ทำไมการได้แชมป์ซูซูกิคัพของไทยครั้งนี้ ถึงเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ วิเคราะห์บอลจริงจังสรุปทุกอย่างให้เข้าใจง่ายที่สุดในโพสต์เดียว
อากิระ นิชิโนะ โดนไล่ออกจากตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติไทย ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 หลังจากล้มเหลวในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
เข้าสู่เดือนกันยายน ทีมชาติไทยก็ยังหาโค้ชใหม่ไม่ได้ ซึ่งซูซูกิคัพ จะเริ่มกันอีกไม่กี่เดือนอยู่แล้ว ดังนั้นมาดามแป้ง ในฐานะผู้จัดการทีมชาติ ต้องเร่งสปีดหาใครสักคนมาขัดตาทัพให้เร็วที่สุด
โจทย์ในการคัดเลือกโค้ชใหม่มีทั้งหมด 3 ข้อ ข้อแรกคือต้องมีโปรไลเซนส์ การคุมทีมชาติชุดใหญ่ในทัวร์นาเมนต์นานาชาติ คุณต้องมีวุฒิที่สูงพอ
ข้อสองต้องรู้จักฟุตบอลไทยดีอยู่แล้ว กล่าวคือ บอลมันจะเตะอยู่แล้ว ถ้าหากไปจ้างโค้ชต่างชาติประเภทบิ๊กเนมเข้ามา แบบราเยวัช หรือนิชิโนะ กว่าพวกเขาจะรู้จักศักยภาพของนักเตะครบหมด อาจจะไม่ทันเวลา ดังนั้นควรเลือกโค้ชไทย หรือถ้าเลือกต่างชาติก็ต้อง เป็นคนที่เข้าใจบอลไทย และวัฒนธรรมไทยในระดับหนึ่ง
และข้อสามต้องว่างงาน เพราะโค้ชเก่งๆ เขาก็มีงานประจำ มีสังกัดกันหมด คงยากที่จะฉีกสัญญากับสโมสรแล้วดึงมาคุมทีมชาติแบบปุบปับ
ด้วยเงื่อนไขทั้งสามข้อ ทำให้ชอยส์เราเหลือไม่มากนัก และคนที่ตอบโจทย์ที่สุดเท่าที่พอจะมี คือมาโน่ โพลกิ้ง กุนซือชาวบราซิลเชื้อสายเยอรมัน
มาโน่ ไม่ใช่โค้ชที่ป็อปปูลาร์ในสายตามหาชน โอเค เขาเข้าใจบอลไทยจริงๆ เพราะเคยคุม 3 สโมสร (อาร์มี่ ยูไนเต็ด, สุพรรณบุรี, แบงค็อก) แต่ปัญหาคือ มาโน่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลย ไม่เคยได้โทรฟี่อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
สไตล์การทำทีมฟุตบอลของเขา โดนแซวตลอดว่า "เกมรุกช่างมันส์ เกมรับช่างแม่ง" คือบุกกระจุย ยิงกระจาย แต่เสียประตูง่ายมาก ซึ่งคนก็วิจารณ์กันว่า อ้าว แล้วมันจะต่างอะไรกับยุคซิโก้ล่ะ ที่เกมรุกสวยงาม เกมรับมีจุดอ่อน คือไปหาชอยส์คนอื่นมาไม่ดีกว่าหรือ
ยิ่งไปกว่านั้น ผลงานกับทีมชาติก็ไม่ค่อยดี มาโน่เคยคุมทีมชาติไทยชุด u-23 ลงแข่งรอบคัดเลือกชิงแชมป์เอเชียในปี 2555 โดยทีมชุดนั้นมีนักเตะอย่าง ชนาธิป, นฤบดินทร์, ฐิติพันธ์ และ อดิศักดิ์ ถือว่ารวมๆ ก็แกร่งอยู่ แต่มาโน่ กล้าๆ ทำทีมแพ้ลาว 1-0 ตกรอบไปเฉยเลย
จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้หลายคนปรามาสมาโน่ไว้เยอะว่าไม่น่าจะเป็นคำตอบที่ใช่ และมาดามแป้ง ก็ทราบดีถึงกระแสนี้ จึงอธิบายว่า "เราพยายามเต็มที่แล้วในพื้นฐานที่สามารถทำได้ ซึ่งมาโน่ โพลกิ้งตอบโจทย์ทีมชาติไทยทุกข้อในเวลานี้ โดยผลการแข่งขันซูซูกิคัพ จะเป็นบทพิสูจน์ความสามารถกับอนาคตในทีมชาติไทยของเขาต่อไป"
จริงๆ โค้ชไทยที่ว่างงานอยู่พอดีก็มี อย่างโค้ชโต่ย ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย หรือ โค้ชโจ ทวีศักดิ์ โมราศิลป์ แต่เมื่อหักลบทุกอย่าง ทั้งเรื่องดีกรีและประสบการณ์ มาโน่ดูจะเป็นคำตอบที่ใช่กว่า
สุดท้ายการเซ็นสัญญาระยะสั้นแค่ 1 ทัวร์นาเมนต์จึงเกิดขึ้น โดยนอกจากมาโน่แล้ว มาดามแป้งยังเซ็นสัญญาอีก 2 โค้ชไปพร้อมกัน คือจเด็จ มีลาภ และ หนึ่งฤทัย สระทองเวียน ที่มีโปรไลเซนส์ทั้งคู่ ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีม
สิ่งที่ยากของมาโน่ ไม่ใช่เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับบอลไทย แต่อยู่ที่ Period เวลาที่จะได้เก็บตัวมีน้อยมากๆ โดยไทยลีกเลกแรกจะจบวันที่ 28 พฤศจิกายน จากนั้นซูซูกิคัพจะเริ่มแข่งวันที่ 5 ธันวาคม ดังนั้นเอาจริงๆ เขามีเวลาเก็บตัวซ้อมก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่ม แค่ราวๆ 5 วันเท่านั้น
นอกจากนั้นมาโน่จะไม่มีเกมอุ่นเครื่องใดๆ ทั้งสิ้น เกมของเขานัดแรกคือทัวร์นาเมนต์จริง ที่ต้องเจอติมอร์เลสเต้เลย คือแผนที่คิดจะเวิร์กหรือไม่ ก็ไปลุ้นเอาหน้างานทีเดียว
การเก็บตัว 5 วัน ถือว่าน้อยไหม คือถ้าเป็นเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกอะไรแบบนี้ ก็ถือว่าปกติ แต่ถ้าเป็นฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ ก็ต้องยอมรับว่าน้อยจริงๆ
ลองเทียบกับทีมชาติอังกฤษ ก่อนยูโร 2020 พวกเขาเรียกเก็บตัวก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่มถึง 12 วัน นั่นขนาดเป็นทีมที่เล่นด้วยกันมานาน และเข้าใจระบบกันอยู่แล้วนะ แต่ของไทยได้เวลาแค่ 5 วันเท่านั้น ซึ่งมาโน่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป
ไม่แปลกที่ก่อนรายการจะเริ่ม ไทยจะไม่ใช่เต็งหนึ่ง โดยสื่อต่างชาติมองว่าเวียดนามมีภาษีดีกว่าเรา คือแม้คนไทยจะมั่นใจในทีมตัวเอง แต่ในสายตาคนชาติอื่นๆ ยังดูว่าไทยไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่นัก
-----------------------------------
จริงอยู่ว่าชาติอื่นมีข้อได้เปรียบเรา ตรงที่มีโค้ชที่ทำงานมานาน และมีเวลารวมทีมมากกว่าเรา แต่สิ่งที่เราได้เปรียบกว่าชาติอื่นแน่นอนคือ ระดับคุณภาพของผู้เล่นที่เหนือกว่า
ไทยลีก คือลีกเบอร์หนึ่งของอาเซียน ในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นที่แล้ว ทั้ง 4 สโมสรของไทย เข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มทั้งหมด ขณะที่นักเตะไทยก็มีประสบการณ์ในเวทีต่างชาติมากมาย ชนาธิปติดทีมออลสตาร์เจลีก, ธีราทร คว้าแชมป์เจลีก, ธีรศิลป์เคยยิงบนแผ่นดินสเปนมาแล้ว รวมถึงธนวัฒน์ก็ค้าแข้งอยู่กับเลสเตอร์ ซิตี้
คุณภาพผู้เล่นเราเหนือกว่าใครแน่นอน ดังนั้นถ้าเราได้ตัวครบทุกคนล่ะก็ ก็จะสามารถกลบจุดอ่อนเรื่องอื่นๆ ลงได้หมด
ตรงนี้เอง ที่เป็นภารกิจของผู้จัดการทีมชาติ ที่จะต้องเข้ามาเจรจาให้ทุกอย่างลุล่วงไปได้
ในอดีตทีมชาติไทยก็เคยใช้ระบบผู้จัดการทีมชาติอยู่ช่วงหนึ่ง เช่น บิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจกุล หรือ บิ๊กกาเซ็ม เกษม จริยวัฒนวงศ์ แต่หลังจาก เดือนก.ค.2562 เป็นต้นมา ไทยก็ว่างเว้นจากตำแหน่งผู้จัดการทีมไปเลย
หลังจากตกรอบฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่ยูเออี สมาคมฯ ก็รื้อฟื้นระบบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการแต่งตั้ง มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
หน้าที่ของผู้จัดการทีมชาติไทย หลักๆ มี 2 อย่าง อย่างแรกคือทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างสโมสร กับสมาคมฯ
ตัวอย่างเช่น ในซูซูกิคัพ มันไม่อยู่ใน FIFA DAY แปลว่าสโมสรในไทยลีก จะปล่อยตัวหรือไม่ปล่อยนักเตะก็ได้
ถ้าสโมสรอยู่คนละขั้วกับสมาคมฯ อาจจะปฏิเสธไม่ปล่อยผู้เล่นมาก็ได้ (ซึ่งก็ไม่ผิดตามกฎของ FIFA) ซึ่งมาดามแป้งก็จะมาเป็นสะพานเชื่อมตรงนี้ ในการขอร้องให้สโมสรต่างๆ ยอมปล่อยผู้เล่นออกมา ให้ทีมชาติชุดใหญ่เอาไว้ใช้งาน
มาดามแป้งแม้จะมีความเฉียบขาดในฐานะซีอีโอ แต่อีกมุมหนึ่งเธอก็เป็นผู้หญิงที่มีความอ่อนน้อม และอ่อนโยน เราเห็นภาพมาดามแป้งเข้าหาผู้ใหญ่ทั้งคุณเนวิน ชิดชอบ ของบุรีรัมย์ และ คุณระวิ โหลทองของเมืองทองได้อย่างไม่เคอะเขิน ซึ่งเอาจริงๆ คงมีน้อยคนนะ ที่จะไปมาหาสู่สองค่ายนี้ได้สบายๆ แบบที่ไม่มีใครตะขิดตะขวงใจ
หรือกับ คุณปวิณ ภิรมย์ภักดี ของ บีจี ปทุม เราก็เห็นบรรยากาศดีๆ ระหว่างกัน มาดามแป้ง มีไปแซวคุณปวิณตอนได้แชมป์ไทยลีก เวลาต่อมาคุณปวิณก็ช่วยอัดฉีดแข้ง ยู-23 ที่มีมาดามแป้งเป็นผู้จัดการทีม
ด้วยความที่มีมาดามแป้งออกหน้า ทำให้ทุกๆ สโมสร ยอมปล่อยนักเตะตัวหลักให้มาร่วมทีมชุดซูซูกิคัพครบทั้งหมด
เช่นเดียวกับตัวผู้เล่นจากเจลีก ทั้งชนาธิปและธีราทร พวกเขากรำศึกหนักมาตลอดฤดูกาล ก็ไม่แปลกถ้าทั้งคู่อยากจะพักผ่อนช่วงปลายปี อย่าลืมว่าชนาธิป กับธีราทรก็เคยได้แชมป์รายการนี้มาแล้วด้วย ไม่มีความจำเป็นต้องมาแข่งก็ได้ แต่ด้วยพาวเวอร์ของมาดามแป้ง ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจมาช่วยทีมชาติ โดยบินตรงจากญี่ปุ่นมาสิงคโปร์เลย
รวมถึงแข้งจากยุโรปอย่างธนวัฒน์ มาดามแป้งก็ต้องไปขอคุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ให้ปล่อยตัวมาช่วยทีมชาติหน่อย เพราะเลสเตอร์เองก็มีโปรแกรมแข่งในเดือนธันวาคมตลอด และธนวัฒน์ก็ร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่เลสเตอร์แล้วด้วย
สรุปแล้ว ไทยจึงมีนักเตะชุดฟูลทีมที่สุด ยิ่งกว่าตอนฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกด้วยซ้ำ เอาจริงๆ ขาดแค่ เจริญศักดิ์ วงศ์กรณ์ที่เจ็บยาว , เอกนิษฐ์ ปัญญา (ถ้าคืนฟอร์มได้) ,ศศลักษณ์ ไหประโคนที่เพิ่งได้แชมป์เคลีกเท่านั้น รวมถึงบางคนที่มีก็ได้ เช่นพรรษา เหมวิบูลย์, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ หรือ ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม
แต่ในภาพรวมชุดที่มาดามแป้งดึงมาทั้ง 30 คน ก็ถือว่าดีมากๆ แล้ว และแน่นอนว่า ดูดีกว่าชาติอื่นๆ อยู่สเต็ปหนึ่ง
หน้าที่การเจรจาขอผู้เล่น คือหน้าที่แรกของผู้จัดการทีม ส่วนหน้าที่อย่างที่ 2 คือการคอยจัดการปัญหานอกสนามทั้งหมด อำนวยความสะดวกให้กลุ่มนักเตะ เพื่อให้สามารถโฟกัสที่เกมในสนามได้เต็มที่
อย่างเช่นเรื่องตั๋วเครื่องบิน ความจริงเวลาเดินทางไปแข่งต่างประเทศ สมาคมฯ จะมีโควต้าตั๋วเครื่องบินจากงบประมาณประจำปีให้อยู่แล้ว แต่ก็อาจเป็นสายการบินพาณิชย์ชั้นประหยัด ซึ่งถ้าผู้จัดการทีมมองว่า นักเตะควรจะนั่งให้สบาย ควรจะได้เดินทางดีๆ กว่านี้ ก็สามารถควักเงินตัวเอง เช่าเครื่องบินเหมาลำ หรือซื้อตั๋ว Business Class ให้ก็ได้
รวมถึงเรื่อง Morale Boost หาเงินรางวัลอัดฉีดเพิ่มให้นักกีฬา หากต้องการจ่ายเพิ่มเติมจากงบของสมาคม ผู้จัดการทีมก็สามารถควักเอง หรือไปดีลหาสปอนเซอร์เจ้าอื่นๆ มาได้เช่นกัน
ดังนั้น สิ่งที่เราพอจะบอกได้คือ ถ้าหวังจะมาเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย อย่าคาดหวังว่าจะได้เงิน ตรงข้ามกันเลย คุณต้องทำหน้าที่จ่าย จ่าย แล้วก็จ่าย ดังนั้นคนจะมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ก็ไม่ปฏิเสธว่าต้องมีความรวยอยู่ประมาณหนึ่ง แต่รวยแค่ไหน ถ้าไม่มีใจรักในฟุตบอลจริงๆ ก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน
สิ่งที่ผู้จัดการทีมจะได้รับ ไม่ใช่ตัวเงิน แต่เป็นเรื่อง "ชื่อเสียง" ซึ่งชื่อเสียงนี่เอง เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมาก ในกรณีที่ผู้จัดการทีมต้องการเติบโตไปในเส้นทางอื่นๆ ในอนาคตข้างหน้า
ตัวอย่างเช่น บิ๊กหอย เป็นผู้จัดการทีมชาติในปี 2535 เมื่อมีชื่อเสียงมากขึ้น เขาก็กระโดดลงเล่นการเมืองจนได้เป็น ส.ส. สังกัดพรรคไทยรักไทย ในปี 2544 เป็นต้น
ส่วนมาดามแป้ง เรายังไม่รู้ว่าก้าวต่อไปของเธอคืออะไรกันแน่ แต่สิ่งที่การันตีได้คือ ถ้าทำทีมชาติแล้วประสบความสำเร็จ เธอจะมีเครดิตพอ ที่จะก้าวไปสู่สิ่งนั้นได้
-----------------------------------
เอาล่ะ การเข้ามาซัพพอร์ทของมาดามแป้ง ทำให้มาโน่ โพลกิ้ง ได้ทีมชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ คราวนี้ก็เหลือแต่เกมในสนามเท่านั้นแล้ว ที่จะพิสูจน์ว่าทีมชาติของเราดีพอหรือไม่
สิ่งที่โชคดีสำหรับไทยคือ โปรแกรมเราเป็นใจ ทีมชาติไทยเจอทีมที่อ่อนสุดในกลุ่มเป็นทีมแรก (ติมอร์เลสเต้) ตามด้วยอ่อนรองลงมา (เมียนมา) ตามด้วยฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์
การเจอติมอร์ และ เมียนมาก่อน มันทำให้นักเตะค่อยๆ เข้าใจจังหวะกับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น และพอถึงเกมที่ยากกว่าอย่างฟิลิปปินส์เราก็มีความมั่นใจแล้วว่าสามารถเอาชนะได้เช่นกัน
เครดิตที่ให้มาโน่ ผมกล่าวชื่นชมเขาไปแล้วเมื่อวาน แต่สิ่งที่อยากยืนยันคือ ถ้าหากวัตถุดิบในมือไม่ดี ต่อให้เป็นเชฟเทวดาก็ยากที่จะทำอาหารได้อร่อย
แต่นักเตะไทยชุดนี้ แสดงให้เห็นว่า เป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพมากพอ คือเปลี่ยนใช้งานนักเตะ B แทนนักเตะ A แต่ทีมก็ไม่ได้เละเทะ ยังสามารถเล่นได้ และต่อสู้กับคู่แข่งได้ดี
เราน่าจะเคยได้ยินกันบ่อยๆ ที่คนแซะว่า ที่ไทยไม่ประสบความสำเร็จในระดับเอเชีย เพราะนักเตะคุณภาพแย่ แต่ในทัวร์นาเมนต์นี้ ก็พอจะพิสูจน์ให้ได้เห็นแล้วว่า นักเตะของเราไม่ได้แย่เลย อยู่ที่การใช้ต่างหาก ว่าจะสามารถดึงศักยภาพออกมาได้ไหม
ในเกมเจอสิงคโปร์ มาโน่ส่งสำรอง 11 คนลงสนาม สุดท้ายไทยชนะ 2-0 ขุมกำลังสำรองของเรา มีระดับที่เหนือกว่าเจ้าภาพสิงคโปร์เสียอีก
ผมชอบนะ ที่เรามีผู้เล่นหลากหลายในทีม ถ้าอยากได้กองกลางวางบอลแม่น ยิงไกลดี ก็เลือกใช้ กันต์-ธนวัฒน์ แต่ถ้าอยากได้มิดฟิลด์ไดนามิก ขับเคลื่อนตลอดเกม ก็เลือกใช้ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์
ถ้าอยากได้โกล์ประเภท Sweeper Keeper ก็ใช้บอย-ฉัตรชัย หรือถ้าอยากได้โกล์แบบ Classic ก็เลือกใช้แชมป์-ศิวรักษ์
แต่ละคนมีคุณสมบัติที่ต่างกัน ทำให้โค้ชสามารถหยิบจับมาใช้ได้ในสถานการณ์ที่ต่างกัน
หลังจากชนะรอบแรก 4 นัดรวด เรื่องฝีเท้าคงไม่มีใครสงสัยกันแล้ว ทุกคนรู้ว่าไทยดีพอ แต่สุดท้ายจะได้เป็นแชมป์หรือไม่ บรรยากาศในทีมก็สำคัญ กล่าวคือทัวร์นาเมนต์แบบนี้คุณต้องอยู่กันเต็มๆ 1 เดือน ถ้าผู้เล่นไม่กลมเกลียวกันล่ะก็มีการแตกคง แตกคอกันขึ้นมาล่ะก็ สามารถร่วงรอบน็อกเอาต์ได้ง่ายๆ
แต่ทีมชาติไทยชุดนี้ ถ้อยทีถ้อยอาศัย บรรยากาศเป็นไปอย่างสบายๆ ผมชอบที่ชนาธิปถือเค้กไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์ บดินทร์ ผาลา และผมชอบที่เจนภพ โพธิ์ขี เล่าว่าตอนฝึกซ้อมธีรศิลป์คอยแนะนำตลอดว่าจังหวะแบบนี้ควรยิงแบบไหน
เวลาใครเป็นสำรอง ใครเป็นตัวจริง ไม่มีการก่อหวอดเกิดขึ้น ไม่มีข่าวเสียหายใครนินทาใครออกมาจากแคมป์ คือหลังจากหมดเคสของโจนาธาร เข็มดีแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยมาก
มันเป็นฟีลลิ่งที่ดีในการอยู่ร่วมกัน และมันจะช่วยลดความเครียด ความกดดัน ในช่วงท้ายๆ ของทัวร์นาเมนต์ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น เราเห็นสปิริตของทีมนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง เช่น เกมเจอเวียดนามที่ไทยนำ 2-0 แล้วได้จุดโทษ แต่เพื่อนร่วมทีมก็ให้ชนาธิปเป็นคนยิงเพื่อลุ้นแฮตทริก แต่พอชนาธิปยิงไม่เข้า ก็ไม่มีการโกรธเคืองกัน
หรือเคสของกวินทร์ ที่แชมป์ ศิวรักษ์ ตอนเห็นว่าตัวเองโดนเปลี่ยน ก็ยอมออกจากสนามโดยไม่มีการชักสีหน้าแต่อย่างใด ไม่เหมือนเคสฟุตบอลโลก 2014 ของทีมชาติฮอลแลนด์ ที่เจสเปอร์ ซิเลสเซ่น โดนเปลี่ยนตัวออกท้ายเกมแล้วให้ทิม ครูลลงเล่นแทน ปรากฏว่าซิเลสเซ่นวิ่งไปหวดขวดน้ำกระจาย
ฝีเท้าทีมชาติไทยเป็นต่อคู่แข่งอยู่แล้ว ประสบการณ์เราเหนือกว่ามาก และบวกกับบรรยากาศในทีมที่ไม่มีปัญหา ทำให้ทุกอย่างราบรื่น จนกรุยทางสู่แชมป์สมัยที่ 6 ได้ในที่สุด
ถามว่าแชมป์อาเซียนสำคัญไหม เพราะหลายคนมองว่า ถ้าเราคิดจะก้าวไปเป็นท็อปเท็นของเอเชีย จะให้ความสำคัญกับรายการนี้ทำไม
แต่สำหรับผม เชื่อเสมอว่ามันสำคัญนะ เพราะถ้าหากเจอกับชาติอาเซียนด้วยกัน แล้วเราไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างเด็ดขาด จะไปหวังอะไรได้ หากต้องเจอกับคู่แข่งที่น่ากลัวกว่านี้ จริงไหม
ดังนั้นในฐานะที่เป็นแฟนบอลชาวไทยคนหนึ่ง คงไม่สามารถกล่าวอะไรได้ดีไปกว่า ขอบคุณความลงตัวที่เกิดขึ้น
ขอบคุณผู้จัดการทีมชาติ - มาดามแป้ง ที่จัดการ Organize ทุกอย่างได้เป็นอย่างดี สามารถประสานงานสิบทิศจนได้ Squad ที่แข็งแกร่งมาก และที่สำคัญ เธอเลือกโค้ชได้ถูกต้อง
ขอบคุณเฮดโค้ชทีมชาติ - มาโน่ โพลกิ้ง ที่พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าเขาคือโค้ชคุณภาพคนหนึ่ง ลบเสียงวิจารณ์ที่เคยมีลงได้ราบคาบ นอกจากนั้นยังเป็นคนต่างชาติที่เข้าใจวัฒนธรรมของคนไทย และนักเตะไทยเป็นอย่างดี รวมถึงให้สัมภาษณ์สื่อแต่ละครั้งก็เต็มไปด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติคู่แข่งตลอด
ขอบคุณนักเตะทีมชาติ - ทำให้อาเซียนได้เห็นว่าคุณภาพของเราอยู่สูงสุด ทุกคนยอมเหนื่อย ยอมไม่ได้เคาน์ดาวน์กับครอบครัว เพื่อฝึกซ้อมอย่างหนักตลอด 1 เดือนเต็ม ลงแข่งรัวๆ ถึง 8 นัด และแสดงความเป็นมืออาชีพตลอดการแข่งขัน
นี่ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยอดเยี่ยม เราแชมป์แบบไร้พ่าย คว้าทั้ง MVP และดาวซัลโวร่วม มันคือการกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนกลับมาอีกครั้ง สร้างความยำเกรงให้คู่แข่งในภูมิภาคนี้
จากความรู้สึกอันมืดมิด ตอนเป็นรองบ๊วยในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ณ เวลานี้ เราพอจะเห็นแสงสว่างที่รออยู่ปลายอุโมงค์บ้างแล้ว
#WEWONIT6TIMES
- 25
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
