3 ม.ค. 2022 เวลา 13:03 • ธุรกิจ
5 เหตุการณ์เปลี่ยนโลกในปี 2022 ที่น่าจับตามอง
5
ในอดีต เรามักจะรู้สึกตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความหวังเมื่อ ‘ปีใหม่’ ได้เริ่มต้นขึ้น แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่ชีวิตเราในแต่ละปีไม่ต่างจากปีก่อนๆ ทำให้ในปีใหม่ 2022 นี้ หลายคนกังวลว่าชีวิตจะเป็นเหมือนที่ผ่านมาหรือเปล่า จะต้องล็อกดาวน์อีกครั้ง และทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นในปีนี้ไหม
5
การมีความหวังให้สถานการณ์ต่างๆ เป็นเรื่องที่ดี แต่ในโลกที่มีความผันผวนสูงเช่นทุกวันนี้ จะดีกว่าไหมหากเรามีความหวังไปพร้อมๆ กับรับรู้ถึง ‘ความเป็นไปได้’ ที่อาจเกิดขึ้นจริงๆ? มาสำรวจ 5 เหตุการณ์สำคัญที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในปี 2022 จากคอลัมน์ The World Ahead ของ The Economist
13
แม้โควิดจะยังน่ากังวล แต่ก็มีเหตุการณ์น่าจับตามองหลายอย่าง! ตั้งแต่การเมืองสหรัฐ-จีน เทรนด์ใหม่ในวงการแฟชัน ไปจนถึงการแข่งขันมุ่งสู่อวกาศที่จะกลับมาเข้มข้นอีกครั้ง มาดูรายละเอียดกันดีกว่าว่า 5 เหตุการณ์จะมีอะไรบ้าง
2
1) การแข่งขันของสองขั้วอำนาจใหญ่
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าสหรัฐอเมริกาและจีนต่างอยากเป็นประเทศมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียว แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะเคยออกมาพูดว่า “อเมริกาไม่ได้กำลังมองหาสงครามเย็นครั้งใหม่” แต่ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนักวิเคราะห์หลายคนมองว่า จริงๆ สงครามเย็นครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ดังนั้นคำถามที่ควรถามไม่ใช่ ‘สงครามเย็นจะเกิดไหม’ แต่ควรถามว่า ‘สหรัฐจะห้ามไม่ให้จีนทำให้สถานการณ์คุกกรุ่นกว่าเดิมได้อย่างไร’
5
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าในปี 2022 จีนจะทดสอบอเมริกาในฐานะผู้นำโลกยิ่งกว่าที่เคย
3
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน จีนจะจัดการประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคทั่วประเทศครั้งที่ 20 และสี จิ้นผิงจะยังคงหาทางดำรงตำแหน่งผู้นำทรงอำนาจสูงสุดในจีนตามที่หลายคนคาดเดาไว้ ซึ่งถือเป็นผู้นำคนแรกที่มีอำนาจมาก นับตั้งแต่ยุคเหมา เจ๋อตง แต่ต่างกันที่ในยุคนั้นจีนยังไม่ได้เปิดประเทศเช่นทุกวันนี้
6
ในช่วงเวลาเดียวกัน อเมริกาจะจัดการเลือกตั้งกลางสมัย (Midterm Election) ขึ้น มีผลสำรวจบอกว่าพรรคเดโมแครต ภายใต้การนำของโจ ไบเดน อาจเสียที่นั่งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจส่งผลให้รัฐบาลแบ่งแยกและทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ หากเหตุการณ์เป็นเช่นนี้จริงๆ ถือว่าเป็นภาพแทนที่ไม่น่าดูนักของพรรคเดโมแครต เพราะเพียงแค่ในปีที่ผ่านมา ภาพที่โลกมองเห็นอเมริกาคือ ‘ความวุ่นวาย’ เสียส่วนใหญ่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวายที่มาจากการประท้วง ความรุนแรง และการแบ่งแยกเชื้อชาติ (ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เห็นได้ชัดคือ เหตุการณ์ยึดอาคารรัฐสภาจากผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือนมกราคมปีก่อน) ประกอบกับผู้คนมากมายที่ต้องตกงาน ไร้ที่อยู่อาศัยเพราะการระบาดของโควิด-19
13
David Rennie คอลัมน์นิสต์ของ The Economist กล่าวว่าหากสมาชิกจากพรรคคอมมิวนิสต์จากจีนได้มาเห็นภาพเหล่านี้ พวกเขาคงมองว่าประชาธิปไตยเน้นเป็นเพียง ‘คำโกหก’ เพราะแม้แต่เรื่องพื้นฐานอย่างการทำให้ประชาชนปลอดภัยและอยู่รอดนั้น ระบอบประชาธิปไตยยังทำได้ยาก อาจพูดได้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยที่มีผู้นำใหญ่อย่างอเมริกานั้นกำลังอยู่ในช่วงขาลง และโชคร้ายที่เป็นชาติเดียวที่มีอำนาจมากพอที่จะหยุดการขยายอำนาจของจีนด้วย
11
ในส่วนของจีนนั้น ปีที่ผ่านมาและปีนี้จะเป็นปีที่จีนจะพยายามแสดงให้โลกเห็นว่าระบอบเผด็จการ (Autocracy) มีประสิทธิภาพมากเพียงใด ตั้งแต่การบริหารจัดการโรคระบาดโควิด-19 ไปจนถึงงานโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่ปักกิ่ง แม้ในความเป็นจริงชาวจีนจำนวนมากในพื้นที่ห่างไกลยังต้องเผชิญกับความไม่เท่าเทียม มลพิษจากสิ่งแวดล้อม และความยากจน
11
2) Hybrid Work โลกการทำงานในยุคโรคระบาด
ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีการกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศมากขึ้น แต่ที่น่าสนใจคือหลายๆ บริษัทเริ่มหันมาอนุญาตให้เข้าออฟฟิศแค่ ‘บางวัน’ เพราะช่วงล็อกดาวน์ได้มีการพิสูจน์ให้เห็นว่าการทำงานที่บ้านก็สามารถทำงานให้สำเร็จได้ ไม่ต่างจากการเข้าออฟฟิศ การทำงานแบบผสม (Hybrid) จึงกลายมาเป็นโมเดลใหม่ที่ตอบโจทย์ใครหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่ต้องเดินทางไกล และคนที่ภาระครอบครัวเยอะ
13
แต่ปีนี้อาจยังต้องมาถกเถียงกันว่า แล้วโมเดล Hybird ที่ดีนี้ควรเป็นแบบไหน เพราะการสำรวจหนึ่งในอเมริกาพบว่า พนักงานส่วนใหญ่อยากทำงานที่บ้าน 2-3 วันต่อสัปดาห์ สวนทางกับบริษัทอยากให้พนักงานเข้าออฟฟิศสูงถึง 4 วันต่อสัปดาห์
6
หากออกแบบให้ดีการทำงานแบบ Hybrid จะเป็นโมเดลการทำงานที่แก้ปัญหาอะไรหลายๆ อย่าง เช่น อคติทางเพศ อคติทางเชื้อชาติ หรืออคติทางความคิดอย่าง ‘Presentist Bias’ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อคนที่เป็นหัวหน้า มองว่าพนักงานพวกเขาเห็นหน้าที่บ่อยๆ ขยันกว่าพนักงานที่ไม่ค่อยพบเจอ
7
ต้องรอติดตามดูกันว่าในปี 2022 นี้เราจะหารูปแบบการทำงานแบบ Hybrid ที่ลงตัวกับทุกๆ ฝ่ายได้ไหม
1
3) ติดตามการพัฒนาของโลกเสมือนจริง Metaverse
ในปี 2022 เราจะได้ยินคำว่า “Metaverse” บ่อยยิ่งกว่าปีที่ผ่านมา คนหลายล้านคนได้เริ่มเข้าสู่โลกสามมิติที่รวม ‘เกม’ กับ ‘สังคมออนไลน์’ ไว้ด้วยกันแล้ว อย่างเกม Fortnite ที่ประสบความสำเร็จในการจัดคอนเสิร์ตบนโลกออนไลน์ไปหลายครั้ง สร้างทั้งความแปลกใหม่และประสบการณ์หน้าประทับใจให้แก่ผู้เล่น
14
ที่สำคัญ คนเราเริ่มหันมาใช้โลกออนไลน์เพื่อด้านต่างๆ ในชีวิตมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัดคือด้านการทำงาน ในช่วงล็อกดาวน์การประชุมออนไลน์ได้กลายมาเป็น ‘ปัจจุบันใหม่’ (New Normal) ของคนจำนวนมาก และในปีนี้การประชุมออนไลน์เพื่อสื่อสารในการทำงานจะยังไม่หายไป แต่จะสมจริงมากขึ้นด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่เดียวที่เราจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่มองหน้ากันในช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ
11
4) ความนิยมที่เพิ่มขึ้นในแฟชันแอฟริกัน
ปัจจัยแรกที่ถูกมองว่าทำให้แฟชันแอฟริกันจะเป็นที่นิยมมากขึ้นคือ ภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง The Black Panther ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2018 และเป็นที่ชื่นชมในด้านการออกแบบเครื่องแต่งกายที่มีการผสมผสานเสื้อผ้าพื้นเมืองของชนเผ่าต่างๆ ในแอฟริกาเข้ากับเสื้อผ้าที่ดูล้ำสมัยได้อย่างลงตัว
5
ปัจจัยที่สองคือ “ความยั่งยืน” ที่ได้กลายมาเป็นหัวใจหลักในการออกแบบของหลายๆ แบรนด์ สอดคล้องไปกับกระแสการตื่อต้าน Fast Fashion ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี
3
แบรนด์สัญชาติกานาชื่อ AAKS ซึ่งเป็นแบรนด์กระเป๋าทอมือจากวัสดุธรรมชาติเห็นโอกาสในด้านนี้ดี พวกเขาร่วมมือกับช่างฝีมือพื้นบ้านเพื่อผลิตกระเป๋าด้วยวิถีดั้งเดิม เลือกใช้วัสดุและสีย้อมจากฟาร์มพื้นบ้าน โดยจุดเด่นเหล่านี้ถูกนำเสนออย่างชาญฉลาด สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่แบรนด์ ส่งผลให้แบรนด์มีทำรายได้สูงขึ้นกว่า 700% ในปี 2020
6
อีกปัจจัยคือกระแส “Black Lives Matter” ที่ทำให้ผลงานจากนักออกแบบผิวสีเป็นที่สนใจในวงกว้างมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยสุดท้ายอย่างการเติบโตของ E-commerce ในยุคโควิด-19 หลายๆ ปัจจัยรวมกันนี้นี่เองจะทำให้ปี 2022 เป็นยุครุ่งเรืองของแฟชันแอฟริกันอย่างแท้จริง
9
5) Space Race: การแข่งขันมุ่งสู่อวกาศอันเข้มข้น
การแข่งขันทางอวกาศจะดุเดือดขึ้นเพราะสองปัจจัยหลักๆ ปัจจัยแรกคือแรงขับเคลื่อนทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolotics) จากชาติต่างๆ และอีกปัจจัยคือการเติบโตของธุรกิจ Space Travel โดยมหาเศรษฐีอย่าง SpaceX ของ Elon Musk, Blue Origin ของ Jeff Bezos และ Virgin Galactic ของ Richard Branson
7
ในปลายปี 2022 จีนวางแผนจะสร้างสถานีอวกาศเทียนกงให้สำเร็จ ขณะเดียวกันสถานีอวกาศนานาชาติ (The International Space Station) ที่จีนไม่ได้เข้าร่วมนั้นจะต้องหมดอายุการใช้งานในปี 2024 พอดี ความสำเร็จของจีนในจังหวะเช่นนี้ไม่ต่างจากการตอกย้ำชาติอื่นๆ ว่าจีนมีอำนาจและเข้มแข็งมากพอ ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาใคร
5
อีกชาติที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันทางอวกาศคืออินเดีย ในช่วงท้ายปี อินเดียมีแผนในการปล่อยหุ่นยนต์สำรวจลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ หากทำได้ ความสำเร็จครั้งนี้ก็จะเป็นสัญลักษณ์ในการบอกว่าอินเดียก็เป็นชาติที่มีอำนาจมากเหมือนกัน
1
ทั้งการแข่งขันระหว่างชาติต่างๆ และบริษัททัวร์อวกาสเชิงพาณิชย์ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2022 จะมีการส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์ (โดยเฉพาะคนธรรมดาๆ ที่จ่ายเงินไปเที่ยวเอง) มากเป็นประวัติกาล
5
อ้างอิง:
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#society
2
โฆษณา