่เพิ่มขึ้นมา 1 ปี คุณจะเอาไปทำอะไรก็ตามใจคุณ แต่ผมเชื่อมั่นว่า 1 ปีของคุณจะไม่เปล่าประโยชน์ไร้ค่าอย่างแน่นอน"
3
เลเกนซ์ ถาม DR.K ว่า "ถ้าคุณกำลังจะตายแบบผม มีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 1-2 ปี คุณจะใช้ชีวิตในช่วงที่เหลือยังไง"
DR.K ตอบว่า "แม้พรุ่งนี้โลกจะถล่มทลายลงมา แต่วันนี้ผมก็จะยังปลูกเมล็ดพืชต่อไป"
4
"แม้จะต้องตายพรุ่งนี้ แต่ถ้าวันนี้ยังรักษาได้ ก็จะรักษาต่อไป ผมเป็นหมอ ไม่มีอะไรน้อยกว่านี้ ไม่มีอะไรมากกว่านี้ เป็นหมอก็ต้องรักษา มีเท่านี้จริงๆ"
10
"บรรพบุรุษของผมเป็นหมอมาทุกรุ่น แต่มีชีวิตแฝงอยู่ในด้านหลังเงาของสังคม แต่ทุกคน ก็ไม่เคยหมดกำลังใจที่จะรักษาอาการเจ็บป่วยของคนอื่นๆ"
1
"ชีวิตจะสิ้นไปเหมือนดาวหางที่มอดไหม้เป็นละอองธาตุล่องลอยในอวกาศ แต่ผมก็ภูมิใจที่เกิดมาในตระกูลนี้ ผมจะสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ จะเป็นหมอจวบจนวาระสุดท้าย"
2
สุดท้ายเลเกนซ์ จึงยอมรับการผ่าตัดจาก DR.K ทำให้เขามีชีวิตต่อได้อีก 2 ปี ซึ่งในช่วง 2 ปีนั้น เลเกนซ์ ได้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กับแพทย์รุ่นหลัง สร้างหมอที่เก่งๆ ขึ้นมาจำนวนมากในเยอรมัน และเสียชีวิตไปในวัย 30 ปี อย่างเป็นตำนาน
แม้จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ฝาก Legacy เอาไว้ให้กับโลก ตัวตายแต่ชื่อยัง
1
EP.นี้ ผมอ่านครั้งแรกตอนอยู่มัธยม ตอนนั้นอ่านแล้วยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ คิดในใจว่า เฮ้ย ถ้ารู้ว่าตัวเองจะตายแล้ว คงไม่อยากทำอะไรแล้วปะวะ คงกินเที่ยว ใช้เงินให้หมดไปเลยดีกว่า
1
แต่พอโตขึ้นแล้วมาอ่านอีกที ผมจึงเข้าใจมากขึ้น ว่าชีวิตของคนเรามันมีความหมายมากกว่านั้น ถ้ารู้ว่าตัวเองจะต้องตาย ผมคงไม่อยากให้ชีวิตจบไปเฉยๆ
2
คือผมไม่ได้คิดอะไรที่ยิ่งใหญ่ ถึงขนาดว่าต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับมวลมนุษยชาติหรอกนะครับ เพียงแค่รู้สึกว่า ถ้าเราฝากอะไรบางอย่างเอาไว้สักนิดหนึ่งบนโลกได้ก็คงโอเค
ถ้ารู้ว่าเหลือเวลาชีวิตอีกนิดเดียว ผมคงใช้มัน ด้วยการให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูกสาวให้มากที่สุด แม้เราจะไม่ได้เห็นเขาเติบโต แต่อย่างน้อยอยากทำให้เขารู้ว่า คุณพ่อรักเขาจนวาระสุดท้ายของชีวิต และจะฝากฝังทุกอย่างไว้กับภรรยา เพื่อให้มั่นใจว่าลูกสาวของเราสองคนจะโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพของสังคม
1
ถ้ารู้ว่าเหลือเวลาชีวิตอีกนิดเดียว ผมจะใช้มันในการเขียนงานให้ดีที่สุด ให้มากที่สุด เขียนจนกว่าจะเขียนไม่ไหว โดยหวังว่าจะช่วยให้ประเทศเรามีคนรักการอ่านเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 คนก็ยังดี
6
สุดท้ายผมจึงเข้าใจความหมายที่ DR.K บอก กับประโยคว่า ต่อให้โลกจะสลายพรุ่งนี้ วันนี้ก็จะปลูกเมล็ดพืชต่อไป
1
แปลว่า เมื่อเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ชีวิตเราจะสิ้นสุดตรงไหน แต่อย่างน้อยวันนี้ถ้าเราได้สร้างสิ่งดีๆ ที่มีความหมายต่อใครสักคน แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว
#MEANINGOFLIFE
ป.ล. เจอกันใหม่ในปีหน้านะครับทุกคน และวันสุดท้ายของปี 2564 ขอให้เป็นวันที่ดีมากๆ นะครับ
2
โฆษณา