2 ม.ค. 2022 เวลา 12:24 • กีฬา
โฟกัสให้ถูกจุด
ก้าวสู่ปีใหม่แล้ว แต่การต่อสัญญากับ อุสมาน เดมเบเล่ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรใหม่
โอกาสที่เราจะได้เห็นดาวเตะฝรั่งเศสเก็บของย้ายจาก คัมป์นู มีความเป็นไปได้สูงกว่าอยู่ต่อ
น่าเศร้าตรงปัญหาที่เกิดขึ้นในการเจราจาคือเรื่องเงินล้วนๆ ไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาเป็นตัวแปรเลยแม้แต่นิดเดียว
เข้าใจว่ามันคือ ‘อาชีพ’ ซึ่งก็หมายถึงการทำมาหาเลี้ยงตัว แต่อาชีพนี้คือนักกีฬา คือนักฟุตบอล ดังนั้นตัวผมจึงรู้สึกผิดหวังพอสมควร ว่าประเด็นที่ถกกันน่าจะมีเรื่องของโอกาสในการลงเล่น,บทบาทภายในทีม หรือแท็คติกการเล่นบ้าง
ไม่ใช่ว่าผมเห็นด้วยกับบทสัมภาษณ์ของ โรเมอู ลูกากู แต่อย่างน้อย หัวหอกเบลเยี่ยมก็คิดถึงเรื่องฟุตบอล ไม่ใช่แค่เงินอย่างเดียว
เข้าใจแหละครับว่ายุคหลังมานี้ 90 % ของการจากลาของนักฟุตบอลมาจากเรื่องเงิน
แต่สำหรับนักเตะอย่าง อุสมาน เดมเบเล่ ถ้าจะมีปัญหา ก็ควรมีเรื่องอื่นบ้าง เพราะที่ผ่านมาปีกฝรั่งเศส แทบไม่เคยเล่นฟุตบอลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย
เดมเบเล่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะพรสวรรค์สูงคนนึงของวงการลูกหนังโลก พรสวรรค์ของเขาเทียบเคียงได้กับ คิลิยัน เอ็มบั๊บเป้
เหตุนี้ บาร์เซโลน่า จึงจ่ายเงินก้อนมหาศาลคว้าตัวมาจาก ดอร์ทมุนด์ แต่ผ่านมาเกือบ 5 ปี มันชัดเจนแล้วว่ายักษ์ใหญ่กาตาลันจ่ายเงินให้ เดมเบเล่ เกินกว่าสิ่งที่เขาตอบแทนกลับมา
ไม่เถียงว่า เดมเบเล่ ก็โชคร้าย เขาต้องพบกับอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดเวลาเกือบ 5 ปี แต่การที่ไม่เคยลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังไม่เคยอยู่ในฟอร์มที่เคยทำได้สมัยเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ เลย เขาก็ควรตระหนักถึงจุดนี้บ้าง
จุดนี้ของผม หมายถึง “การเล่นฟุตบอลให้ดี”
มุมมองส่วนตัว ผมคิดว่านักฟุตบอล อันดับแรกควรเล่นให้ดีก่อน สร้างผลงานให้เป็นชิ้นเป็นอันเพื่อความภาคภูมิใจ เพื่อความสุขของแฟนบอล
อาชีพนี้แตกต่างจากอาชีพอื่นๆอยู่พอสมควร เพราะเกือบทั้งหมดที่ยึดอาชีพนี้ล้วนเริ่มต้นจากความรัก ความหลงใหล จากนั้นจึงค่อยเลื่อนขั้นมาเป็นอาชีพ
