7 ม.ค. 2022 เวลา 13:01 • ข่าว
สรุปดราม่า สาวรีวิวโรงแรม6/10 โดนเรียกค่าเสียหาย 3 ล้าน
https:r//www.facebook.com/sittra/photos/a.516538428416541/6685626428174346/
จากกรณีดราม่าโลกออนไลน์ มีลูกค้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ขอความช่วยเหลือ จากทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขามูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ว่า เธอไปรีวิวรร. แห่งหนึ่งที่เขาใหญ่ โดยไปเข้าพักตั้งแต่ 13-14 มิ.ย. 63 และเข้าไปรีวิวเมื่อ 19 ธ.ค.64
โดยให้คะแนน “6 เต็ม 10 ราคาแพงไป” โดยเขียนบรรยายไว้ประมาณว่า “ตอนทีไปพัก ห้องดูไม่เหมือนกันภาพที่ลง ... ไม่สะอาด ... ทีวีไม่ติด ห้องอาหารเล็ก ... พร้อมกับลงท้ายว่า อยากให้ปรับเรื่องราคา มีโอกาสจะกลับไปนะคะ” ซึ่งถ้าอ่านข้อความเต็มๆ จะมีลักษณะคล้ายการติเพื่อก่อ แถมมีชมสลับบ้าง แถมปิดท้ายว่าจะกลับไปพักอีกถ้ามีโอกาส
แต่จากรีวิวนี้ เธอโดนจดหมายขู่จากทางรร. วันที่ 29 ธ.ค.64 บอกว่าให้ลบโพสต์นี้ หากไม่ลบจะคิดค่าเสียหายวันละ 50,000บาท จนกว่าจะลบ , พร้อมให้จ่ายค่าเงิน 3 ล้าน ภายใน15วันนับตั้งแต่ได้รับหนังสือ , และลงโฆษณากล่าวขอโทษโรงแรม 7 วัน ในหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ ถ้าไม่ดำเนินการจะถูกดำเนินคดีแพ่งและอาญา
ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด บอกว่า เจ้าของรร.ทำเกินกว่าเหตุ ดูจากความเห็นของลูกค้าคนนี้ก็ปกติ ทางทนายษิทรา จึงรับคดีนี้ไว้ช่วยเหลือพร้อมมองว่าไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาทแต่อย่างใด
ขณะที่น.ส.กรกนก ใจแกล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ สภาองค์กรของผู้บริโภค บอกว่าโรงแรมสามารถการฟ้องหมิ่นประมาณกับลูกค้าได้ หากมีหลักฐานที่ชี้ได้ว่าการแสดงความคิดเห็นเป็นลักษณะใส่ความหรือเคยมีข้อพิพาทกันมาก่อนเขียนรีวิวแสดงความคิดเห็น แต่ในกรณีหากมองในมุมการคุมครองผู้บริโภค ผู้ใช้บริการไม่ได้แสดงความคิดเห็นเชิงลบในลักษณะโจมตีเพียงอย่างเดียว ซึ่งหากมีการฟ้องร้อง ผู้ใช้บริการรายนี้สามารถมาปรึกษาทางสภาองค์กรของผู้บริโภคได้ รวมถึงสภา มีทีมงานกฎหมายคอยให้ความช่วยเหลือด้วย
ด้านภาคธุรกิจท่องเที่ยว นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธานอนุกรรมการ Smart Tourism สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ผู้ประกอบการโรงแรมให้ความสำคัญกับรีวิว หรือ การแสดงความคิดเห็นในแฟลตฟอร์ม OTA หรือ Online Travel Agent เป็นอย่างมาก เพราะเป็นหนึ่งในช่องทางที่ผู้ประกอบการสามารถนำความเห็นของลูกค้าไปปรับปรุงบริการ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าคนอื่นๆตัดสินใจเข้าพัก
ส่วนเงื่อนไขในการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวตามปกติ จะไม่มีเงื่อนไขตายตัว ว่าต้องรีวิวภายในระยะเวลาเท่าไหร่ แต่โดยส่วนใหญ่ลูกค้าจะรีวิวไม่เกิน 1 เดือน ไม่ค่อยเห็นเคสที่ลูกค้ารีวิวหลังจากใช้บริการผ่านมาข้ามปี ซึ่งทุกเคสอาจจะต้องพิจารณาที่เจตนาอีกครั้ง พร้อมยอมรับว่าผ่านมาในอุตสาหกรรมโรงแรม มีลูกค้าหลายประเภท ทั้งลูกค้าปกติทั่วไป แสดงความเห็นตามความจริง หากความเห็นมีประโยชน์ทางโรงแรมก็จะรับไปปรับปรุงแก้ไข
ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ไม่ปกติ เช่น ลูกค้าที่มากลั่นแกล้ง เนื่องจากถูกจ้างมาเพื่อทำให้โรงแรมเสียหาย และ ลูกค้าประเภทตั้งใจแสดงความเห็นในแง่ลบ (Complain) เพื่อหวังสิทธิประโยชน์จากโรงแรมตามมาตรการของโรงแรม ซึ่งกรณีโรงแรมตรวจสอบพบว่าเป็น ลูกค้าที่ทำเป็นประจำ ก็อาจจะมีการเรียกตำรวจท่องเที่ยวเข้ามาชี้แจ้งมาตรการทางกฎหมาย จนลูกค้ากลุ่มนี้ยอมลบหรือแก้ไขให้ตรงกับความเป็นจริง และลูกค้าประเภทนี้หากตรวจสอบประวัติย้อนหลัง บ่อยครั้งจะพบทำเป็นประจำ และมักอาศัยช่องว่างของงานบริการในการหาประโยชน์
นายกิตติ แนะนำ ผู้ประกอบการโรงแรมหากได้รับคอมเม้นท์ในแง่ลบ ให้ติดต่อไปที่ลูกค้าเป็นการส่วนตัวเพื่อขอโทษ พูดคุย และสอบถาม จะดีกว่าการต่อสู้กับลูกค้า เพราะการพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายมากกว่า
ขณะที่ความเห็นจากผู้ประกอบการอีกมุมที่แอดมินโทรคุย เล่าว่า การรีวิวย้อนหลังนานถึงข้ามปีแบบนี้ ถ้าตามปกติธุรกิจที่เขาบริหารอยู่จะไม่นับเป็นรีวิว เพราะตามสัญญาที่เขาเซ็นกับลูกค้าแบบ B2B และ B2C ก่อนทำการค้า จะตกลงกันล่วงหน้าว่า หากมีคอมเม้นท์ หรือ Complain กรุณาแจ้งไว้หลังเช็กเอาท์ภายใน 24 ชม. เพื่อการปรับปรุง ซึ่งถ้าหากมารีวิวข้ามปี และหากมีพฤติกรรมเข้าข่ายทำให้เสียชื่อเสียง ก็มีโอกาสที่โรงแรมที่ถูกรีวิวจะสันนิษฐานว่า ถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นอาจจะต้องพิจารณาที่เจตนาของรีวิวร่วมด้วย ว่า เขามีเจตนาอย่างไร ยังไม่สามารถสรุปได้
แล้วเพื่อนๆล่ะคะ ปกติ รีวิวรร. หลังเช็กเอาท์กี่วัน ?
ที่มา : ต้นโพสต์ https:r//www.facebook.com/sittra/photos/a.516538428416541/6685626428174346/
เข้มข่าวเย็น pptv : https://youtu.be/StEo3pD5cQs
เข้มข่าวค่ำ pptv: https://m.youtube.com/watch?v=Rc8b-UKKCC0
โฆษณา