7 ม.ค. 2022 เวลา 04:00 • สุขภาพ
เพิ่มต่อเนื่อง โควิดระลอกที่ 4 จากสายพันธุ์ Omicron ผู้ติดเชื้อวันนี้เพิ่มอีก 30% เป็น 7526 ราย รวม 3 วันเพิ่ม 143% แต่ผู้ป่วยหนักและใช้เครื่องช่วยหายใจยังคงที่
โควิดระลอกที่ 4 (ระลอกใหม่) ที่มีไวรัสสายพันธุ์โอมมิครอนเป็นตัวจุดเริ่มต้นนั้น
แม้ในขณะนี้ จะยังคงมีไวรัสสายพันธุ์เดลต้าเป็นต้นเหตุร่วมอยู่ก็ตาม แต่เชื่อได้ว่า โอมมิครอนกำลังเพิ่มสัดส่วนในผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง และจะเป็นสายพันธุ์หลักในระยะเวลาอันใกล้นี้
โดยสังเกตจากสถิติการเพิ่มของผู้ติดเชื้อรายวันในช่วง 3 วันที่ผ่านมา อยู่ในอัตราที่สูงกว่าการระบาดของเดลต้ามาก ขึ้นไปสูงในระดับเดียวกับโอมมิครอนที่ได้ติดเชื้ออยู่ก่อนแล้วในประเทศตะวันตก
กล่าวคือตัวเลขของประเทศตะวันตก พบว่าผู้ติดเชื้อโอมมิครอนจะเพิ่มเป็น 2 เท่าทุก 3 วัน คือเพิ่มขึ้น 100% ใน 3 วัน หรือเฉลี่ยวันละ 33%
เมื่อดูสถิติการติดเชื้อของประเทศไทยย้อนหลัง 3 วัน พบว่าเป็นไปในทำนองเดียวกัน กล่าวคือ
ในวันนี้ 7 มกราคม 2565
ติดเชื้อเพิ่ม 7526 ราย
เพิ่มจากเมื่อวาน 1751 ราย
คิดเป็น 30%
6 มกราคม 2565
ติดเชื้อเพิ่ม 5775 ราย
เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 1876 ราย
คิดเป็น 48%
5 มกราคม 2565
ติดเชื้อเพิ่ม 3899 ราย
เพิ่มจากวันก่อนหน้า 808 ราย
คิดเป็น 26%
3
โดยมียอดของวันที่ 4 มกราคม 2565 ติดเชื้อ 3091 ราย
เมื่อพิจารณาในช่วง 3 วัน คือ
จากวันที่ 4-7 มกราคม 2565
มีผู้ติดเชื้อเพิ่มจากวันละ 3091 ราย
เป็น 7526 ราย
คือเพิ่มขึ้น 4435 ราย
คิดเป็น 143%
จึงพอจะเห็นได้ว่า น่าจะเป็นผลมาจากไวรัสโอมมิครอนเป็นหลัก ทำให้พอจะคาดคะเนได้ดังนี้
1) การติดโควิดของผู้ติดเชื้อในประเทศไทยช่วงหลังปีใหม่ อยู่ในอัตราเพิ่มระดับเดียวกับของไวรัสโอมมิครอนในประเทศตะวันตก คือ 2 เท่าหรือ 100% ทุก 3 วัน
2) ไวรัสสายพันธุ์โอมมิครอน น่าจะเป็นสายพันธุ์หลักในอนาคตอันใกล้(ไม่เกินสิ้นเดือนนี้) อาจจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักไปแล้วก็ได้ในขณะนี้ (รอข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในการถอดรหัสพันธุกรรมหรือจีโนมออกมายืนยันอีกครั้งหนึ่ง)
3) ปัจจัยที่ทำให้มีการเพิ่มอย่างมาก
ในระลอกที่ 4 หลังปีใหม่ประกอบด้วย
3.1 ไวรัสสายพันธุ์โอมมิครอนเพิ่มสัดส่วนในผู้ติดเชื้อไทย และมีความสามารถในการแพร่ระบาดที่กว้างขวางมากกว่าไวรัสเดลต้า
3.2 มีกิจกรรมเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการฉลองปีใหม่
4) น่าจะพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม วันละเกินกว่า 10,000 ราย ในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า และมีโอกาสที่จะเกินวันละ 10,000 รายขึ้นไปอีก ถ้าไม่มีมาตรการที่เข้มงวด และประชาชนร่วมมือกันเพิ่มขึ้น
5) ฉากทัศน์ (Scenario) 3 แบบของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งแถลงมาก่อนหน้านั้นว่า
แบบที่ดีที่สุด คือติดเชื้อประมาณวันละ 10,000 รายนั้น ขณะนี้กำลังใกล้จะถึง 10,000 รายแล้ว
จึงต้องระมัดระวังและช่วยกัน ไม่ให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันขยับไปสู่ฉากทัศน์ที่สองคือวันละ 15,000 ราย ซึ่งเมื่อสะสม 10 วัน จะทำให้ระบบสุขภาพรับผู้ติดเชื้อเต็มพอดี
และไม่ควรจะให้ไปถึงฉากทัศน์ที่ 3 คือ 30,000 รายต่อวัน ซึ่งตรงจุดนั้น ระบบสุขภาพซึ่งมีเตียงรองรับโควิดทั้งหมด 200,000 เตียง จะรับไว้ไม่อยู่
1
6) ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกัน
โดยการที่รัฐบาลควรจะต้องเร่งดำเนินการ ออกมาตรการที่เหมาะสม รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ในทุกมิติ
ส่วนประชาชนก็ควรจะช่วยกัน โดย
6.1) ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
6.2) ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ส่วนคนที่ยังไม่ได้ฉีด ให้เริ่มฉีดเข็มที่ 1 โดยเร็วที่สุด
6.3) ลดพฤติกรรมเสี่ยงทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เช่น ไม่ออกไปทานเลี้ยงสังสรรค์ หรือไปงานที่มีคนหมู่มาก อยู่ในสถานที่แออัด ทำงานจากที่บ้าน เป็นต้น
ก็จะทำให้เราพอจะรับมือการติดเชื้อระลอกที่ 4 นี้ ซึ่งหลีกเลี่ยงได้ยาก ในระดับที่ระบบสุขภาพพอจะรองรับได้
ส่วนจำนวนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตจะยังไม่มากนัก เพราะความรุนแรงของไวรัสโอมมิครอนนั้นน้อยกว่าไวรัสเดลต้า
โฆษณา