นักเตะน้อยคนนัก แทบหาไม่เจอเลย ที่เคยเห็นมีคนเดียวคือ กาเบรียล บาติสตูต้า ที่ยอมรับว่าเล่นฟุตบอลเพื่อเลี้ยงชีพ ความจริงแล้วเขาไม่ได้ชอบฟุตบอลนัก
แต่นอกเหนือจากนั้น ผมว่าผมไม่เคยเจอนักเตะคนไหนที่เริ่มเล่นฟุตบอล ทั้งๆที่ไม่ชอบและมองว่ามันคืออาชีพมาตั้งแต่ต้นนะ
อย่างเราๆท่านๆ คงมีอยู่ไม่น้อยที่เป็นพนักงานแบงค์ แต่จริงๆฝันอยากเป็นวิศวกร , บางคนเป็นหมอแต่จริงๆอยากศิลปินวาดภาพ ,บางคนรับกิจการต่อจากที่บ้าน แต่ในใจอยากเป็นนักร้อง
แต่กับนักฟุตบอล อันดับแรกเลยคือต้องใจรัก
ผมมีรุ่นพี่เป็นเจ้าของสนามฟุตบอลกรีนฟิลด์ (ซอยมัยลาภ) และมักแวะไปเที่ยวเล่นที่นั่นบ่อยๆ เห็นคนอาชีพหลากหลายหาเวลาว่างมารวมตัวกันเพื่อเตะฟุตบอล แถมไม่ใช่เตะฟรีๆ ต้องเสียเงินค่าเช่าสนาม แต่พวกเขาก็ยอม บางทีมเตะบอลด้วยกันมาเป็น 20 ปี ทุกวันนี้ก็ยังเตะกันอยู่ทั้งๆมีแต่เสียเงิน ไม่เคยได้ค่าแรงจากเหงื่อที่สูญเสียไป ยกเว้นแต่สุขภาพแข็งแรง (แต่บางคนเตะเสร็จแล้วก็ดื่มต่อ55)
เหตุนี้ผมจึงสงสัยว่าแพสชั่นด้านฟุตบอลของ เดมเบเล่ มันหายไปไหนหมด ? ทำไมให้เงินมาบดบังทุกอย่าง
ผมเห็นด้วยกับ ชาบี และชื่นชมในความคิดของเขาที่มองการเจรจาต่อรองสัญญาเป็นเรื่องของธุรกิจ มันเป็นธรรมดาที่เอเยนต์กับผู้บริหารสโมสรจะต้องชิงเหลี่ยมกันเพื่อให้ฝ่ายตนได้ผลประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังพยายามชี้แนะให้ เดมเบเล่ เห็นถึงจุดหมายของการเล่นฟุตบอล รวมถึง “โอกาสทางอาชีพ”
แต่ก็นั่นแหละ เรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับ เดมเบเล่ และ เอเยนต์ว่าคิดได้หรือไม่ได้
ตามข่าวว่า มุสซ่า ซิสโซโก้ เอเยนต์ส่วนตัวของ เดมเบเล่ เรียกร้องจาก บาร์เซโลน่า เป็นค่าเซ็นต่อสัญญา 45 ล้านยูโร (15 ล้านยูโรสำหรับเขา และ 30 ล้านยูโรสำหรับ เดมเบเล่) พร้อมค่าเหนื่อยปีละ 30 ล้านยูโร
ตัวเลขนี้หากเป็น บาร์เซโลน่า ทีมเดิมก็คงคุยกันได้ แต่เวลานี้มันไม่ใช่ เอเยนต์เองถึงจะอยากได้เงินก็ควรเข้าใจสถานการณ์
และมันคงเป็นอีกเรื่อง หากนักเตะลงเล่นเต็มที่ และโชว์ฟอร์มสมราคา แต่นี่ เดี๋ยวเล่นเดี๋ยวเจ็บ ผลงานจับต้องอะไรไม่ได้เลย ทำไมถึงยังคิดเรื่องเงินก่อนเรื่องพิสูจน์ตัวเอง
เงิน ใครก็อยากได้ แต่คนเราก็ต้องรู้ตัวเองว่ามีราคาค่างวดเหมาะสมกับที่เรียกร้องเขาไปหรือเปล่า
โฟกัสให้ถูกจุดนะ เดม เดี๋ยวมันจะพังไม่เป็นท่า !!
#เจมส์ลาลีกา
โฆษณา