Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ChristianThai
•
ติดตาม
8 ม.ค. 2022 เวลา 14:48 • การศึกษา
วัยรุ่นวัยวุ่น
พวกเขาคืออนาคตของโลก
ในช่วงชีวิตของมนุษย์เรานั้น มีอยู่ด้วยกันหลายวัย แต่วัยที่ถือว่าเป็นวัยที่สดใส ร่าเริง มีพลังเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน หรือเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงแรงกล้า และเป็นวัยที่มีอิทธิพลอย่างมากมายต่ออนาคตข้างหน้าก็คือ...
วัยรุ่นนั่นเอง...วัยรุ่นยังนับว่าเป็นวัยที่เต็มไปด้วยอนาคตที่ยาวไกล... ถ้าเราไปถามคุณปู่คนหนึ่งว่า “ต่อไปคุณปู่จะทำอะไรครับ?”...ท่านก็คงจะตอบว่า... “ปู่...ไม่มีต่อไปแล้ว ปู่มีแต่แต่ก่อน”... แต่ถ้าเราไปถามวัยรุ่นว่า “ต่อไปจะทำอะไร?... เราก็จะได้รับคำตอบหลายอย่าง เช่น..ต่อไปฉันจะทำอย่างนั้น...ฉันจะทำอย่างนี้”...
ดังนั้นวัยนี้จึงเป็นวัยที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะการกระทำของพวกเขาในวันนี้อาจเป็นตัวที่ชี้และกำหนดอนาคตทั้งชีวิตของพวกเขาเลยทีเดียว...
พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า...ชีวิตของมนุษย์เรานั้นไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่มีพระเจ้าเป็นผู้สร้างและพระองค์ก็ทรงกำหนดให้มนุษย์เราทุกคนนั้นจะต้องมีผู้นำทางในชีวิต ซึ่งก็คือ... เมื่อเรายังเป็นเด็กหรือกำลังเริ่มเข้าสู่การเป็นวัยรุ่น เราก็ต้องอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของคุณพ่อคุณแม่ของเรา ซึ่งพระองค์ก็ทรงให้คุณพ่อคุณแม่ของเรามีใจที่จะรัก เลี้ยงดู อบรมสั่งสอนและนำทางเรา...
แต่เมื่อเรากำลังเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ เราก็อยู่ในวัยที่กำลังเริ่มออกจากสิทธิอำนาจของคุณพ่อคุณแม่ของเราแล้ว
และเมื่อถึงตอนนั้น พระเจ้าก็ทรงกำหนดไว้ว่า เราต้องยอมอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพระองค์ เพราะถ้าหากชีวิตของเราไม่ยอมอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพระเจ้าผู้ทรงสร้างเราแล้วละก็ชีวิตของเราจะไม่มีเป้าหมายที่ถูกต้องและต้องพบกับปัญหามากมาย ซึ่งยากที่จะแก้ไขได้ช่วงของชีวิต
ประโยคหนึ่งที่พวกเรามักจะได้ยินบ่อย ๆ จากปากของคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูก ๆ ที่กำลังเป็นวัยรุ่นหลายท่านก็คือประโยคที่ว่า
“ทำไมลูกฉันถึงเป็นอย่างนี้ เมื่อก่อนเขาน่ารัก แต่ทำไมเดี๋ยวนี้จึงเป็นอย่างนี้?”...
ซึ่งประโยคเหล่านี้กำลังชี้ให้เราเห็นว่า คุณพ่อคุณแม่เหล่านั้นไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ลูกที่เคยน่ารัก ที่เคยเชื่อฟังเขาในอดีตที่เคยยอมอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพวกเขานั้น เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นตรงกันข้าม เพราะบรรดาลูก ๆ ที่กำลังเป็นวัยรุ่นของพวกเขากำลังมีพฤติกรรมวุ่น ๆ ที่ทำให้พวกเขาปวดหัว เพราะไม่ยอมอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพวกเขาอีกต่อไป และยากที่จะอบรมสั่งสอน...
ซึ่งถ้าจะถามว่าเพราะเหตุไรจึงเป็นเช่นนั้นคำตอบก็คือ เพราะคุณพ่อคุณแม่เหล่านั้น ลืมไปว่าลูก ๆ ของพวกเขานั้นมีวันหนึ่งที่พวกเขาจะต้องพ้นจากสิทธิอำนาจของพ่อแม่ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ต่อไป...
ในช่วงชีวิตของมนุษย์เราทุกคนตั้งแต่เด็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่นั้น เราจะหนีไม่พ้นเลยกับ 7 คำนี้ ก็คือ
“อุ้ม...อุ้ม...จับ...จูง...นำ...ชี้...ปล่อย...”
ซึ่ง 7 คำนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์เราทุกคน มันเป็นขั้นตอนที่เราทุกคนจะต้องผ่าน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ทุกคนจะต้องสังเกตให้ดี ๆ ว่า แต่ละขั้นตอนที่กำลังเข้ามาในชีวิตของลูกเรานั้น มันยิ่งทำให้สิทธิอำนาจของเราในตัวลูกค่อย ๆ หมดไปทุกที...
“อุ้ม” คำแรก
คือการอุ้มท้อง ในช่วงนี้สิทธิอำนาจของแม่ในตัวลูกจะเต็ม 100% เพราะไม่ว่าแม่จะไปที่ใด ลูกก็ต้องไปด้วย แม้แต่ไปห้องน้ำก็ต้องตามไปด้วย...
“อุ้ม” คำที่สอง
ก็คือ อุ้มไว้ในอ้อมแขนภายหลังลูกคลอดออกมาแล้ว ซึ่งเวลานี้สิทธิอำนาจของพ่อแม่ในตัวลูกเริ่มหายไป แต่เป็นการเริ่มหายไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะลูกยังต้องให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มตลอดเวลา...ต่อมาเมื่อเด็กโตขึ้นเขาจะเริ่มดิ้นไปให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มแล้วเพราะเขาอยากจะคลานหรือเดินเอง
"จับ" คำที่สาม
ส่วนคุณพ่อคุณแม่ทำได้อย่างมากก็คือ “จับ”เพื่อไม่ให้เขาล้ม ซึ่งเขาก็ยอมให้จับเดิน...ต่อมาอีกระยะหนึ่งเขาจะไม่ยอมให้จับแล้วเขาจะเดินเอง
“จูง” คำที่สี่
ในช่วงนี้เขายังยอมให้คุณพ่อคุณแม่ “จูง”...และเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น ตอนนี้เขาไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่จูงมือเดินแล้ว เพราะเขาเริ่มเข้าสู่ก้าวแรกของช่วงวัยรุ่นแต่เขายังยอมเดินตามคุณพ่อคุณแม่อยู่
“นำ” คำที่ห้า
และยังยอมให้คุณพ่อคุณแม่ “นำ” หน้า...ต่อมาจะเห็นว่าเขาไม่อยากเดินตามคุณพ่อคุณ
“ชี้” คำที่หก
แต่ช่วงนี้เขายังยอมให้คุณพ่อคุณแม่ “ชี้” ทางให้แก่เขา...
“ปล่อย” คำที่เจ็ด
และในที่สุดก็มาถึงคำสุดท้ายคือคำว่า “ปล่อย” นั่นก็คือ เขากำลังเป็นผู้ใหญ่แล้ว...
ถ้าสังเกตดี ๆ เราก็จะเห็นว่าตั้งแต่ “อุ้ม” คำแรกจนถึงคำว่า “ปล่อย” นั้น สิทธิอำนาจในตัวของพ่อแม่ที่มีต่อลูกเริ่มหลุดหายไปทีละนิด ๆ และในที่สุดก็หมดสิทธิอำนาจในตัวลูก เพราะเขาเป็นตัวของตัวเองแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้แนะนำให้ลูกอยู่ภายใต้ผู้ที่มีสิทธิอำนาจที่แท้จริง
ซึ่งก็คือพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขาหรือถ้าวัยรุ่นคนนั้น ๆ ไม่ยอมอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพระองค์แล้ว ชีวิตของวัยรุ่นคนนั้นไปอยู่ที่ไหนก็วุ่นที่นั่น...เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือตัวของวัยรุ่นนั้นเอง และคนที่เจ็บปวดที่สุดก็หนีไปพ้นคุณพ่อคุณแม่ของเขานั่นเอง
เมื่อถึงตรงนี้ บางทีพวกเราที่เป็นวัยรุ่นอาจจะมีความคิดที่ว่า “เมื่อฉันพ้นจากสิทธิอำนาจของคุณพ่อคุณแม่แล้วฉันจะดูแลชีวิตของฉันเองไม่ได้หรือ?...ฉันมีความเชื่อมั่นว่า ฉันสามารถที่จะควบคุมความประพฤติของฉันเองได้อย่างแน่นอน ฉันจะไม่มีทางทำในสิ่งที่ไม่ดีเป็นอันขาด”...
แท้จริงแล้วความคิดเช่นนี้ไม่ใช่พวกเราคิดเป็นคนแรกก่อนหน้านี้ก็มีเด็กวัยรุ่นในอดีตมากมายที่เคยมีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน ซึ่งเวลาที่พวกเขาคิดเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าพวกเขามีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก และก็เป็นความตั้งใจที่ดี แต่พอเอาเข้าจริง ๆ แล้ว พวกเขาเหล่านั้นกลับไม่สามารถที่จะทำในสิ่งที่ดีงามและควบคุมการประพฤติของตัวเองให้เป็นดั่งใจได้เลย...
มีเด็กวัยรุ่นหลายคนที่ตั้งใจว่าตัวเองจะตั้งใจเรียนหนังสือตั้งใจว่าจะไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจ จะไม่สูบบุหรี่ จะไม่ดื่มเหล้า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะไม่ทำผิดในเรื่องเพศ จะไม่ทำตัวให้ผู้อื่นเดือดร้อน จะไม่ทำในสิ่งที่ผิดกับมโนธรรมในจิตใจ...
แต่เมื่อพวกเขาเข้าสู่วัยที่กำลังจะพ้นจากสิทธิอำนาจของพ่อแม่แล้วความประพฤติต่าง ๆ ที่ไม่ดีเหล่านั้น ซึ่งพวกเขาคิดว่าจะไม่มีทางกระทำเลย ก็กลับปรากฏขึ้นในชีวิตของพวกเขาและเมื่อพวกเขาทำสิ่งเหล่านั้นแล้วอาจทำให้พวกเขารู้สึกผิดรู้สึกเสียใจ หรืออยากจะแก้ไขหรือตั้งต้นใหม่
แต่ถ้าวัยรุ่นเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขหรือไม่ได้รับการนำทางที่ถูกต้องแล้วต่อไปเมื่อพวกเขาเหล่านั้นกลายเป็นผู้ใหญ่ พวกเราก็พอจะคาดคะเนได้ไม่ยากเลยว่า สังคมต่อไปของประเทศเราจะเลวร้ายสักปานใด?...
ผู้นำทางชีวิตที่แท้จริง
จากข้างต้น ทำให้เราเห็นว่า เป็นการยากที่มนุษย์จะสามารถนำทางชีวิตของตนไปในทางที่ดีได้(โดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ) เพราะว่ามนุษย์เราถูกสร้างมาต้องให้มีผู้นำทางชีวิต...ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้กล่าวว่า เพราะเหตุที่พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างและเป็นเจ้าของชีวิตมนุษย์ ดังนั้นชีวิตมนุษย์เราทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจและภายใต้การดูแลของพระองค์ มนุษย์จึงจะสามารถเดินไปในทางที่ถูกต้องได้
แต่น่าเศร้าที่มนุษย์ปฏิเสธพระเจ้าผู้ทรงสร้างและไม่อยากให้พระองค์เป็นผู้นำทางชีวิต ชีวิตของมนุษย์ทุกคนจึงหลงไปจากพระองค์และเดินอยู่ในทางผิดบาป ซึ่งในที่สุดมนุษย์จะต้องรับโทษความผิดบาปหลังจากที่เขาจากโลกนี้ไปแล้ว
แต่พระเจ้าทรงรักมนุษย์ พระองค์ไม่ปรารถนาให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศในนรกเลย พระองค์จึงได้ทรงให้พระเยซูคริสต์พระบุตรองค์เดียวของพระองค์มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว เพื่อให้พระเยซูคริสต์เป็นผู้รับโทษความผิดบาปแทนมนุษย์บนไม้กางเขน...ดังนั้นหากผู้ใดที่หันมาเชื่อพึ่ง และยอมรับการช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็จะเป็นผู้รับโทษแทนเขา เพื่อเขาจะไม่ต้องรับการพิพากษาโทษจากพระเจ้าอีกต่อไป...
วัยรุ่นที่รักทุกท่าน...
ขณะนี้ท่านกำลังอยู่ในวัยที่กำลังจะพ้นจากสิทธิอำนาจของคุณพ่อคุณแม่ของท่านอยู่ใช่ไหม?...
ท่านเคยคิดว่าท่านสามารถควบคุมการประพฤติของตัวท่านเองได้ใช่ไหม?...
แต่เมื่อท่านมองดูชีวิตของท่านในเวลานี้ ชีวิตของท่านเป็นดั่งที่ท่านเคยคาดหวังไว้หรือไม่?ท่านทราบไหมว่า ถ้าท่านไม่ยอมอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพระเจ้าแล้ว ก็ยากที่ท่านจะสามารถมีชีวิตเป็นไปตามที่ท่านคาดหวังไว้... และเมื่อท่านเดินในทางที่ผิดหรือทำบางสิ่งบางอย่างที่ผิดพลาดแล้ว ไม่เพียงแต่มีผลกระทบต่อคุณพ่อคุณแม่และตัวของท่านเองเท่านั้น วันหนึ่งท่านจะต้องรับผิดชอบต่อพระเจ้าอีกด้วย...
แต่ในวันนี้...พระองค์ไม่ทรงปรารถนาให้ชีวิตของท่านเป็นเช่นนี้เลย พระองค์ทรงเข้าใจส่วนลึกในจิตใจของท่านว่า ท่านต้องการแก้ไขปรับปรุงชีวิตของท่านใหม่และอยากจะมีชีวิตที่ดีงาม แต่พระองค์ทรงทราบว่าท่านขาดกำลังและต้องการผู้ที่นำทางชีวิต..
.บัดนี้ ขอเชิญท่านกลับมาหาพระเจ้าผู้ทรงสร้างท่านและมอบชีวิตของท่านให้อยู่ภายใต้การดูแลของพระองค์เถิดเพราะพระองค์ทรงเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่จะสามารถนำทางชีวิตของท่านไปในทางที่ถูกต้องได้... พระองค์จะทรงให้กำลังแก่ท่านที่จะปฏิเสธสิ่งที่ไม่ดีและตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่ดีได้พระองค์ทรงสามารถเปลี่ยนแปลงวัยที่กำลังวุ่นของท่านให้เป็นวัยที่พร้อมจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมและเป็นที่ชื่นใจของคุณพ่อคุณแม่...
ถ้าท่านปรารถนาที่จะให้พระองค์เป็นผู้นำทางชีวิตของท่านแล้ว ท่านสามารถอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า... ข้าพระองค์ทราบดีว่าข้าพระองค์ไม่สามารถควบคุมแลดูแลชีวิตของตนเองให้เป็นไปตามที่ข้าพระองค์ตั้งใจ... ข้าพระองค์ของสารภาพว่าที่ผ่านมาข้าพระองค์ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นความผิดบาป ขอพระองค์ทรงโปรดยกโทษความผิดบาปให้แก่ข้าพระองค์และขอทรงปรับปรุงแก้ไขชีวิตของข้าพระองค์ด้วยเถิด...
ตั้งแต่นี้ไปข้าพระองค์ขอมอบชีวิตให้อยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพระองค์อย่างแท้จริงขออธิษฐานในนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน“
ถ้าท่านได้อธิษฐานตามข้อความข้างต้นด้วยใจจริงแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า ความผิดบาปของท่านได้รับการยกโทษแล้ว และพระองค์จะทรงนำทางชีวิตของท่านตลอดไป...
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
ข้อคิด-วัยรุ่น
https://www.blockdit.com/posts/61d83e0944d50e605d26e78a
สารบัญ Blockdit christianthai
https://www.blockdit.com/posts/62bc6a5483c9c7afe1978688
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6494669e4e915381ad23f92e
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
https://www.blockdit.com/series/6442a9778df4b54742d64a3f
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6443f153175a891238f59001
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ใบปลิวคริสเตียน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย