3 ม.ค. 2022 เวลา 13:32 • ไลฟ์สไตล์
ถอดบทเรียนชีวิตประจำปี 2564
1ปีผ่านไป ผม - นพพร - ได้เรียนรู้อะไรจาก365วันในแต่ละบทบาทที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน
ถอดบทเรียนชีวิตประจำปี 2564 สู่ปี2565
ผมจะเล่าให้ฟัง
ภาพโดยผู้เขียน
ลำดับแรก ผมให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากที่สุด ผมเชื่อมั่นว่า การจะทำอะไรให้สำเร็จต้องเริ่มต้นที่สุขภาพต้องแข็งแรง จิตใจต้องแข็งแกร่ง ถ้าร่างกายอ่อนแอจะส่งผลให้จิตใจห่อเหี่ยว เราต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งเข้มแข็งแล้วจะส่งผลให้อย่างอื่นเข้มแข็งไปด้วย ผมจึงเริ่มต้นจากร่างกาย ต้องสร้างวินัยให้ตัวเองอย่างเข้มงวดในเรื่องการออกกำลังกาย จะร้อน จะหนาว ฝนตก แดดออกต้องออกกำลังกาย ทั้งการปั่นจักรยาน และเดินออกกำลังกาย ทำให้เป็นกิจวัตร อย่าทำเป็นกิจกรรม ทุกครั้งที่ผมแชร์ภาพกิจวัตรออกไป ผมหวังว่า จะทำให้ส่งผลต่อเพื่อนๆที่ติดตามผม เกิดแรงบันดาลใจอยากหันมาออกกำลังกาย เมื่อออกกำลังกายผ่านไประยะหนึ่งร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งใบหน้าและรูปร่าง และผมรู้สึกได้ว่า การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ
ภาพโดยผู้เขียน
ลำดับที่สอง ผมให้ความสำคัญกับความสงบของจิตใจ ข้อนี้ผมอาจจะหย่อนไปนิด เมื่อเทียบกับการออกกำลังกาย ผมไม่สามารถไหว้พระ รักษาศีลได้ครบถ้วนเหมือนตั้งใจ บางครั้งผมทำได้เพียงก้มกราบ ไม่มีแรงพอจะสวดมนต์ โดยอ้างว่าเหนื่อย แต่ที่ทำทุกครั้งก่อนนอนคือ นั่งสมาธิ เพื่อให้จิตสงบ เหมือนเรากำจัดไฟล์ขยะออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ การนั่งสมาธิก่อนนอนทำให้ผมนอนหลับได้ง่าย ไม่ฝันร้าย แม้จะนอนเพียงวันละ4-5ชม. ก็ไม่ทำให้ผมอ่อนล้า
ลำดับที่สาม ผมจะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆตลอดเวลา แม้ช่วงหลังๆผมจะมีอายุมากขึ้น เริ่มมีปัญหาเรื่องสายตา ผมมีอาการเหมือนผู้ชายวัยทอง ทั้งสายตาสั้นและสายตายาว ตาและสมองเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักมากรองจากหัวใจ มันทำให้ผมอ่านหนังสือนานไม่ได้ ผมจึงหันมาฟังมากขึ้น ดูมากขึ้น โดยศึกษาจาก Youtube University และผมโชคดีมากที่หลายองค์กรให้เกียรติเชิญผมไปเป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา ทำให้ผมได้มีโอกาสเรียนรู้จากผู้รู้โดยตรง ได้ถาม ได้ซักในสิ่งที่ผมอยากรู้ มีสิ่งเดียวที่ทำให้ผมหัวใจเต้นแรงคือ การได้รับรู้เรื่องราวใหม่ๆ เหมือนคนเสพติดปัญญา
ภาพโดยผู้เขียน
