6 ม.ค. 2022 เวลา 13:18 • ปรัชญา
ตามความเข้าใจของเรา
ไม่มีทั้งคนทำกรรม และ ไม่มีทั้งคนรับผลกรรมค่ะ
ทุกอย่างเป็นไปตามหลักอิทัปปัจยตา - ปฏิจจสมุปบาท
เป็นหลักแห่งการอาศัยอิงกันเกิด
เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ
เมื่อดับเหตุ ผลย่อมดับ
เมื่อมีการกระทำ หรือการทำกรรมเกิดขึ้น
ก็ย่อมมีผลจากการกระทำ หรือผลกรรมเกิดขึ้นเช่นกัน
แต่เพราะคนเราถูกอวิชชา คือความไม่รู้ครอบงำไว้ เราจึงคิดว่าเรามีตัวมีตน ทั้งที่จริงเราไม่สามารถให้คำจำกัดความ หรือ ระบุสิ่งที่แสดงว่า “ เรา คือ เรา “ ได้เลย
ทุกๆอย่างที่เราคิดว่า คือเรา ล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุ ตามปัจจัย ตามหลักอิทัปปจยตา ทุกเวลา ทุกนาที
จากเด็ก ได้รับอาหารและการเลี้ยงดู เราจึงสามารถเติบโต แต่ถ้าเราไม่ได้อาหาร ไม่มีใครเลี้ยงดูเราละ เราก็คงไม่อยู่มาจนตอนนี้
ถ้าเรามีสุขภาพแข็งแรงดูแลตัวเองดีเราก็อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปจนแก่เฒ่า ถ้าเราใช้ชีวิตสิ้นเปลือง โรคภัยรุมเร้า เราก็อาจไม่อยู่ไปจนแก่
แล้วอะไร หรือช่วงชีวิตตอนไหน ที่จะบอกว่าเราคือเราได้
สิ่งนี้คือความหมายของการไม่มีตัวตนตามหลักอนัตตา แต่เพราะ “ความไม่รู้” หรือ “อวิชชา” ทำให้เราคิดว่ามีเรา เราจึงคิดหรือเห็นว่า มี “ใคร” ทำกรรม และ มี “ใคร” รับผลกรรมค่ะ
พูดมาก็เป็นแค่ความเข้าใจผ่านความคิด ยังไม่ใช่รู้แจ้งมาจากข้างใน ได้แต่หวังว่าจะมีวันนั้นในวันใดวันนึงค่ะ :)
โฆษณา