4 ม.ค. 2022 เวลา 02:02 • ประวัติศาสตร์
“กาฬมรณะ (Black Death)” ช่วยเปลี่ยน “วิถีการบริโภค” ของผู้คนทั่วยุโรป
3
“กาฬมรณะ (Black Death)” เป็นภาวะการเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ซึ่งถาโถมเข้ามาในยุโรปตั้งแต่ปีค.ศ.1346 (พ.ศ.1889) และคร่าชีวิตผู้คนนับล้านทั่วยุโรป
2
แต่นอกเหนือจากจะคร่าชีวิตผู้คนแล้ว ภาวะโรคระบาดนี้ยังสร้างผลกระทบอื่นๆ ตามมาอีกมาก รวมทั้งเรื่อง “อาหารการกิน” อีกด้วย
2
สำหรับเรื่องราวของกาฬมรณะ ภาวะกาฬมรณะนี้ได้เข้าสู่จุดที่รุนแรงที่สุดในยุโรปในช่วงปีค.ศ.1346-1353 (พ.ศ.1889-1896)
1
กาฬมรณะได้เข้าสู่อังกฤษในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1348 (พ.ศ.1891) และคร่าชีวิตคนอังกฤษไปกว่า 1 ใน 3
1
หมู่บ้านต่างๆ กลายเป็นหมู่บ้านร้าง สัตว์เลี้ยงถูกทิ้งอยู่เต็มไร่ ซากศพกองเต็มถนน
1
หากแต่เมื่อภาวะโรคระบาดนี้จบลง เหล่าชาวนาชาวไร่ยากจนซึ่งแต่เดิมไม่ได้ร่ำรวยและไม่ได้มีอำนาจ ไม่สามารถมีสิทธิมีเสียงมากมายนัก ก็เริ่มที่จะมีอำนาจต่อรองขึ้นมาบ้างแล้ว และเป็นครั้งแรกที่เหล่าชนชั้นสูงต้องมองเหล่าชาวนาชาวไร่ด้วยสายตาที่กังวล
2
แต่ก่อนนั้น เหล่าชาวนาชาวไร่คือทาสติดที่ดิน หรือชาวไร่ที่ต้องเช่าที่เพาะปลูก และต้องรับใช้เจ้าของที่ดิน
เจ้าของที่ดินมีฐานะร่ำรวย และจะจ่ายเงินให้เหล่าชาวนาชาวไร่เป็นค่าจ้างในการเพาะปลูก และบางครั้งก็หาอาหารมาให้
รายได้ของชาวนาชาวไร่ก็แสนจะต่ำ ที่ดินผืนงามก็ล้วนแต่เป็นของเหล่าชนชั้นสูงที่ทรงอำนาจ
1
ที่ผ่านมา โครงสร้างทางสังคมเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด แต่กาฬมรณะกำลังจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
1
ภาวะโรคระบาดนี้คร่าทุกชีวิตโดยไม่เลือกฐานะหรือชนชั้น และการเพาะปลูกในอังกฤษก็แทบจะล่มสลาย
1
ที่ผ่านมา ที่ดินสำหรับเพาะปลูกนั้นจะต้องใช้แรงงานจำนวนมากเพื่อการเพาะปลูก ที่ดินผืนเล็กๆ ก็เต็มไปด้วยแรงงานชาวนาชาวไร่จำนวนมาก
1
แต่ภายหลังจากกาฬมรณะ ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิต แรงงานที่จะมาทำการเพาะปลูกจึงไม่ได้มีจำนวนมากอีกต่อไป
1
เมื่อเป็นอย่างนี้ เหล่าชาวนาชาวไร่จึงเริ่มรู้ตัวว่าพวกตนนั้นมีค่ามากกว่าเดิม ในเมื่อแรงงานขาดแคลน ที่ดินยังคงเท่าเดิม ในขณะที่แรงงานขาดแคลนและหายาก
2
ชาวนาชาวไร่จึงเรียกร้องค่าแรงสูงขึ้น ในขณะที่อำนาจของเจ้าของที่ดินก็เริ่มจะตกต่ำ บางรายต้องขายที่ดินของตนในราคาถูก หลายรายก็ต้องเพาะปลูกโดยใช้แรงงานจำนวนที่น้อยกว่าเดิมมาก
1
ผลที่ตามมาก็คือ เจ้าของที่ดินซึ่งเคยได้กำไรจำนวนมากจากการเพาะปลูก กำไรก็ลดลงมาก เจ้าของที่ดินต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานมากขึ้น ในขณะที่กำไรที่ได้กลับลดลง
1
เมื่อเป็นอย่างนี้ ที่ดินจำนวนมากจึงถูกเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ โดยเมื่อสิ้นศตวรรษที่ 14 จำนวนแกะและวัวในอังกฤษก็เพิ่มจำนวนกว่า 60% เมื่อเทียบกับต้นศตวรรษที่ 14
1
เป็นครั้งแรกที่เหล่าชนชั้นสูงเริ่มจะรู้สึกกดดันและกังวลเรื่องปากท้อง ในขณะที่ชนชั้นแรงงานและชาวนาชาวไร่ เริ่มจะสามารถเข้าถึงอาหารที่แต่ก่อนตนไม่มีโอกาสได้ทาน
1
ในศตวรรษที่ 14 อาหารการกินของชาวนาในอังกฤษนั้น ก็คือขนมปังธัญพืช รวมทั้ง “พอทเทจ (Pottage)” ก็คือซุปข้นหรือสตูว์ที่ทำจากผักต้ม ธัญพืช และเนื้อสัตว์หรือปลา
1
นอกจากนั้นชาวนาชาวไร่ยังทานผักผลไม้เป็นจำนวนมาก โดยส่วนมากจะเป็นผักผลไม้ตามฤดูกาล
1
พอทเทจ (Pottage)
เนื้อที่เหล่าชาวนาชาวไร่ทานก็มีการเก็บรักษาด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นการดอง การตากแห้ง หรือเอาไปรมควัน โดยเนื้อสดนั้นจะมีเฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น
1
เนื้อหลักๆ คือเนื้อหมู ในขณะที่วัวก็จะถูกเลี้ยงไว้เพื่อเอานม ซึ่งนมนั้นก็เอามาทำเป็นเนยหรือชีส
1
แกะก็เลี้ยงไว้เพื่อเอาขน ส่วนสัตว์อื่นๆ ที่ผู้คนทานก็มีทั้งเนื้อปลา นกป่า และกระต่าย
1
แต่ภายหลังจากกาฬมรณะ การรับประทานเนื้อและธัญพืชก็เปลี่ยนไปจากเดิม
1
ในเมื่อแกะและวัวมีจำนวนมากกว่าเดิม อีกทั้งค่าแรงของชาวนาชาวไร่ก็สูงขึ้น ทำให้ชาวนาชาวไร่มีเงินซื้อเนื้อสดและอาหารดีๆ ซึ่งแต่ก่อนแทบจะไม่สามารถหามากินได้
2
แต่ในขณะที่การบริโภคเนื้อเพิ่มสูงขึ้น แต่การบริโภคธัญพืชและพืชต่างๆ นั้นลดลง
1
แต่ก่อนนั้น ขนมปังขาวมีไว้เฉพาะชนชั้นสูง แต่ในเมื่อธัญพืชและพืชต่างๆ มีราคาถูกลง ชาวนาชาวไร่จึงเริ่มจะทานขนมปังขาว
1
ในเวลานี้ อาหารดีๆ ต่างๆ เริ่มขยับเข้าสู่จานอาหารของเหล่าชาวนาชาวไร่
1
ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดก็คือเหล่าชนชั้นสูง โดยเหล่าชนชั้นสูงต่างพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ทุกอย่างกลับเป็นอย่างเดิม หากแต่ก็สายไปแล้ว
3
ได้เกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่ความรุนแรง หากแต่ก็สะท้อนให้เห็นว่ากาฬมรณะได้เปลี่ยนโครงสร้างทางสังคมไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่เพียงแค่ในอังกฤษ หากแต่เป็นไปทั่วยุโรป
3
นักประวัติศาสตร์ยังคงถกเถียงกันว่ากาฬมรณะทำให้โครงสร้างทางสังคมนี้เปลี่ยนแปลงไปจริงหรือไม่ บางรายก็กล่าวว่าจริงๆ แล้วความเปลี่ยนแปลงเริ่มเข้ามาตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดโรคระบาดซะอีก ภาวะกาฬมรณะนี้มีส่วนเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางคนก็กล่าวว่ากาฬมรณะนี้เป็นตัวเร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
2
สำหรับโรคระบาดที่เกิดในปัจจุบันนี้ จะเป็นตัวเร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
1
มีเพียงเวลาที่จะตอบได้
1
โฆษณา