3 ม.ค. 2022 เวลา 11:07 • ประวัติศาสตร์
เสียงที่ดังที่สุดในประวัติศาสตร์
27 สิงหาคม ค.ศ.1883 (พ.ศ.2426) ผู้คนที่อาศัยอยู่รอบๆ แปซิฟิก ต่างพิศวงงงงัน
สิ่งที่เห็นคือท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกเลย หากแต่พวกเขาได้ยินเสียงดังสนั่นเหมือนฟ้าผ่า
ที่ออสเตรเลีย ผู้คนต่างคิดว่ากองทัพเรือน่าจะกำลังฝึกการรบอยู่ เนื่องจากพวกเขาได้ยินเสียงปริศนาที่ดังราวกับปืนใหญ่ และได้ยินไปยังหลายๆ เมืองทั่วออสเตรเลีย
ชาวประมงต่างมองท้องฟ้า มองว่าพายุจะเข้าหรือไม่ หากแต่ฟ้าก็ปลอดโปร่ง ไม่มีทีท่าว่าจะมีพายุ
สาเหตุที่ผู้คนในหลายพื้นที่ต่างเข้าใจผิดเช่นนี้ ก็เพราะพวกเขาได้ยินเสียงที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นเสียงที่ดังที่สุดในประวัติศาสตร์ และดังก้องมาถึงดินแดนของตน ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปมากก็ตาม
สำหรับต้นเหตุของเสียงที่สะเทือนข้ามแผ่นดินนี้ เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟกรากะตัว (Krakatoa) ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.1883 (พ.ศ.2426) และเป็นหนึ่งในการระเบิดของภูเขาไฟที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
ภูเขาไฟกรากะตัวซึ่งมีความสูง 2,600 ฟุตเหนือคลื่นทะเลในหมู่เกาะอินโดนีเซีย ได้ระเบิดเป็นจุล
การระเบิดที่รุนแรงนี้ได้ทำให้เกิดเสียงดังสนันหวั่นไหว และเป็นเสียงที่ดังที่สุดที่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
2
ระดับเสียงนั้น สูงถึง “310 เดซิเบล”
หลายคนอาจจะสงสัยว่า 310 เดซิเบลนี้ดังแค่ไหน จากการหาข้อมูล ผมพอจะสรุปได้ว่า หากอยู่ในห้องสมุดที่เงียบๆ ไม่มีคนคุยกัน เสียงจะดังประมาณ 20 เดซิเบล ส่วนในห้องเรียนที่มีเพื่อนอยู่เต็มห้องและแต่ละคนพูดคุยกัน จะดังประมาณ 70 เดซิเบล เสียงในไซต์งานก่อสร้างจะดังประมาณ 100 เดซิเบล ส่วนเสียงเพลงในผับ สถานบันเทิง ดังประมาณ 110 เดซิเบล
1
สำหรับเสียงที่ดังที่สุดที่มนุษย์เป็นผู้สร้าง ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ ก็คือคราวทิ้งระเบิดลงยังฮิโรชิม่าในปีค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) โดยมีระดับเสียงอยู่ที่ 250 เดซิเบล
1
ระดับเสียง 310 เดซิเบลนี้ดังพอที่จะทำให้คนเสียชีวิตได้ และระดับเสียงระหว่าง 150-160 เดซิเบล ก็ดังพอที่จะทำให้แก้วหูเสียหายได้
1
นั่นหมายถึงการระเบิดของภูเขาไฟกรากะตัวนั้นดังพอที่จะทำให้แก้วหูพิการได้ และอาจจะเป็นเสียงที่ดังที่สุดในรอบหลายพันหลายหมื่นปีก็เป็นได้
นอกจากนั้น เสียงการระเบิดของภูเขาไฟยังดังมากซะจนผู้คนที่ห่างออกไปไกลยังได้ยินอย่างชัดเจน และคาดว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในระยะ 160 กิโลเมตรจากภูเขาไฟกรากะตัว ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะหูพิการ
ห่างออกไปอีกนับร้อยกิโลเมตร เสียงการระเบิดของภูเขาไฟกรากะตัวก็ได้ยินชัดเจน โดยระดับเสียงนั้นดังพอๆ กับเสียงปืน
ส่วนที่ออสเตรเลียซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 4,500 กิโลเมตร ระดับเสียงที่ได้ยินนั้น ก็เท่ากับเสียงปืนใหญ่เลยทีเดียว
ในเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มีการประดิษฐ์เครื่องวัดระดับเสียงแล้ว จึงสามารถวัดคลื่นเสียงหรือคลื่นกระแทกที่แผ่ออกไปได้
แรงระเบิดนั้นก็รุนแรง ทำให้ผู้คนบนเกาะรอบๆ ในระยะ 16 กิโลเมตรตายในทันที โดยมีรายงานว่ามีชนพื้นเมืองกว่า 3,000 คนเสียชีวิต ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิต หลักๆ ก็มาจากคลื่นกระแทกที่เกิดจากเสียงระเบิด
นี่ก็เป็นประวัติศาสตร์บทหนึ่งของเสียงที่ดังที่สุดในโลก
1
โฆษณา