กำเนิด “ราชวงศ์วินด์เซอร์ (House of Windsor)”
1
ในฤดูร้อนค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังถึงจุดเดือด เช่นเดียวกับราชวงศ์อังกฤษที่นั่งไม่ติด เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ถึงแม้ว่า “สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร (George V)” จะเป็นพระประมุขแห่งสหราชอาณาจักร แต่บรรพบุรุษของพระองค์แทบทุกพระองค์ ล้วนแต่เป็นชาวเยอรมันหรือมีเชื้อสายเยอรมันด้วยกันแทบทั้งสิ้น
2
อันที่จริง แต่ก่อน เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพียงแต่เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 สายตาคนอังกฤษที่มองเยอรมนีก็เปลี่ยนไป ได้เกิดกระแสความเกลียดชังและต่อต้านเยอรมนีไปทั่ว
สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร (George V)
ร้านค้าของชาวเยอรมันในอังกฤษหลายแห่งถูกทำลาย ชาวอังกฤษหัวรุนแรงบางรายถึงกับฆ่าสุนัขสายพันธุ์เยอรมัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในเวลานี้ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเยอรมนีในประเทศอังกฤษ ล้วนแต่เป็นสิ่งต้องห้ามและไม่ปลอดภัย
เรื่องนี้สร้างความหนักพระราชหฤทัยในพระเจ้าจอร์จที่ 5 และพระราชวงศ์อังกฤษ เนื่องจากไม่เพียงแต่พระองค์จะเป็นเชื้อสายเยอรมัน หากแต่พระองค์ยังมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับเยอรมนี พระพี่น้องบางองค์ของพระองค์ก็ได้เสกสมรสเข้าสู่ราชวงศ์เยอรมัน แม้แต่องค์ไกเซอร์ นั่นก็คือ “จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี (Wilhelm II, German Emperor)” ก็เป็นพระญาติที่ใกล้ชิดกับพระองค์
จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี (Wilhelm II, German Emperor)
ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ผ่านมาได้สามปี ประชาชนทั่วยุโรปต่างก็ลุกฮือ เกิดกระแสความต้องการที่จะทำการปฏิวัติไปทั่วยุโรป สร้างความหวาดวิตกให้ราชวงศ์ต่างๆ และยิ่งวิตกหนักขึ้นเมื่อพระราชวงศ์รัสเซียถูกล้มล้างและควบคุมองค์ในปีค.ศ.1917 (พ.ศ.2460)
การที่ “จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (Nicholas II of Russia)” และครอบครัว ถูกควบคุมเป็นองค์ประกัน สร้างความหนักพระราชหฤทัยแก่พระเจ้าจอร์จที่ 5 เนื่องจากทั้งจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 และพระมเหสีก็ล้วนแต่เป็นพระญาติของพระองค์
หากแต่พระเจ้าจอร์จที่ 5 ก็ต้องทรงคิดหนัก เนื่องจากพระองค์ต้องทรงเลือกระหว่างพระราชทานความช่วยเหลือแก่พระญาติ หรือจะเลือกความอยู่รอดของพระองค์และราชวงศ์อังกฤษ
ผลลัพธ์ที่ได้ นั่นคือพระองค์ทรงเลือกความอยู่รอดของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งทางการเมือง พระองค์ทรงเลือกถูกแล้ว หากแต่ในพระราชหฤทัยนั้น พระองค์ทรงหนักพระราชหฤทัย และผลลัพธ์ครั้งนี้ ก็คือข่าวการสังหารหมู่ราชวงศ์โรมานอฟในปีค.ศ.1918 (พ.ศ.2461)
1
การสังหารหมู่ราชวงศ์โรมานอฟ
นอกจากความกดดันจากพระญาติแล้ว ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้พระองค์ทรงตระหนักได้ว่าต้องทรงทำอะไรซักอย่างก็มาถึง เมื่อ “เอช จี เวลล์ส (H.G. Wells)” นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษ ได้ต่อว่าพระองค์และราชสำนักว่าเป็น “พวกต่างด้าวและไม่น่าเลื่อมใส”
พระองค์ได้โต้ตอบคำดูถูกนี้ โดยทรงตรัสว่า
“ฉันอาจจะไม่น่าเลื่อมใส แต่บ้าไปแล้วถ้าจะว่าว่าฉันเป็นต่างด้าว”
1
เอช จี เวลล์ส (H.G. Wells)
ภายหลังจากเหตุการณ์นี้ พระเจ้าจอร์จที่ 5 ก็ทรงมีรับสั่งให้เปลี่ยนแปลงเรื่องต่างๆ ในราชวงศ์
พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ที่ปรึกษาของพระองค์เข้าเฝ้า และตัดสินพระราชหฤทัยว่าสิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยน ก็คือชื่อของราชวงศ์ ต้องหาชื่อที่ฟังดูเป็นอังกฤษ
ชื่อเดิมของราชวงศ์คือ “ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา (House of Saxe-Coburg and Gotha)” ซึ่งบ่งบอกความเป็นเยอรมนีอย่างเต็มที่ พระเจ้าจอร์จที่ 5 จึงทรงมีรับสั่งให้หาชื่อที่สะท้อนความเป็นอังกฤษ เพื่อนำมาเป็นชื่อราชวงศ์
ชื่อแรกๆ ที่ออกมา ก็ได้แก่ “วิปเปอร์ (Wipper)” หรือไม่ก็ “เว็ตติน (Wettin)” ซึ่งก็ฟังดูไม่ค่อยเพราะเท่าไรนัก จึงมีการหาชื่ออื่นที่ฟังดูเป็นอังกฤษแท้ๆ จนมีคนคิดถึง “พระราชวังวินด์เซอร์ (Windsor Castle)”
พระราชวังวินด์เซอร์ (Windsor Castle)
ชื่อวินด์เซอร์นั้นเป็นชื่อที่ลงตัวที่สุด ยังไม่มีชาวอังกฤษคนไหนที่มีชื่อนี้ อีกทั้งยังฟังดูเป็นอังกฤษแท้ๆ และยิ่งใหญ่
พระราชวังวินด์เซอร์ ได้ถูกก่อตั้งโดย “พระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ (William the Conqueror)” และเป็นหนึ่งในปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของพระราชวงศ์อังกฤษ
พระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ (William the Conqueror)
ดังนั้น ในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) ราชวงศ์อังกฤษจึงได้ชื่อใหม่ เป็นที่รู้จักในนามของ “ราชวงศ์วินด์เซอร์ (House of Windsor)”
จากนั้น พระเจ้าจอร์จที่ 5 จึงทรงมีรับสั่งให้พระราชวงศ์อังกฤษองค์อื่นๆ เปลี่ยนพระนามให้ดูเป็นอังกฤษมากขึ้น รวมทั้งสละพระนามเยอรมัน
นี่ก็ถือเป็นจุดกำเนิดของราชวงศ์วินด์เซอร์ ซึ่งก็เป็นนามราชวงศ์ปัจจุบันของอังกฤษ
โฆษณา