Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นานาสาระ by Dr. TC
•
ติดตาม
11 ม.ค. 2022 เวลา 09:11 • ท่องเที่ยว
พาไปกราบพระแก้วขาว ณ วัดเชียงมั่น วัดที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเชียงใหม่
การมาเยือนเมืองเชียงใหม่ของผู้เขียนในปลายปี 2564 ที่ผ่านมานี้ วัดเชียงมั่น ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในเชียงใหม่ เป็นวัดที่คณะของเราตั้งใจจะไปกราบสักการะ พระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) อันศักดิ์สิทธิ์ ที่ประดิษฐาน ณ วัดนี้
เรามารู้จักประวัติความเป็นมาของวัดเชียงมั่น วัดเก่าแก่ที่สุดในเชียงใหม่ กันก่อนเลยค่ะ
เครดิตภาพ: Dr. TC และ อ้างอิง 3
ประวัติความเป็นมาของวัดเชียงมั่น
วัดเชียงมั่น ตั้งอยู่ ณ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
ตามที่ปรากฏในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่และพงศาวดารโยนก หลังจากที่พญางำเมือง พญาร่วง และพญามังราย ทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1839 ทั้งสามพระองค์โปรดให้สร้างเจดีย์
และพญามังรายทรงประทับชั่วคราวในระหว่างควบคุมการสร้างเมือง ตรงหอนอนบ้านเชียงมั่น เรียกว่า "เวียงแก้ว" ทรงอุทิศตำหนักคุ้มหลวงเวียงเหล็ก ตั้งเป็นพระอารามหลวงแห่งแรก และพระราชทานนามว่า "วัดเชียงมั่น"
จากนั้นคาดว่าเจดีย์พังลงมาในสมัยพระเจ้าติโลกราช (ครองราชย์ พ.ศ. 1985 - 2031) พระองค์จึงโปรดให้สร้างเจดีย์ใหม่ ทำด้วยศิลาแลง เมื่อปี พ.ศ. 2014
เมื่อเชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ในปี พ.ศ. 2094 วัดเชียงมั่นจึงถูกปล่อยร้าง จนปี พ.ศ. 2101 เจ้าฟ้ามังทรา (สมเด็จพระมหาธัมมิกะราชาธิราช) แห่งพม่า บูรณปฏิสังขรณ์วัดเชียงมั่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยโปรดให้สร้างเจดีย์ วิหาร อุโบสถ หอไตร ธัมมเสนาสนะกำแพง และประตูโขง มีพระมหาหินทาทิจจวังสะเป็นเจ้าอาวาส เมื่อถึงสมัยพระยากาวิละครองเมือง เชียงใหม่ (พ.ศ. 2324–2358)
ต่อมาพระพุทธศาสนาแบบธรรมยุกนิกายเผยแผ่เข้ามาในอาณาจักรล้านนา เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์จึงนิมนต์พระธรรมยุตมาจำพรรษาอยู่ แต่ได้ย้ายไปอยู่วัดหอธรรมและวัดเจดีย์หลวงตามลำดับ ในภายหลัง
เมื่อคณะของผู้เขียนมาถึงวัดเชียงมั่น เราได้ตรงเข้าไปเพื่อกราบสักการะ พระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) อันศักดิ์สิทธิ์ ณ พระวิหารเล็ก ซึ่งเป็นพระวิหารเดิมของวัด
ภายในวิหารเล็กนี้เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปสำคัญคือ พระเสตังคมณี หรือพระแก้วขาว และพระศิลาปางทรมานช้างนาฬาคีรี
โดยพระแก้วขาวนั้น เป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ของพระนางจามเทวีแห่งแคว้นหริภุญชัย ครั้งพญามังรายตีเมืองหริภุญชัย ได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดเชียงมั่น เมื่อปี พ.ศ. 2022
พระแก้วขาว และพระศิลา เครดิตภาพ: Dr. TC
ประวัติพระเสตังคมณี (พระแก้วขาว)
พระเสตังคมณี หรือ พระแก้วขาว เป็นพระพุทธรูปสลักจากแก้วสีขาวใส มีขนาดหน้าตักกว้าง 4 นิ้ว สูง 6 นิ้ว ตำนานกล่าวว่าเป็นศิลปะสกุลช่างละโว้ ปัจจุบันประดิษฐานคู่กับพระศิลา ซึ่งเป็นพระปางปราบช้างนาฬาคีรี ภายในพระวิหารวัดเชียงมั่น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พระแก้วขาว เป็นชื่อพระพุทธรูปเรียกพระพุทธรูปที่สร้างด้วยหินสีขาว ภาษาบาลีเรียกว่า “พระเสตังคมณี" มาจากคำว่า “เสต” แปลว่า ขาว และ “มณี” แปลว่า แก้ว แปลรวมว่าพระแก้วขาว ประดิษฐานที่วิหารวัดเชียงมั่น
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระเศียรหุ้มด้วยทองคำประดิษฐานบนแท่นไม้จันทน์ หุ้มด้วยแผ่นทองคำ ใต้ฐานมีข้อความจารึกว่า เมื่อ พ.ศ.2416 พระเจ้าอินทวิไชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พระราชบิดาของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี พร้อมด้วยเจ้าแม่ทิพยเกษรและราชบุตรราชธิดาสร้างถวายแด่พระเสตังคมณี
ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานล่วงไปแล้ว 700 ปี ในวันเพ็ญเดือน 7 สุเทวฤๅษีได้นำเอาดอกจำปา 5 ดอกขึ้นไปบูชาพระจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้พบปะสนทนาด้วยพระอินทร์ ซึ่งพระอินทร์ได้บอกแก่ สุเทวฤๅษีว่า ปีนี้ในเดือนวิสาขะเพ็ญ ที่ลวะรัฎฐจะสร้างพระพุทธปฏิมากรด้วยแก้วขาว ครั้นสุเทวฤๅษีกลับจากดาวดึงส์เทวโลกแล้ว จึงไปสู่เมืองละโว้
ขณะนั้นพระยารามราชเจ้าเมืองละโว้ กับพระกัสสปเถรเจ้า ปรารภการที่จะสร้างพระแก้ว ซึ่งพระอรหันต์ไปได้แก้วขาวบริสุทธิ์บุษยรัตน์มาจากจันทเทวบุตร แล้วขอพระวิษณุกรรมมาเนรมิต สำเร็จรูปเป็นองค์พระพุทธปฏิมากร สุเทวฤๅษีและฤๅษีอื่นๆก็ได้ไปประชุมช่วยในการสร้างพระด้วย เมื่อสำเร็จแล้วจึงได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 4 องค์ไว้ในพระโมลี (กระหม่อม) 1 องค์ พระนลาต (หน้าผาก) 1 องค์ พระอุระ (หน้าอก) 1 องค์ พระโอษฐ์ (ปาก) 1 องค์ รวม 4 แห่ง
เมื่อสร้างเสร็จแล้ว พระแก้วขาวจึงได้ประดิษฐานที่เมืองละโว้มาเป็นเวลาช้านาน จนกระทั่งสุเทวฤๅษีสร้างนครหริภุญชัยขึ้น แล้วจึงได้เชิญเสด็จพระแม่เจ้าจามเทวี พระราชธิดาพระเจ้ากรุงละโว้มาครองนครหริภุญชัย
พระแม่เจ้าจามเทวีจึงได้อัญเชิญพระแก้วขาวมาเป็นพระพุทธรูปบูชาประจำพระองค์ พระแก้วขาวจึงประดิษฐาน ณ นครหริภุญชัย มาเป็นเวลาหลายร้อยปี
พญามังรายได้ยึดครองนครหริภุญชัยได้ใน พ.ศ. 1824 และได้เผาเมือง
ต่อมาพญามังรายได้เสด็จตรวจความเสียหาย พบว่า หอพระในพระราชวังไม่ได้ถูกเพลิงไหม้ เมื่อทอดพระเนตรดูพบว่าพระแก้วขาวประดิษฐานอยู่ ณ ที่หอพระ จึงเกิดพระราชศรัทธา และอัญเชิญพระแก้วขาวมาประดิษฐานยังที่ประทับของพระองค์ และบูชาเป็นพระพุทธรูปพระจำพระองค์
เมื่อพญามังรายสร้างนครเชียงใหม่เป็นราชธานีในปี พ.ศ. 1839 จึงได้อัญเชิญพระแก้วขาวมาประดิษฐานในพระราชวัง คือบริเวณวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน
จนกระทั่งในสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ลำดับที่ 11 แห่งราชวงศ์มังราย มีพระราชศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โปรดฯ ให้สร้างหอพระแก้วมรกต (พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร) และพระแก้วขาวตามอย่างโลหะปราสาทของกรุงลังกาไว้ในพระอารามราชกุฎาคารเจดีย์ หรือวัดเจดีย์หลวง
ประมาณ พ.ศ. 2035 ในรัชสมัยพระยอดเชียงรายครองนครเชียงใหม่ มีคนร้ายขโมยพระแก้วขาวไปถวายกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา พระยอดเชียงรายจึงยกทัพติดตามไปอัญเชิญพระแก้วขาวกลับมาประดิษฐานที่นครเชียงใหม่ตามเดิม
พ.ศ. 2089 พระแก้วขาวตกไปอยู่กับอาณาจักรล้านช้างเป็นเวลากว่า 225 ปี
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชยกทัพไปปราบล้านช้างสำเร็จ จึงได้อัญเชิญพระแก้วขาวมาประดิษฐาน ณ วัดเชียงมั่น อันเป็นที่ซึ่งพญามังรายมีพระราชศรัทธาอัญเชิญพระแก้วขาวมาประดิษฐานเป็นครั้งแรก
พระแก้วขาวหรือพระเสตังคมณีประดิษฐานเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวนครเชียงใหม่ จึงได้รับการดูแลรักษาและอนุรักษ์ซ่อมแซมอยู่เสมอ
