Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
3 ม.ค. 2022 เวลา 04:22 • ประวัติศาสตร์
“ทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ ค.ศ. 1315–1317 (Great Famine of 1315–1317)” เมื่อยุโรปกลายเป็น “นรก”
ในเดือนเมษายน ค.ศ.1315 (พ.ศ.1858) ได้เกิดฝนตกหนักทั่วยุโรปติดต่อกันเป็นเวลากว่า 150 วัน ส่งผลกระทบครอบคลุมไปตั้งแต่ทางเหนือของเทือกเขาแอลป์ จนถึงตะวันตกของเทือกเขาอูราล รวมทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสแกนดิเนเวีย
นักประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุของฝนที่ตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานานนี้ แต่ที่แน่ๆ ผลลัพธ์ของมันเลวร้ายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด
ภายหลังจากผ่านฝนตกมาเป็นเวลานานหลายเดือน ผลลัพธ์แรกที่เกิดขึ้น ก็คือพืชผลทางการเกษตรทั่วยุโรปนั้นเสียหายหนัก
จากการที่ฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน ได้ทำให้เกิดน้ำท่วม สร้างความเสียหายให้ข้าวและพืชผลต่างๆ ในไร่นาทั่วยุโรป
และเมื่อพืชผลเสียหาย สัตว์เลี้ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัว ม้า หมู หรือแกะ ก็ล้วนแต่ได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากไม่มีอาหาร และก็เจ็บป่วยจากภาวะอดอยาก
โรคระบาดได้ถาโถมเข้าสู่ยุโรป และระบาดในสัตว์ต่างๆ ทำให้สัตว์จำนวนมากทางตอนเหนือของยุโรปล้มตายจนแทบจะหมดสิ้น
ภาวะอดอยาก ขาดแคลนอาหารได้แพร่กระจายไปทั่ว โดยเฉพาะในหมู่คนยากจน และมีแต่จะหนักขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงทุพภิกขภัยนี้เอง หลายๆ คนอดอยากและสิ้นหวังถึงขนาดต้องกินเนื้อคนด้วยกันเอง โดยมีบันทึกถึงการกินเนื้อคนในช่วงนี้จากหลายๆ ประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเอสโตเนีย ไอร์แลนด์ หรือโปแลนด์
แม้แต่คนในครอบครัวด้วยกันก็ไม่เว้น เมื่อขาดอาหารและหิวจนทนไม่ไหว ต่างก็หันมาฆ่ากันเพื่อกินกันเอง ไม่ว่าจะเป็นลูกกินเนื้อพ่อแม่ พ่อแม่กินเนื้อลูก รวมทั้งการกินซากศพก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป
หลุมศพแต่ละแห่งเต็มไปด้วยคนอดอยากที่มาขุดหลุม หาซากศพเพื่อนำมากินเป็นอาหาร
นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าภาวะเลวร้ายของผู้คนนี้ เกิดจากอาการที่เรียกว่า “ภาวะเออร์โกติสซึม (Ergotism)”
ภาวะเออร์โกติสซึม เป็นอาการที่ทำให้ผู้คนเห็นภาพหลอนและจิตหลอน และเกิดจากการที่ผู้คนรับประทานสิ่งของบางอย่างซึ่งไม่ถูกสุขลักษณะ
และไม่ใช่เพียงแต่เออร์โกติสซึม แต่ในเวลานั้น แม้แต่ไข้หวัดธรรมดาก็สามารถทำให้คนตายได้ เนื่องจากผู้คนขาดสารอาหาร ร่างกายอ่อนแอ
1
ปัญหาที่ตามมาคืออาชญากรรมที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
ในศตวรรษที่ 14 พื้นที่หลายแห่งในยุโรปก็เป็นแดนเถื่อน ไม่มีกฎหมาย หากแต่ภาวะทุพภิกขภัยนี้ยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้าย มีการขโมยสัตว์เลี้ยงจากไร่นาหลายแห่งเพื่อนำไปขาย รวมทั้งขโมยพืชผลจากไร่นาต่างๆ
ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดก็คือคนยากจน ในขณะที่คนรวยนั้น ถึงแม้จะมีรายได้ลดลง แต่ก็ยังไม่ถึงกับอดอยาก ยังคงมีเงินซื้ออาหาร
ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ ค.ศ. 1315–1317 (Great Famine of 1315–1317) มีจำนวนทั้งสิ้นกี่ราย แต่ก็มีการประเมินว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านคน
ถึงแม้ว่าฝนที่ตกหนักในปีค.ศ.1315 (พ.ศ.1858) จะกินเวลาเพียงแค่ประมาณห้าเดือนเท่านั้น แต่ผลกระทบที่ตามมาก็ส่งผลต่อเนื่องยาวไปเป็นเวลาหลายปี โดยจำนวนพืชผลทั่วยุโรปนั้นก็ตกยาวจนถึงปีค.ศ.1322 (พ.ศ.1865) เลยทีเดียว
นี่ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ยุโรป ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งสำหรับชาวยุโรป
References:
https://historyofyesterday.com/the-horrifying-reality-of-the-great-famine-83d52abf263f
https://www.science.smith.edu/climatelit/the-great-famine/
https://www.historic-uk.com/HistoryUK/HistoryofEngland/The-Great-Flood-Great-Famine-of-1314/
https://about-history.com/the-great-famine-1315-1317/
16 บันทึก
21
1
8
16
21
1
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย