1 ม.ค. 2022 เวลา 14:03 • ธุรกิจ
สวัสดีปี 2565 เพื่อนๆ นำเข้า ส่งออก
ทบทวน 5 สิ่งผ่านไป และ 5 สิ่งที่กำลังมาถึง
ช่วงปลายปี 2563 ที่โควิดเริ่มส่งผลรุนแรง ต่อวงการนำเข้าส่งออก ทำให้ค่าระวางขนส่งทางทะเล (ค่าเฟรท) สูงขึ้นชนิดที่เวลาไปถามพี่ๆ ในวงการทุกคน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต”
มีการคาดการณ์ว่า ปี 2564 สถานการณ์จะดีขึ้น…
หลายๆ สำนักบอกหลังตรุษจีน ปี 2564 จะจบ! แต่ก็ไม่จบสักที!!
จนมาถึงปลายปี 2564 เราได้เห็นราคาเฟรท ส่งออกไปอินเดีย ราคาขึ้นหลัก 10,000 เหรียญสหรัฐฯต่อตู้ก็มีให้เห็น (จากที่ปกติอยู่หลักร้อยเหรียญถึงพันต้นๆ)
บทความนี้แอดมินจะมาสรุป 5 ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา
และ 5 ปัจจัยสำคัญที่กำลังจะมาถึง ให้เพื่อนๆในวงการนำเข้าส่งออก ได้ติดตามกัน
หากพร้อมแล้ว ไปติดตามกันเลย
=========================
ZUPPORTS บริหาร การนำเข้าส่งออก ครบจบในที่เดียว
สนใจลงทะเบียน ที่ www.zupports.co/register
=========================
5 สิ่งผ่านไป
1) ยอดการส่งออกและนำเข้าของทั่วโลกฟื้นตัว
โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เราอาจได้ยินข่าวว่าคนตกงานกันช่วงโควิด แต่รายได้ของคนเหล่านี้ ไม่ลดนะ เพราะว่ารัฐบาล อัดฉีดปั๊มเงินมาให้ใช้กันฟรีๆ (รัฐบาลใจป๋ามากๆ....ของไทยก็ทำเหมือนกัน แต่ไม่มากเท่า)
พอมีเงิน คนก็เอาไปจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะการซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods) เพราะว่าจ่ายเงินค่าบริการหรือไปเที่ยวกันลำบากในช่วงโควิด
ทำให้การนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ เพิ่มในปีที่แล้ว มากกว่า 20%! และแน่นอนว่าสินค้าเหล่านั้นก็นำเข้าด้วยเรือตู้คอนเทนเนอร์ แต่ท่าเรือและรถหัวลากก็มีอยู่เท่าเดิม ทำให้สหรัฐฯ เอง เคลียร์เรือสินค้าไม่หมดสักที เรือต้องไปจอดรอโหลดสินค้า ดีเลย์ แล้วดีเลย์อีก ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการขนส่งทั้งโลก
ประเทศไทยเองก็ได้รับอานิสงค์ในเชิงบวก มูลค่าส่งออกสูงที่สุดในรอบ 30 ปี โดยการส่งออกไทยเติบโตสูงกว่า 16% และยังมีการประเมินว่า 2565 นี้การส่งออก ก็ยังเติบโตได้อีก ประมาณ 5%
2) เหตุการณ์ไม่คาดฝัน Supply chain ช่างเปราะบางเหลือเกิน
เราเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกันตลอดปี 2564 เริ่มจากเรือหนึ่งลำที่ไปขวางคลองสุเอซ ทำให้ทั่วโลกปั่นป่วนได้เพราะเรือหนึ่งลำนั้นทำให้เรืออีกเป็น 100 ลำดีเลย์ตามไปด้วย
ปัญหาภัยธรรมชาติ ทั้งดินถล่ม พายุเข้าจนทำให้น้ำท่วมใหญ่ที่สุด ที่ท่าเรือ Klang ในมาเลเซีย
3) สถานการณ์ในจีน กระทบสถานการณ์โลก
แน่นอนว่าการตัดสินใจของจีน ก็กระทบคนทั้งโลกไม่แพ้สหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น นโยบาย Zero Covid ของจีนที่คุมการแพร่ระบาดของโควิดเป็นศูนย์ ทำให้กระทบการนำเข้าส่งออก ที่ท่าเรือสำคัญๆ ไปหลายครั้ง
1
หรือภาวะเศรษฐกิจภายในของจีนเอง ก็ยังมีความคลุมเครือ ทั้งเรื่องปัญหาหนี้เสียของภาคอสังหาฯ ในจีน (ที่เราเห็นตึกร้างมากันมากกว่า 10 ปีแล้ว) รวมไปถึงปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า ก็กระทบการนำเข้าส่งออก
