6 ม.ค. 2022 เวลา 01:49 • กีฬา
#เมื่อพรหมลิขิตทำงาน
โดย มิสมาต้า
วันที่ 1 กรกฎาคม​ ปี 2011 วงการฟุตบอล​ได้เกิดการทำสัญญาของ 2 เซ็นเตอร์​ฮาล์ฟ​อนาคต​ไกลด้วยมูลค่ารวมราว 30.3 ล้านยูโร
ทั้งคู่เป็นปราการหลังดาวรุ่งเบอร์​ต้นของยุโรป และตกเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่ เซอร์​ อเล็กซ์​ เฟอร์กูสัน​ ต้องการ​ล่าตัวมายืนสแตนบาย เนมานยา วิดิช กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่รอวันโรยรา
1
ราฟาเอล วาราน กองหลังวัย 18 ปี ของล็องส์ ทำให้ เซอร์​ อเล็กซ์​ เฟอร์กูสัน​ ถึงกับต้องจองตั๋วรถไฟเพื่อไปหว่านล้อมต่อหน้าครอบครัว​เพื่อชักชวนมาฝากอนาคตที่โอลด์​ แทร็ฟฟอร์ด
ฟิล โจนส์​ กองหลังวัย 19 ปี ของแบล็คเบิร์น​ โร​เวอร์ส​ เป็นกองหลังที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ​จน เซอร์​ อเล็กซ์​ ถึงกับเอ่ยปากชมว่าจะเป็นระดับเวิลด์​คลาสได้ภายในไม่กี่ปี
1
แต่สุดท้าย ซีเนดีน ซีดาน กลายเป็นตัวการทำให้สองดาวรุ่งต้องพลัดพราก​จากกันไป ด้วยการใช้ความเป็นฮีโร่ของชาติมากระชาก วาราน ไปสู่อ้อมอกของราชันชุดขาวแห่งเบร์นาเบว​ในราคา 11 ล้านยูโร ส่วน ฟิล โจนส์​ ย้ายมาร่วมชายคาสโมสรอันดับหนึ่งของประเทศในราคา 19.3 ล้านยูโร
ถ้าพรหมลิขิตเป็นผู้ขีดเขียนเส้นทางเดินให้ทั้งสองคน โชคชะตา และ วาสนาก็คงต้องเป็นตัวการที่ก่อความแตกต่าง​ให้​กับ​ชีวิตของทั้งคู่
1
สิบปีในเส้นทางสายนักฟุตบอล​อาชีพ ราฟาเอล วาราน ประสบความสำเร็จมาก​มายทั้งในระดับสโมสร และ ในทีมชาติ จนกลายเป็นหนึ่งในปราการ​หลังที่เก่งที่สุดในโลกเคียงข้าง​ เซร์คิโอ​ รามอส พร้อมกับพา เรอัล​ มาดริด​ ครองยุโรป​จนกลายเป็นเบอร์​หนึ่งของยุโรป​อย่างเต็มตัว
ในขณะที่​ ฟิล โจนส์​ ถูกอาการบาดเจ็​บเล่นงานจนสูญเสียความมั่นใจ จนกลายร่างจากความหวังเป็นตัวตลกในสายตาแฟนบอลจากสารพัด​ความผิดพลาดที่ได้ก่อขึ้น จนถึงขนาดเจ้าตัวออกปากในวันต่อสัญญา​ครั้งล่าสุดที่ถูกประณาม​ว่าเป็นหนึ่งในการต่อสัญญา​ที่แย่ที่สุดในประวัติศาสต​ร์ว่า
"ไม่ต้องใส่เงื่อนไขแมตช์​ครบรอบสิบปีลงไปในสัญญา​นั้น เพราะคงไม่มีใครอยากจะมาดูผมหรอก"
เพราะยอดคนดูในสนามที่มีความจุราว 74,000 คน คงจะมีแต่เก้าอี้ที่ว่างเปล่าเนื่องจากไม่มีใครสนใจมาชม คงจะมีเพียงสมาชิกในครอบครัว​ กับเพื่อนสนิทบางคน และผู้ติดตามนักเตะทั้งสองฝั่งเท่านั้นที่จะมาร่วมงานของเขา
ที่มาดริด วารานมี รามอส , มาร์เซโล และ การ์บาฆาล ร่วมกันสร้างตำนานแบ็กโฟร์​ที่ดีที่สุดชุดหนึ่งของโลก ส่วน โจนส์ มีแบ็กขวา-ซ้ายมากหน้าหลายตา กับ คริส สมอลลิง , เอริก ไบยี และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เป็นเพื่อนร่วมประสานงานจนถูกเรียกว่าเป็นผู้ปั้นระดับเวิลด์​คลาสของ ดาบิด เด เคอา
::
หลังจากอิ่มตัวกับสโมสรที่ดีที่สุดในโลก มนต์เสน่ห์​ของ แมนเชสเตอร์​ ยู​ไนเต็ด​ กับแผนงานที่ โอเล กุนนาร์​ โซ​ลชา​ นำไปขายจน วาราน ซื้อ ทำให้เขากลายมาเป็น​ผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์​ ยู​ไนเต็ด​ ได้ในที่สุดด้วยสนนราคา​ราว 40 ล้านยูโร
วารานมาในฐานะนักเตะระดับโลกที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหา​ของ แมนเชสเตอร์​ ยู​ไนเต็ด​ โดยมีกัปตันทีมคนเดิมที่มีศักดิ์ศรี​รองแชมป์​ยูโร​ 2020 รอจับคู่​กัน​เพื่อสร้างกำแพงเหล็กแห่งยูไนเต็ด​ให้เกิดขึ้น
ณ ซอกมุมเล็กๆ จุดหนึ่งของแคร์ริงตัน ฟิล โจนส์ ที่ร้างสนามไปนานสองปี ขอลงไปเล่นให้ทีมสำรองเพื่อรักษา​ระดับ​ความ​ฟิต และ มีข่าวมาตลอดว่าจะถูกขายในเดือนนี้ด้วยราคาที่คงไม่มีใครให้เกิน 10 ล้านยูโร
จนกระทั่ง เอริก ไบยี เจ็บซ้ำซาก , ลินเดอเลิฟ ติดโควิด และ แมคไกวร์ บาดเจ็บกระทัน​หัน​ซ้ำ แฟนบอลปีศาจแดงถึงกับอุทานถึงหายนะในหายนะที่กำลังจะเกิดเมื่อตัวตลกในสายตาของแฟนบอลบางคนกำลังจะได้ลงสนาม
แต่นี่คือสิ่งที่ เซอร์​ อเล็กซ์​ เฟอร์กูสัน​ อาจกำลังรอคอย เพราะการจับคู่กันของสองดาวรุ่งเมื่อวันวานอาจเป็นสิ่งที่เรียกรอยยิ้มแป้นของบรมครู​ตอนที่กล้องแพนไปถ่ายภาพเอาไว้ได้
คำว่าสถานการณ์​สร้างวีรบุรุษ​ที่มักจะเกิดขึ้นเสมอในยามยากอาจกำลังก่อตัวขึ้นที่นี่ แม้ว่า โจนส์​ จะโหม่งสกัดจนถูกผู้เล่นวูลฟ์แฮม​ป์ตันยิงสวนกลับมาจนเป็นประตูชัย​ก็ตาม
แต่กลับไม่มีใครรุมประณาม​เขาอย่างเคย เพราะ ฟิล โจนส์​ เป็นผู้แบกแผงแบ็กโฟร์ ซึ่งรวมทั้งวาราน กับอีกสองมิดฟิลด์​ที่ทำตัวเป็นอากาศ​ธาตุจนทีมเสียเพียงประตู​เดียวตลอด​ทั้งแมตช์​ ซ้ำยังทุ่มเทอย่างเคยด้วยการนำเอาร่างกายเข้าไปปะทะแข้งของคู่แข่งแบบไม่กลัวแตก จนเรียกฟรีคิกที่ทำให้ทีมเกือบไล่ตีเสมอได้ สิ่งเหล่านี้เรียกเสียงปรบมือจากแฟนบอลได้อย่างกึกก้อง​
หลังจบแมตช์​นี้ไม่มีการนำเอาภาพใบหน้าอันเหยเกของเขามาล้อเลียนเหมือนเคย มีแต่การนำภาพการเดินปรบมือขอบคุณแฟนบอลที่เปล่งเสียงเรียกชื่อเขาทั้งน้ำตามาชื่นชมแทน แล้วก็มีแต่เสียงชื่นชมถึงความกล้าหาญ​ของเขา จนทำให้ผู้เขียนอดนึกถึงเรื่องราวสมัยที่ เนมานยา วิดิช เอาใบหน้าไปแลกแข้งเพื่อป้องกันประตู​จนถูกยกย่องให้เป็นคนเหล็กในวันวานไม่ได้
ต่อจากนี้ไปไม่มีใครรู้ว่า ราล์ฟ​ รัง​นิก​ จะจัดการปัญหา​ของกองหลังอย่างไร แต่มันคงจะดีมิใช่น้อยถ้าจะเกิดการจับคู่อีกครั้งของสองเซ็นเตอร์​ฮาล์ฟ​คู่นี้ ที่ไม่ต้องถึงขนาดจบซีซั่น​ด้วยการพากันไปถึงถ้วยแชมป์​ยุโรปเลย
ขอเพียงแค่ทั้งคู่ควงแขนกันลงปกป้องปากประตู​ด้วยการท่องคาถาว่า "อย่าเจ็บ อย่าเจ็บ" จนพาทีมทำได้ตามเป้าหมายสักหนึ่งข้อ หรือสองข้อก็เพียงพอแล้ว
1
หลังจากนั้น ฟิล โจนส์​ ก็จะได้อำลาทีมไปในฐานะนักเตะที่มีผู้คนจดจำ และคิดถึงเขาเบาๆ ว่า นี่แหล่ะคือกองหลังที่ทุ่มเทมากที่สุดของทีมในยุคล่มสลาย ไม่ใช่ไอ้ตัวตลกที่สร้างแต่รอยยิ้มให้กับคู่แข่งอีกต่อไป
แล้วถ้าเขาจะลาทีมไปจริงๆ หรือ อยู่ต่อไปอีก บางทีเทสติโมเนียล​แมตช์​ของเขาอาจจะได้เกิดขึ้น พร้อมกับจำนวนแฟนบอลในสนามที่มาร่วมเป็นเกียรติ​สัก 40,000 คนก็อาจไม่ได้เป็นเพียงความฝันอีกต่อไปในวันหนึ่งข้างหน้า
1
รวมทั้งสิบเอ็ดปีแห่งความฝันของ เซอร์​ อเล็กซ์​ เฟอร์กูสัน​ อาจจะกลายเป็นจริงก็ได้ใครจะไปรู้
#PlayNowThailand #khelnow #football
โฆษณา