3 ม.ค. 2022 เวลา 08:57 • ปรัชญา
#กรรมมีจริงแต่เจ้ากรรมนายเวรอุปโหลกตามลัทธิ "ผี"
กรรมมีจริง ตาม"ความจริง/truth= สัจธรรม" "ปฏิจจสมุทบาท "ที่พุทธศาสนาค้นพบ
ยืนยันด้วยหลักของเหตุและผล(casaulity) คือ
เมิ่อมีผลลัพธ์(effect)ก็ต้องมีเหตุปัจจัย(causes)ที่อาจมากกว่า 1
แต่เมื่อจะแก้ปัญหาตอบโจทย์ มักนิยมแก้ด้วยเหตุปัจจัยหลัก20 ตอบโจทย์ได้80
ที่ใช้สำหรับพุทธกลุ่ม "โลกิยสุข"ที่เน้นกุศลกรรมด้านโภคทรัพย์และอริยทรัพย์"
ด้วย "สติปัญญา/ intelligent ที่รู้เท่าทันโลก
ที่มีสภาวะการเปลี่ยนแปลงตลอดเสมือนจิตที่เกิดๆดับๆตลอด
พุทธกลุ่มนี้ที่ทำมาหากินเยี่ยงฆราวาส
จึงเพียง "ละลดอัตตา(กิเลศตัณหา)"
แต่ยังไม่เลิกขาดเหมือนกลุ่มมีเป้าหมาย "ไม่เกิดไม่ดับ"
คือมุ่ง "มั่งคั่ง"ด้วยวิถีกุศลกรรม/ ที่ท้าทาย
คือไม่สันโดษในกุศลกรรม แล้วคืนความสุขแก่คนด้อยโอกาศได้มากยิ่งดี
ทำไมไม่แก้เหตุปัจจัยให้ครบ100 เพราะจะไปรู้ครบร้อยอย่างพุทธองค์ได้อย่างไร
ทั้งมีเหตุปัจจัยตอบโจทย์หลายคำตอบ เอาแค่ตัวอย่างง่ายๆ
เช่น 9=8+1 หรือ7+2 หรือ6+3 หรือ 5+4
นี่แค่การตอบโจทย์ของ9 ยังมีเหตุปัจจัยตั้ง8 ถ้าสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนแล้วจะรู้ได้อย่างไร
การจัดระบบกรรมของจักรวาลคงมีคอมพิวเตอร์จักรวาล
ที่เหนือกว่าควอนตัมคอมพิวเตอร์
ที่มนุษย์สร้างประมวลผลไวกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันเป็นแสนเท่าที่มนุษย์เพิ่งเริ่มคิดในจีนและอเมริกา
แล้วจะมีเจ้ากรรมนายเวรได้อย่างไร
เพราะ "คน"ที่เกิดใหม่ตามวิบากกรรม จิตวิญญานตามมาก็จริง แต่ตัวฮาร์ดแวย์คือสมอง ถูก resetล้างความจำทุกคน
แต่ธรรมชาติสร้างการวิวัฒนาการของสมอง
เซล์ลในสมองมนุษย์ มีจำนวนเกือบแสนล้านเซล์ล
ที่แต่ละเซล์ลเสมือนหนึ่งคอมพิวเตอร์จิ๋ว
ที่ส่งสัญญานต่อกันและกัน
ที่เทียบเคียงกับจำนวนดาวในจักรวาลที่มนุษย์นับได้เกิรน8.6ล้านล้านดวง ทีเสมือน"คอมพิวเตอร์จักรวาล "
สมองคนจึงเป็นดั่งเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ที่ยังไม่ได้ใส่ จิตวิญญาน(mind)ที่
เสมือนเป็นsolf wareตามมาเกิดด้วย
จิตของเด็กเกิดใหม่จึงเป็น "จิตประภ้สสร"
คือลืมอดีตทุกชาติหมด
มีแต่เจตสิกที่เกาะติดมากับจิตวิญญานสั่งสมวิบากกรรมมาทุกชาติ มาด้วย
คอมพิวเตอร์จักรวาลคืออะไร
มีแต่การคาดเดาเพราะ "อจินไตย" คือพุทธองค์รู้อยู่อค่คนเดียวในฐานะพุทธเจ้า
(นอกนั้นพวกพระอ้างอรหันตร์แล้วยังอวดเก่งอย่างเณรคำที่ยังอยู่ในคุกอยู่)
บางพวกอ้างพระเจ้า เอ้าแล้วใครสร้างพระเจ้าตอบได้ไหม
คือจิตนั้นเป็นวิวัฒนาการที่ไม่มีใครเข้าใจอย่าลึกซึ้งอย่างพุทธองค์
กรรมจึงเป็นความหมายคือ "การกระทำที่เป็นเหตุและก่อให้เกิดผลตามเจตนา"
ทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม ทั้งความคิด การกระทำ
ที่เราทั่วไปรับรู้แค่ว่า สวรรค์มีหูมีตา ไม่มีอะไรเล็ดรอดไปได้แม้แค่เจตนาคิด ก็เชื่อมโยงไปคอมพิวเตอร์จักวาลแล้ว
ก็มนุษย์ยังติดกล้องเล๊กๆแอบถ่ายได้
ทำไมจักรวาลที่มีกาแล๊กซี่มากมายแกาแล๊กซี่ทางช้างเผือกที่มีระบบสุริยะซึ่งมีโลกและกลุ่มดาวเคราะห์เป็นบริวาลทำไม่สิ่งมีชรตที่มีการวิวัฒนาการสูง
จะทำไม่ได้
เจ้ากรรมนายเวรจึงไม่มีตัวตน
แต่คอมพิวเตอร์จัดรวาลจัดฉาก เปลี่ยนฉากตามกุศลกรรมของ "มนุษย์แต่ละคน"
เพราะมนุษย์ทุกคน
"เท่าเทียมกันในการกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง"(ตามกระบวนทัศน์/paradigm=กลุ่มความคิดความเชื่อ)
"คน"ที่เกิดมาใหม่ตามวิบากกรรม(มีสัดส่วน1ใน3ของชีวิตตอนไหนแล้วแต่จังหวะกรรมของจักรวาล) ที่หนีกรรมไม่พ้น
แต่ "มนุษย"เมื่อเกิดมาแล้วจะสามารถสร้างกรรมใหม่เปลี่ยนชีวิตใหม่ได้ (สัดส่วน2ใน3)
ถ้ามนุษยคนนั้นไม่เป็นทาสของกรรมและอยู่เหนือกรรม
ด้วยการสร้างกุศลกรรมต่อเนื่อง ก็เปลี่นจาก "คนมามืด" ไปเป็น "ไปสว่าง"เพราะการฝึกฝนความเป็นมนุษย์
ที่เขื่อกรรมแต่ไม่เป็นทาสกรรมอย่างงมงาย ทั้งสร้างชีวิตให้เหนือกรรมเก่าเปลี่ยนชีวิตใหม่
ก็เสมือนมนุษย์คนนั้นฝึกฝนจิตวิญญานความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบมากกว่าเดิม
เจ้ากรรมนายเวรจึงเป็นแค่เรื่องของ "ความเชื่อเรื่องผี" ลางคนเชื่อรุนแรงยิ่งกว่านั้น เชื่อว่า "ลูกของตนเอง คู่ครองของตนเองเป็นเจ้ากรรมนายเวร ตามล้างแค้น
แต่พุทธเน้นว่า "ธรรมชาติหรือจักรวาล เป็นตัวจัดการ
บางคนที่มีปัญหา จึงมักโทษ "ฟ้า/สวรรค์มั๊ง ??" ง่า "ทำไมทำดีไม่ได้ดี แต่ทำชั่วเสือกได้ดี"
จักรวาลคงมี "กลไกของสมอง"(ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตคือเป็นสมองแบบหุ่นยนตร์AIไง)
(คงจะมี "จิตของคน ไม่เกิด ไม่ดับรวมอยู่ดัวยมัง / ยังไม่บ้านะคิดเรื่อยเปื่อยนะครับ)
ผมอยากอุปมาให้เห็นว่า คอมพิวเตอร์จักวาล จะประมวลและปรับแปรผัน "ความสมดุลที่ยืดหยุ่น
ขึ้นมาตามกุศลกรรม อกุศลกรรมภพปัจจุบันเป็น "เกณฑ์ ตัดสิน"
เช่น ถ้าสร้างกุศลกรรมชาตินี้ ก็เสมือนคนๆนั้น "เกิดมาแค่ขี่เกวียนมาเกิด/ตามวิบากกรรม"
แต่มาภพนี้เร่งทำดีเสมือนนั่งรถติดเทอโบ สามารถ หนีพ้นจาก "รอบของวิบากกรรม"ได้
จนไปโดนวิบากกรรมรุมยำเอาตอนได้ดีแล้ว "ไม่ส่งคืน"ทำบุญทำทานให้ "วิบากกรรมที่ตามมาหลายรอบไม่ทัน เสมือนรถติดเทอโบยางแตก วิ่งไม่ได้ "วิบากกรรมนานาก็รุมกินโต๊ะเราอย่างประสบการณซวยๆๆๆของเรา
หรือยิ่งกว่านั้น เสมือน เราติดหนี้วิบากกรรม เสมือนมีดอกเบี้ย5% แต่เราดันส่งดอกให้ 10% ทำบุญ(คนให้มีความสุข)ทำทาน(คนรับมีความสุข)ไง
รอบ "ทวงคืนหนี้ ของคอมพิวเตอร์จักรวาลก็ปล่อยผ่านไปอีกรอบไง
***จบก่อน เดี๋ยวใครหาสติเฟื่อง หรือเข้าข่าย "อจินไตย" โชคดีครับ
**โดย..ศ.ดร.ดิเรก ฤกษ์หร่าย
3 มกราคม 2565
www.blockdit/direkrekrai
โฆษณา