ลำดับที่สี่ ผมสร้างเป้าหมายในการทำงานในทุกบทบาทที่สังคมให้ความวางใจผม แต่ผมเรียนรู้ว่า ผมจะไม่ตั้งความคาดหวัง เพราะความคาดหวังสูงเคยแว้งกัด จนทำให้ผมล้มป่วยเกือบเอาชีวิตไม่รอด วันก่อนผมได้คุยกับที่ปรึกษาฝ่ายขายของมงคลคาร์เซนเตอร์ น้องเค้าอายุเพียง26ปี แต่มีคำพูดที่ผมต้องจดเอาไว้ในใจ "เป้าหมายให้สลักไว้บนศิลาแลง แต่กลวิธีทำงานให้เขียนไว้บนผืนทราย " นั่นคือเป้าหมายเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่กลวิธีทำงานให้ปรับตามสถานการณ์ และผมจะรำลึกถึงคำสอนของหลวงพ่อชา ที่สอนว่า หน้าที่ของคนสวนคือรดน้ำ พรวนดิน ทำหน้าที่ตัวเองให้สมบูรณ์ ส่วนการผลิดอกออกช่อ เป็นหน้าที่ของต้นไม้ อย่าไปคิดแย่งหน้าที่เค้า ถ้าเราคิดและทำได้อย่างนี้ เขาเรียกว่า ทำงานแบบจิตว่าง เบาและสบาย
ภาพโดยผู้เขียน
ลำดับที่ห้า ผมเรียนรู้การเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังอย่างตั้งใจ ไม่โต้แย้ง ไม่คิดถกเถียงเอาชนะ จากอดีตผมเป็นนักเถียงคน ชอบเอาชนะคนด้วยคำพูด(และผมมีพรสวรรค์มากในการพูดถากถางคน) ชอบคิดต่างและมักเข้าข้างตัวเองว่า ตัวเองคิดถูกและคิดได้ดีกว่า เมื่อมาถึงวันนี้ ผมมั่นใจว่านั่นคือชุดความคิดของผู้คับแคบทางปัญญา ผมเรียนรู้ใหม่จากการฟังและเคารพความคิดของผู้อื่น ฟังแล้วจับประเด็นให้ได้ว่า แก่นความคิดจากคำพูดของเขาคืออะไร แล้วเราจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ยังไง เมื่อผมไปอยู่กับผู้คนมากมาย หลากหลายสังคม ทำให้ผมรับรู้ว่า ทุกคนมีดี และเก่ง แต่แตกต่างกัน ผมไม่ได้เก่ง ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ถ้าอยากเก่ง อยากดีต้องเรียนรู้จากผู้อื่นด้วยการฟังอย่างตั้งใจ ให้เกียรติทุกคน การฟังและเคารพผู้อื่นจะทำให้เราได้รับความยำเกรงเช่นกัน ผมอยากจะบอกผู้บริหารทุกท่านว่า "จงเลิกสั่ง แล้วนั่งฟัง "แล้วท่านจะได้รับความยำเกรง
ลำดับที่หก ผมเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ทั้งเรื่องอริยสัจสี่ ปฏิจจสมุปบาท หลักอิทัปปัจจยตา ผมโชคดีมากที่ได้เกิดเป็นคน เกิดเป็นผู้ชาย เกิดที่อีสาน เกิดที่จังหวัดอุบลราชธานี และได้รู้จักพระพุทธศาสนา รู้จักหลวงปู่ชา ได้เรียนรู้พุทธวจน ทำให้ผมได้เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เข้าใจตัวเอง และรู้ว่าจะบริหารชีวิตตัวเองอย่างไรในเวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้
ลำดับสุดท้าย ผมหวังว่าประสบการณ์ชีวิตของผมที่กล่าวมาจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆทุกคน เมื่อผมไปหลายเวที หลายพื้นที่ ผมได้รู้จักเพื่อนๆหลายคน ที่ไม่เคยกดไลค์ ไม่เคยแสดงความคิดเห็น แต่รู้เรื่องราวของผมจากเฟสบุ๊คและติดตามเพียงอยากอ่านประสบการณ์ของผมในแต่ละวัน และสิ่งที่ผมเล่าในวันนี้ ผมจะดีใจมากถ้าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ
 
ปีใหม่ปีนี้ 2565 ขอให้เพื่อนทุกคนทำเหตุให้ดี แล้วผลดีจะตามมาเอง
ขอบคุณครับ
นพพร พันธุ์เพ็ง 1 มกราคม 2564 เวลา10.48น.
โฆษณา