4) สถานะทางการเงินที่แย่ลง ของผู้นำเข้า ส่งออก รวมไปถึงผู้ให้บริการขนส่งด้วย
ยอดนำเข้าส่งออก ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่จากการที่ของส่งได้ล่าช้าลงกว่าเดิมมาก ทำให้บริษัทต่างๆ ต้องรอสินค้านานขึ้น บางส่วนต้องตัดสินใจเก็บ stock สินค้านานขึ้น กระทบเงินทุนหมุนเวียน ต่อกันเป็นลูกโซ่
2
หากสถานการณ์ยาวต่อเนื่องไป คนที่น่าเป็นห่วงก็คือ ผู้ประกอบการ SMEs ที่ไม่ได้มีเงินทุนหมุนเวียนสูงเหมือนบริษัทใหญ่ๆ
5) โครงสร้างอุตสาหกรรม การขนส่งระหว่างประเทศ ที่เปลี่ยนไป
สายเรือต่างพากันเข้าสู่ยุคดิจิทัล ใครอยากจองเรือช่วงนี้ อาจใช้ความสัมพันธ์แบบเดิมๆ ได้ไม่เหมือนเดิม ต้องไปจองกันผ่านเว็บไซต์ของสายเรือ คนที่เคยมี contract ทำสัญญาระยะยาวได้ ก็ไม่มีอีกต่อไป
ตอนนี้เป็นช่วงที่ความต้องการขนส่ง หรือ Demand สูงเกิน Supply กำลังการขนส่งไปมากจริงๆ มากจนทำให้โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งท่าเรือ คลังสินค้า รวมไปถึงรถบรรทุกและคนขับรถบรรทุก ไม่พอด้วย
ที่เราเห็นก็คือ เริ่มเกิดการลงทุนครั้งใหญ่โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน และที่ต้องติดตามกันก็คือ เรือใหม่ที่สายเรือสั่งกันจะมาเมื่อไหร่ (ตามข่าวก็จะเริ่มมาช่วงปลายปี 2565 นี้) และต้องดูอีกว่าเมื่อเทียบกับ ความต้องการขนส่งแล้วเป็นอย่างไร ถ้าเรือค่อยๆ เพิ่ม ราคาขนส่งก็คงยังอยู่ในระดับสูงอีกต่อไป
5 สิ่งที่กำลังมาถึง (หรือจริงๆ มาถึงสักพักแล้ว แต่เราอาจไม่ทันตั้งตัว)
1) Blue whip effect
ชีวิตมีขึ้นก็มีลง การบริหาร Supply Chain หรือห่วงโซ่อุปทานก็เช่นกัน ช่วงที่ผ่านมาบริษัท ก็สั่งสินค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตัวเลขสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น
ที่น่ากลัวก็คือ หากความต้องการซื้อของผู้บริโภคลดลงเมื่อไหร่ และบริษัทลดการผลิตหรือลดปริมาณสินค้าคงคลังไม่ทัน ก็จะทำให้ต้องลดการสั่งวัตถุดิบลงแบบรุนแรง ส่งผลต่อเนื่องกันทั้งห่วงโซ่อุปทาน
1
และหากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตอนเรือที่เพิ่มเข้ามา ก็จะเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆ สำหรับคนในวงการขนส่ง
เราคงไม่มีใครอยากกลับไปช่วงปี 2559-2560 หรือช่วงก่อนโควิด ที่สายเรือพากันเจ๊ง เพราะค่าระวางเรือต่ำมาก และเฟรทฟอร์เวิร์ดเดอร์ เองก็แทบจะขายเฟรทกันฟรีๆ เพื่อให้ได้ทำงาน
(ใครสนใจเรื่อง Blue Whip เพิ่มเติมอ่านกันได้ที่)
2) เงินเฟ้อ
เงินเฟ้อเป็นสิ่งใกล้ตัวมากๆ เราลองไปดูในมือถือ เวลาสั่งอาหาร ตอนนี้เราอาจสั่งอาหารจานเดียว เช่นกระเพราหมูสับ จานละ 70-100 บาท กันแบบชิวๆ เพราะคิดว่ามีคนละครึ่งช่วยจ่าย แต่พอคนละครึ่งหมดไป ถามว่าราคาอาหารจะลดไหม?...ก็คงไม่
เงินเฟ้อแน่นอนว่าเป็นกันทั่วโลก ตอนนี้เราอาจเห็นผู้นำเข้า มีปัญญาจ่ายค่าเฟรทแพงๆ เหมือนจะยอมจ่ายทุกราคา แบบบางทีค่าขนส่งแพงกว่าค่าสินค้า
แต่ก็อย่านิ่งนอนใจ ว่าเค้าจะมีปัญญาจ่ายแพงแบบนี้ตลอด ถึงวันที่เงินเฟ้อจน ผู้บริโภคไม่มีปัญญาจ่าย ตอนนั้นเองผู้นำเข้าส่งออก น่าจะเหนื่อยมากๆ
(บางคนเลยไปหนีลงทุน Crypto Currencies กันเพื่อต้านเงินเฟ้อกัน ใครมีตัวเด็ดๆ ก็กระซิบแอดมินบ้างนะ)
3) ราคาเฟรท จะแพงไปถึงเมื่อไหร่?
เอาตามจริง ข้อนี้แอดมินเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
หลายสำนัก บอกว่ากลางปี 2565 จะดีขึ้น พี่ๆ ในวงการเฟรทหลายคน บอกมองไปถึงปี 2566 กันแล้ว
ช่วงต้นปี คงต้องดูว่าการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ส่งผลกระทบขนาดไหน
ผู้ส่งออกไปสหรัฐฯ ต้องระวังช่วง เดือนกรกฎาคม ปี 2565 ที่อาจมีการ Strike หยุดของพนักงานที่ท่าเรือในฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ เนื่องจากหมดอายุสัญญา อาจทำให้สถานการณ์ขนส่งแย่ไปได้อีก (เหตุการณ์นี้เคยเกิดเมื่อปี 2558 มาแล้ว Strike หยุดงานกันไปถึง 3 เดือน ไม่มีสินค้าส่งไปฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ)
เรือที่สายเรือสั่งต่อใหม่ ล็อตใหญ่ๆ ก็จะส่งมอบช่วงปลายปี 2565 แต่สายเรือเบอร์หนึ่งของโลกในปัจจุบันอย่าง Maersk เอง ก็ประกาศที่จะไม่แข่งขันเรื่อง กำลังการขนส่งแล้ว ไปเน้นพัฒนาคุณภาพการให้บริการให้หลากหลาย และครอบคลุมทั้งทางอากาศและทางบกมากขึ้นแทน
ทำให้การแข่งขันด้านราคาในกลุ่มสายเรือ น่าจะไม่แรงมาก (ช่วงขาลง)
และช่วงนี้บริษัทนำเข้าส่งออก ที่สามารถทำสัญญาระยะยาวกับสายเรือได้ ก็มีโดนปรับราคาในสัญญาขึ้นให้สะท้อนราคา spot ในตลาด
ดังนั้น ราคาขนส่งทางทะเลในปีหน้าก็คงยังอยู่ในระดับสูงอยู่ไปอีกปีหนึ่งเป็นอย่างน้อยๆ (ถ้าไม่เกิด Blue whip effect สินค้าล้นตลาด ในข้อ 1 นะ)
1
4) ไทยเป็นจุดศูนย์กลางการขนส่งของอาเซียน?
เพื่อนๆ น่าจะเคยได้ยินว่า ประเทศไทยอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของอาเซียน ทั้งเรื่องโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เหมาะแก่การกระจายสินค้า
แต่ตอนนี้รถไฟจากจีน มาหยุดที่ลาว (ด้วยเงินของจีน) หากเรามองด้วยใจเป็นกลาง จุดศูนย์กลางของอาเซียน อาจไม่ใช่ไทย แต่อาจเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเราแทน (ผ่านเงินทุนต่างชาติ)
ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการ ก็คงต้องมองเป็นโอกาส หาวิธีในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ให้ได้ มองให้มากกว่าไทย ไปที่อาเซียน เช่น ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
5) ดิจิทัล คือ New Normal
พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง จากที่มีโควิด ปัจจุบันการซื้อของออนไลน์หรือสั่งอาหาร เป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคไปแล้ว
จากเดิมที่คนเดินเข้าหาของ ตอนนี้ของต้องวิ่งไปหาคนแทน และแน่นอนว่า เหล่าพ่อค้าคนกลางก็จะประสบปัญหา เพราะโรงงาน ก็สามารถทำการตลาดตรงถึงผู้บริโภคได้แล้ว
นอกจากนี้ คิดภาพต่อไปว่าน้องรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาทำงานในบริษัท ก็คงมีความคุ้นเคยกับอะไรที่มันง่ายๆ เร็วๆ ในยุคดิจิทัลแบบนี้ การที่บริษัทจะหาคนที่มานั่งทำงานตามสั่งแบบโหมดหุ่นยนต์ ก็คงยากขึ้นเรื่อยๆ
1
ดังนั้นหากเราจะยึดติดการทำงานในยุคออฟไลน์แบบเดิม ก็คงจะมีปัญหา
ทั้งความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า (ที่มุ่งสู่โลกออนไลน์) และการบริหารงานในทีม (ที่หลายๆ คนคงเริ่มเบื่อขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยาก และแมนนวล แบบดั้งเดิม)
จะเห็นได้ว่าปัญหาและความท้าทายที่รออยู่ มันใหญ่และซับซ้อนเกินกว่าที่จะโยนความผิดให้ใครคนใดคนหนึ่ง
1
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เรามองเห็นโอกาสจากปัญหานั้นรึเปล่า เพราะไม่ใช่เราเจอปัญหานี้คนเดียว แต่คนอื่นก็เจอเหมือนกัน
ผู้ส่งออก อาจมองเป็นโอกาสในการกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าชั้นดี ที่เค้ามีปัญหากับ Supplier รายอื่นๆ แต่เดิมขาย FOB ก็อาจทำเป็น CIF เพื่อช่วยลูกค้าหาเฟรท ส่งของให้ตรงตามเวลา หรืออาจเป็นโอกาสในการหาลูกค้ารายใหม่ๆ มาเพิ่มเติมอีกด้วย
และโดยค่าขนส่งแพงแบบนี้ อาจต้องทำให้มั่นใจว่า ส่งของไปได้เต็มตู้จริงๆ ผู้ส่งออก อาจดูเรื่อง packaging บรรจุภัณฑ์ ให้ประหยัดพื้นที่ขนส่ง ใส่ของไปได้เต็มๆ หรือตรงกันข้าม บางสายเรือเค้ามี limit เรื่องน้ำหนักตู้ ก็ต้องสื่อสารกับทางเฟรท ฟอร์เวิร์ดเดอร์ดีๆ
ผู้นำเข้า ที่พึ่งพาการนำเข้าจากจีนเป็นหลัก อาจต้องลองมองหา Supplier จากประเทศอื่นๆ เป็นทางเลือกเสริม การใช้เครื่องมือดิจิทัล มาช่วยติดตามสถานะเอกสารและงานขนส่ง เพื่อให้ปรับตัวได้ทันท่วงที รู้ข้อมูลทั้ง Supply Chain
ผู้ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ จริงๆ แอดมินมองเป็นโอกาสดี ที่จะโฟกัสให้บริการในสิ่งที่แต่ละบริษัทถนัดจริงๆ คือ เลือกที่จะไม่ทำงานบางอย่างที่ไม่ถนัด (เพราะไปแข่งกันมากๆ อาจขาดทุน ไม่เป็นผลดีต่อผู้ใช้บริการด้วย คุณภาพงานจะแย่ลง) และการหาพันธมิตร ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่เสมอ เพราะไม่มีบริษัทไหนที่เก่งไปทุกหน้างาน
ส่งท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณ เพื่อนๆ ผู้อ่านทุกท่าน ที่ติดตามอ่านกันมา
ปีที่ผ่านมา หากมีข้อผิดพลาดประการใด แอดมินต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
และก็ขอคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้เพื่อนๆ ผู้อ่าน สุขภาพร่างกายแข็งแรง และประสบความสำเร็จ ดั่งที่ตั้งใจเอาไว้ในปี 2565 นี้…
หากไม่อยากพลาดเรื่องราว และข้อมูลดีๆ กดไลค์เพจ และกด Favorites กันไว้เลย
และหากบทความมีประโยชน์ ก็กดไลค์และแชร์ให้เพื่อนๆ กัน ได้เลยจ้า
=========================
นำเข้า "ความรู้" ส่งออก "ความคิด" ติดตาม
"นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า"
=========================
สำหรับช่วงนี้ ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า ที่ประสบปัญหาจองเรือไม่ได้ ราคาเฟรทแพง แอดมิน ขอแนะนำ ZUPPORTS แพลตฟอร์มดิจิตอล ที่ได้รวบรวมเฟรทฟอร์เวิร์ดเดอร์หรือผู้ให้บริการขนส่ง ในระบบมากกว่า 100 ราย
ช่วยผู้นำเข้าส่งออก สามารถ Bid และเปรียบเทียบ ราคาขนส่งทางทะเล ทางอากาศ ทางบก ได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์
นอกจากนี้เรายังช่วย เชื่อมโยงข้อมูล ทั้งระบบติดตามเอกสารขนส่ง, งานศุลกากร, ประกันภัย, บริการทางการเงิน ทำให้บริษัท บริหารงานนำเข้าส่งออก ได้ครบ จบในที่เดียว
เพื่อนๆที่สนใจ ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ ทดลองใช้ระบบฟรี ได้ที่ www.zupports.co/register
ที่มา: Loadstar, Container News, Maersk, Flexport
❤️ ติดตาม “นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า” ได้ที่
ไลน์ Openchat: http://bit.ly/2WxgB1d
#นำเข้าส่งออกสุดขอบฟ้า #นำเข้า #ส่งออก
#ZUPPORTS
โฆษณา