ในปี พ.ศ. 2416 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ได้เป็นประธานในการสร้างแท่นแกะสลักด้วยไม้แก่นจันทน์หุ้มด้วยทองคำหนัก 300 บาท 3 ซีก
เจ้าราชภาคินัยและเจ้าอุบลวัณณา สร้างฉัตรทองคำถวายหนัก 100 บาท พร้อมกับจารึกบนแผ่นทองคำใต้แท่นพระ เป็นภาษาล้านนาไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาฉัตรทองคำได้หายไปคงเหลือแต่ที่ปักแกนก้านฉัตรเท่านั้น
ปี พ.ศ. 2539 นครเชียงใหม่มีอายุครบ 700 ปี จึงได้มีการบูรณะฐานพระแก้วขาว เนื่องจากได้มีการอัญเชิญพระแก้วขาวออกมาให้ประชาชนสรงน้ำพระเป็นประจำทุกปี ทำให้เนื้อไม้แก่นจันทน์บวมขยายออก มีผลให้แผ่นทองคำที่หุ้มอยู่ปริแตก
นอกจากนี้ยังได้มีการสร้างฉัตรทองคำน้ำหนัก 123 บาท ประดับเพชร 9 เม็ด และพลอยอีก 37 เม็ด ถวายแด่พระแก้วขาวด้วย
พระเสตังคมณี หรือพระแก้วขาว เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวเชียงใหม่ สามารถคุ้มครองป้องกัน อันตรายและอำนวยความสุขสวัสดิ์มงคล แก่ผู้ที่เคารพสักการะเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากวัดเชียงมั่นจะมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ ในฐานะที่เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในเขตกำแพงเมืองแล้ว เมื่อถึงเทศกาลสลากภัตร หรือ ทานก๋วยสลาก จะมีการทานข้าวสลากที่วัดนี้ก่อนแล้วจึงจะทำที่วัดอื่น ๆ ต่อไป
ในสมัยพญามังราย วัดเชียงมั่น ยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอีกด้วย
นอกจากนี้ วัดเชียงมั่นเป็นสถานที่รวบรวมโบราณวัตถุจำนวนมาก ซึ่งอาคารเสนาสนะและปูชนียวัตถุของวัดเชียงมั่นประกอบไปด้วย วัดเชียงมั่นมีสถาปัตยกรรมสําคัญ ได้แก่ เจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลม ฐานช่างล้อม พระอุโบสถและหอไตร
สำหรับเจดีย์ช้างล้อม นั้น เป็นเจดีย์รูปทรงสถาปัตยกรรมล้านนาฐานช้างล้อม หมายความว่าคำจุนพระพุทธศาสนาไว้ องค์เจดีย์ผสมสี่เหลี่ยมและทรงกลมเปิดทองจังโก สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 1840 ครั้งพญามังรายสถาปนาวัดเชียงมั่น และได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากผู้ครองนคเชียงใหม่สืบมา กรมศิลปากรขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานแล้วเมื่อ พ.ศ. 2478
นอกจากนี้ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญและทรงคุณค่า ณ วัดเชียงมั่น คือ ศิลาจารึกวัดเชียงมั่น ตั้งอยู่ที่โถงด้านหน้าของอุโบสถวัดเชียงมั่น จารึกถึง พระนามของกษัตริย์สามพระองค์ คือ พญามังราย พญางำเมือง และพญาร่วง ( พ่อขุนรามคำแหง ) ว่าทั้งสามพระองค์ทรงร่วมกันสร้างเมืองเชียงใหม่เป็นการจารึก เกี่ยว กับการสร้างเมืองเชียงใหม่ และการสร้างวัดเชียงมั่น ตลอดจนการทำนุบำรุงวัดนี้จากกษัตริย์และพระราชวงศ์
หลังจากที่มากราบสักการะ วัดเชียงมั่นแล้ว ผู้เขียนและคณะ รู้สึกอิ่มบุญ ซาบซึ้ง และภูมิใจในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่เจริญมาคู่กับพระพุทธศาสนายิ่งนัก
อ้างอิง:
1.
https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/631666/
2.
https://th.wikipedia.org/wiki/วัดเชียงมั่น
3.
https://th.wikipedia.org/wiki/พระเสตังคมณี
บันทึก
3
4
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
กราบพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมืองเชียงใหม่ ณ วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแกน วัดเชียงมั่น และวัดศรีสุพรรณ
3
4
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย