Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Wissensdurst
•
ติดตาม
6 ม.ค. 2022 เวลา 12:01 • ปรัชญา
ปาฏิหาริย์คืออะไร?
David Hume (1711-1776)
“น่าจะเจอกันมาตั้งนาน ก่อนที่เธอจะเป็นของใคร อยากให้มันมีปาฏิหาริย์ ให้ตัวฉันย้อนเวลากลับไป”.
เนื้อเพลงข้างต้นอาจทำให้เราช่วยเข้าใจความหมายของคำว่า “ปาฏิหาริย์” ได้ประมาณหนึ่ง. เราทราบดีว่า การย้อนเวลาเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (อย่างน้อยก็ในตอนนี้). ถ้าจู่ๆ วันหนึ่งเราตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่สิบเก้า, เราคงเรียกมันว่าปาฏิหาริย์.
คนป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่หมอฟันธงว่าไม่รอดแน่ๆ; แต่จู่ๆ ก็หายป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปรกติเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของปรากฏการณ์ที่เราอาจเรียกมันว่าปาฏิหาริย์. ปาฏิหาริย์จึงอาจหมายถึงสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากแต่มันกลับเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ. หรือในอุบัติเหตุเครื่องบินตก, ผู้โดยสารตายยกลำ, มีเพียงเด็กหญิงอายุสี่ขวบเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต; หลายคนคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การรอดชีวิตของเธอนั้นเป็นปาฏิหาริย์.
บทความนี้จะมาชวนท่านผู้อ่านครุ่นคิดและตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์: แท้จริงแล้วปาฏิหาริย์คืออะไร? มีอยู่จริงหรือไม่อย่างไรกันแน่?
แหล่งของเรื่องราวที่เป็นปาฏิหาริย์ปรากฏอยู่ในเรื่องราวทางศาสนาอย่างชุกชม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวะประวัติของศาสดา. เราคงเคยได้ยินปาฏิหาริย์ของพระเยซูที่แสดงต่อหน้าสาวกและธารกำนัล. ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นไวน์ การเดินบนน้ำและการชุบชีวิตคนตาย.
ศาสดาของศาสนาพุทธก็ไม่น้อยหน้า, เจ้าชายสิทธัตถะเองเดินได้ตั้งแต่เกิดแถมมีดอกบัวบานออกมารองรับการก้าวเดิน. และชาวพุทธคงคุ้นเคยกันดีกับเรื่องราวการแสดงปาฏิหาริย์ “เราหยุดแล้ว ท่านต่างหากที่ยังไม่หยุด” ของพระพุทธเจ้าที่ทำให้จอมโจรองคุลีมาลกลับตัวกลับใจออกบวชแล้วปฏิบัติธรรมจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์.
เราจะอธิบายเรื่องราวเหล่านี้อย่างไร?
เดวิด ฮูม (David Hume) นักปรัชญาสมัยศตวรรษที่สิบแปดผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดตลอดกาลคนหนึ่ง (1711-1776) นิยามปาฏิหาริย์ว่า การแหกหรือการละเมิดกฎธรรมชาติ. เราเชื่อว่า ธรรมชาติมีกฎเกณฑ์อะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังที่มีความสม่ำเสมอและไม่อนุญาตให้ใครหรืออะไรแหกได้. ยกตัวอย่างเรื่องคนตายแล้วฟื้น. สิ่งนี้เป็นปาฏิหาริย์เพราะการตายเป็นกระบวนการทางชีววิทยาที่ไม่อาจย้อนกลับ; การตายแล้วฟื้นจึงเป็นการแหกกฎธรรมชาติ.
อย่างที่ฮูมกล่าวไว้, ปาฏิหาริย์เป็นการแหกกฎธรรมชาติซึ่งเราเชื่อว่ามีความสม่ำเสมออยู่และไม่ยอมให้อะไรมาแหกได้. ฮูมแนะนำว่า เวลามีใครเล่าเรื่องอะไรหรือเราไปอ่านเจอเรื่องราวที่ฟังดูเป็นปาฏิหาริย์ให้เราตั้งคำถามก่อนเลยว่า ระหว่างกฎธรรมชาติถูกแหกกับคนที่มาเล่าให้เราฟังพูดโกหกหรือบันทึกที่เราอ่านเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้น, อย่างไหนเป็นปาฏิหาริย์ (แหกกฎธรรมชาติ) น้อยกว่ากัน.
