สำนวนไทยที่มาจากข้าว
"อัฐยายซื้อขนมยาย" สะท้อนภาพยายอยู่บ้านเลี้ยงหลาน มีเวลาทำขนมขาย เพราะขนมส่วนใหญ่ใช้แป้งข้าวที่ต้องผ่านกระบวนการแช่น้ำ โม่ ทับน้ำ แล้วนำมาผสมกะทิ น้ำตาล ซึ่งใช้เวลานาน เหมาะกับคนที่อยู่บ้านทั้งวัน ซึ่งก็คือยาย ผู้รับหน้าที่ดูแลหลานที่พ่อแม่ฝากไว้ก่อนไปทำนาทำไร่ อีกอย่างก็คือ เงินรายได้จากการขาย ยายก็นำมาแจกหลาน และเด็กกับขนมก็เป็นของคู่กัน แต่คนขายขนมในหมู่บ้านหรือตลาดสมัยก่อนอาจจะมียายขายอยู่เจ้าเดียว ก็เลยซื้อขนมยาย หรือถ้ามีหลายเจ้า ก็อาจจะชอบรสมือยายมากกว่า (...แล้วตกลงยายรับเงินจากหลานที่ซื้อขนมไม๊ ถ้ารับแล้วยายแจกหลานใหม่ไม๊)
"เล่นขายของ" สันนิษฐานว่าเด็กไทยสมัยก่อน ได้แบบอย่างของยายนำวัตถุดิบผลิตผลในครัวเรือนมาทำขนมขาย จึงเลียนแบบเอาสิ่งของจิปาถะในบ้าน ต้นไม้ใบหญ้า ดิน หิน ทรายมาสมมติเป็นสินค้าต่างๆ ขายให้เพื่อนพี่น้อง (ขณะที่เด็กฝรั่งเรียกว่า เล่นบ้าน หรือ play home)
"แน่เหมือนแช่แป้ง" "แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง" สะท้อนว่าถ้าเริ่มเตรียมสิ่งของอุปกรณ์แล้ว วางใจได้ว่าจะเดินหน้าทำให้สำเร็จไม่ล้มเลิกแน่นอน
"ข้าวใหม่ปลามัน" สะท้อนการเริ่มชีวิตคู่ ที่มีแต่สิ่งใหม่ๆ ดีๆ
"ข้าวยาก หมากแพง" สะท้อนอาหารหลักของคนไทยแต่โบราณคือข้าว และเคี้ยวหมากเป็นกิจวัตรประจำวัน เมื่อใดที่ 2 สิ่งนี้มีราคาแพง ขาดแคลน หายาก ประชาชนก็เดือดร้อนกันถ้วนหน้า
แต่วันนี้มีภาวะหมูแพง ต้องแปลงสำนวนว่า "หมูพุ่ง ไข่เด้ง แม่ค้าเพิ่มราคา ค่าครองชีพสูง รัฐกู้เงินมาเยียวยา เอาภาษีไปใช้หนี้ รีรีข้าวสาร 2 ทะนานข้าวเปลือก" : )
"ตำข้าวสารกรอกหม้อ" สะท้อนวิถีการกินอยู่ของครัวเรือนสมัยก่อน ต้องใช้ครกไม้ขนาดใหญ่ ตำข้าวเปลือกที่เก็บในยุ้ง ให้เปลือกแตก แล้วฝัดในกระด้งให้เปลือกข้าวหลุดปลิวไป ก่อนนำมาหุง โดยแต่ละครั้งจะตำไว้เผื่อหุงได้ 2-3 วัน หากตำข้าวเปลือกกินเฉพาะมื้อ ถือว่าไม่ได้วางแผนชีวิตและครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