ย้อนกลับมาที่ตัวอย่างเรื่องคนตายแล้วฟื้น, ระหว่างคนตายแล้วฟื้นจริงๆ กับคนมาเล่าเข้าใจผิดหรือจงใจโกหกเรา, อย่างไหนมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่ากัน. ฮูมเชื่อว่า การเข้าใจผิดหรือการพูดโกหกเป็นไปได้มากกว่า. เพราะต่อให้คนที่มาเล่าเป็นคนจริงใจและเชื่อถือได้และโอกาสที่เขาจะโกหกนั้นมีน้อยเพียงใด, การโกหกของเขาก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าการมีคนตายแล้วฟื้นจริงๆ.
บันทึกเรื่องราวทางศาสนาทั้งหลายก็เช่นกัน. หากไม่เป็นเรื่องแต่งขึ้น (ด้วยความรู้อยู่แก่ใจว่าไม่จริง) ก็เป็นความเข้าใจผิดของคนบันทึก. ลองพิจารณาเรื่องพระเยซูเดินบนน้ำด้วยวิธีการของฮูม. อะไรมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่ากันระหว่างพระเยซูเดินบนน้ำจริงๆ กับคนบันทึกหรือผู้พบเห็นเข้าใจผิดหรือเห็นภาพหลอน. เป็นไปได้หรือไม่ว่าพระเยซูเดินผ่านบริเวณน้ำตื้นที่คนเห็นเข้าใจผิดคิดว่าเป็นน้ำลึก, หรือพระเยซูอาจจะเดินไปบนมิราจในทะเลทรายแล้วสาวกเข้าใจผิดคิดว่าอาจารย์ของตนเองเดินบนน้ำได้!
พระเยซูเดินบนน้ำทะเล
ในพระคัมภีร์ระบุว่าพระองค์เดินบนน้ำทะเลมายังเรือของสาวก, ไม่ได้อยู่บนทะเลทรายหรือน้ำตื้นเป็นแน่; แต่อย่าลืมว่า สาวกของพระองค์ถูกคลื่นซัดอย่างหนักอยู่บนเรือกลางทะเลมาตลอดทั้งคืนอย่างเหน็ดเหนื่อย, ไม่ได้หลับไม่ได้นอน, ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สมองในปัจจุบันพบแล้วว่า ความเหนื่อยล้าอันเนื่องมาจากการอดหลับอดนอนเป็นสาเหตุหนึ่งของการเห็นภาพหลอนได้.
มาที่เมืองไทยกันบ้าง, ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยิน เรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ทวดที่สามารถเปลี่ยนน้ำทะเลเค็มจัดเป็นน้ำจืดที่ดื่มได้ด้วยการเอาเท้าเหยียบ! โดยอาศัยหลักการของฮูม, ท่านผู้อ่านจะอธิบายความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์ดังกล่าว (ถ้าเกิดขึ้นจริง) ได้อย่างไร?
หวังว่าบทความนี้จะทำให้ท่านผู้อ่านมองสิ่งที่เรียกว่า “ปาฏิหาริย์” ไม่เหมือนเดิม และช่วยติดตั้ง “การ์ดแห่งเหตุผล” ซึ่งทำให้ท่านตั้งคำถามทุกครั้งที่ได้ยินหรือได้อ่านเรื่องราวอะไรที่ฟังดูเป็นปาฏิหาริย์โดยไม่หลงเชื่อไปในทันที.
"มันน่าเสียดาย ปาฏิหาริย์ ไม่มีจริง".
อ้างอิง:
Hume, D. 1748 et seq., An Enquiry Concerning Human Understanding, Tom L. Beauchamp (ed.), New York: Oxford University Press, 2000.
Tweyman, S. (ed.), 1996, Hume on Miracles, Bristol, Thoemmes Press.
3 บันทึก
5
2
3
5
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย