9 ม.ค. 2022 เวลา 13:26 • นิยาย เรื่องสั้น
#สี่ดรุณี,#เพื่อนกัน,#จันทร์เจ้าขาตอนพิเศษ,
สวัสดีเพื่อนๆ อีกครั้งนะครับ
ขออนุญาตแยกส่ง สี่ดรุณี กับเพลงด้วยข้อจำกัดเรื่องจำนวนคำครับ
สุขสันต์วันหยุด ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะครับ 😇❤️🙏🎵💙🥛🎶☕️
1
บทที่ 1 สี่ดรุณี
ตอนที่ 1 ภารดีปฏิพัทธ์
#บริเวณจุดนัดพบใกล้ประตูศรีสุดาวงศ์มุขเขตพระราชฐานชั้นในด้านตะวันตก,
ช้อย เอื้อมมือแตะข้อศอกของคุณหนูแย้มและคุณหนูพิศเบาๆ..ให้พากันขยับเดินเข้ามายืนรอใต้ร่มไม้ใหญ่..แทนที่จะยืนรอตรงบริเวณจุดนัดพบเดิม
เพื่อให้ห่างจากสายตาที่จ้องจับผิดของกลุ่มจ่าโขลน (เจ้าพนักงานหญิงคล้ายตำรวจในเขตพระราชฐาน)ที่กำลังมองมาที่ตน..
จากนั้นจึงเอ่ยเล่าเรื่องสนุกเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ให้คุณหนูแย้ม และคุณหนูพิศ ..ในระหว่างที่ยืนรอคุณหนูเกษรและคุณหนูเอมน้อย ความว่า..
“ในบรรดาชาววังช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว..
จนถึงช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นั้น คำว่า “เพื่อนกัน” ยังไม่มีปรากฏ เป็นที่นิยม และออกจะไปทางคำความหมายในแง่ลบ ด้วยซ้ำ.. เจ้าค่ะ
1
และ ถ้าจะเอ่ยอ้างถึง “เพื่อน” ก็ต้องบอกให้ชัดว่า “เพื่อนอะไร” เช่นว่า “เพื่อนเล่น” หรือ “เพื่อนคุย” ..
1
ด้วยสังคมของสาวชาววังในเขตพระราชฐานชั้นในมีแต่ผู้หญิง..
คำว่า “เพื่อน” ในที่นี้ จึงมิได้หมายถึงมิตรสหาย หรือผู้ที่คบหาชอบพอกัน..
แต่หมายเจาะจงถึง คู่รัก หรือ ชู้รัก นั่นเอง เจ้าค่ะ”..
“แล้วยิ่งถ้ามีใครเที่ยวบอกใครต่อใคร ว่า “เป็นเพื่อนกับใคร” ก็มักจะเป็นเหตุขึ้นได้..”
“ด้วยว่า..คำว่า “เล่นเพื่อน” เป็นคำแรง..เป็นคำห้าม และยังมีบทกำกับลงโทษไว้อีกด้วย..นะเจ้าคะ
1
ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เคยมีพระราชดำรัสเตือนพระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์ว่า
“…พ่อขอเสียเป็นอันขาดทีเดียว คิดถึงคำสั่งพ่อให้มากนักหนา อย่า “เล่นเพื่อน” กับใครเลย มีผัวมีเถิด แต่อย่าให้ปอกลอกเอาทรัพย์ของเจ้าไปได้…”
ดังนั้น ความสัมพันธ์อย่างคุณหนูเกษร ..กับช้อย จึงเรียกเป็น “คนรู้จักชอบพอกันมาแต่เด็กๆ”
หรือ คุณหนูพิศ กับ คุณหนูแย้ม และ คุณหนูเอมน้อย ก็จะเรียกว่า “กระบวนคนรู้จักชอบพอกัน จากในตำหนัก”..นะเจ้าคะ ”
คุณหนูแย้ม คุณหนูพิศ ได้ฟังแล้ว ก็อ้าปากกับเรื่องเล่าของช้อย พลางขยับปากพึมพำ ท่องคำว่า “กระบวนคนรู้จักชอบพอกัน จากในตำหนัก” วนซ้ำมาซ้ำไป..
ช้อย อมยิ้ม แล้วกระแอมไอครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะพักหยุดเล่าเรื่องสนุกของ “เพื่อน” สาวชาววัง กับคุณหนูพิศ และคุณแย้ม..ไว้เพียงแค่นั้น
จากนั้น ก็กวาดสายตามองหา คุณหนูเกษร และคุณหนูเอมน้อย ด้วยว่า เลยเวลานัดหมายมานานพอสมควร..
จนกระทั่ง ช้อยขยี้ตา เพ่งมองอีกครั้ง..จึงได้เห็นมือน้อยโบกไหวๆ อยู่เบื้องหน้าไกลๆ..
พร้อมกับเสียงทักทาย หวานใสจากคุณหนูเกษร และคุณหนูเอมน้อย ดังว่า
“ช้อย จ๋า..”
“ฉ๊อย จ๋า ..”
คุณหนูแย้มจึงหันมองตามเสียงทักทายนั้น พลางยิ้มกว้าง และ ส่งเสียงร้องทัก กลับไปว่า..
“นี่คุณพี่เกษร ไปทำธุระที่ไหนมาก่อน หรือเจ้าคะ..
คุณพี่เกษร ออกจากตำหนักก่อนแย้ม นานมากแล้ว แต่กลับมาถึงในเวลานี้ น่ะเจ้าคะ..”
คุณหนูเกษรได้ฟัง แล้วจึงรีบขยับเท้าเร่งเดินเร็ว จนมาถึง เบื้องหน้าคุณหนูแย้ม แล้วเอ่ยถามกลับ ด้วยเสียงกระซิบ กระซาบว่า..
“พี่เอง ก็อยากถามหนูแย้มเหมือนกัน ว่า หนูแย้มมาทางใดกันรึ ..ถึงได้มาถึงเร็วมาก แบบนี้?!?..”
คุณหนูแย้ม ทำตาโต แล้วตอบคุณหนูเกษร ว่า..
“แย้ม เดินออกจากประตูตำหนัก หันเลี้ยวซ้าย เดินตรงมา สักหน่อยเดียวก็ถึง แล้วเจ้าค่ะ..
แล้วคุณพี่เกษรล่ะเจ้าคะ คุณพี่มาทางใดนะเจ้าคะ?
คุณหนูเกษร หันหน้ามอง คุณหนูเอมน้อย แล้วหัวร่อชอบใจ ก่อนจะตอบว่า..
“ฮะฮะฮะ จากประตูตำหนักต้องเลี้ยวซ้าย อย่างหนูเอมน้อยบอก นี่เองนะคะ ฮะฮะฮะ..
พี่เกษรพาหนูเอมน้อย เลี้ยวขวา เลยเดินกันยาวนิดนึงนะคะ ..ฮะฮะฮะ..ไม่เป็นไรหรอกเนอะคะ หนูเอมน้อย..ฮะฮะฮะ ”
คุณหนูพิศ หันมองตาม เห็นสภาพ เหงื่อโทรมกาย ผ้าห่ม หลุดลุ่ย ผมเผ้ายุ่งเหยิงของคุณหนูเอมน้อยที่ยืนยิ้มสนุกอยู่ตอนนี้ แล้วถึงอุทานอย่างตกใจ ว่า..
“ถถถถถ.. ดูคุณหนูเอมน้อย สิเจ้าคะ ..ราวกับเดินไกลไปบางปะอินมาเลยนะเจ้าคะ..
นี่คงเดินหลงเลาะกำแพงในพระบรมมหาราชวัง อ้อมมาจากทิศตรงข้ามแน่ๆเลย ใช่มั้ยเจ้าคะ..
พี่ช้อยมาช่วยกันกันซับเหงื่อ และห่มผ้าให้คุณหนูเอมน้อย ก่อนที่จะหลุดมาที่ตาตุ่ม เร็วเถิดเจ้าค่ะ..”
สิ้นเสียงร้องเรียก..
คุณหนูพิศ คุณหนูแย้ม คุณหนูเกษร ก็รีบเข้ามารุมยืนบังล้อมคุณหนูเอมน้อยเอาไว้ ..
แล้วให้ช้อยจัดแจงช่วยห่มผ้าให้มิดชิดรัดกุม ..ขณะที่คุณหนูเอมน้อยบิดตัว หัวร่อส่งเสียงคิกคัก..
ทันใดนั้น จ่าโขลนที่จ้องอยู่ เมื่อเห็นอาการแปลกๆ และเสียงหัวเราะคิกคักจั๊กจี้ของคุณหนูเอมน้อย ก็เดินเข้ามาตรวจดู แล้วร้องทัก ด้วยเสียงอันดัง ว่า
“นี่ แม่สี่ดรุณี พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่รึ ?!?..”
คุณหนูเกษร เป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ จึงร้องตอบกลับไปว่า..
“พวกเรากำลังจะออกไปเดินเที่ยวเล่นซื้อของ ที่ประตูหน้าวัง กันเจ้าค่ะ..
แต่บังเอิญ น้องคนเล็กของพวกเรายังห่มผ้าไม่เก่งน่ะเจ้าค่ะ.. พวกเราเลยต้องยืนมะรุมมะตุ้มช่วยกันจัดแจงห่มผ้าให้แน่นรัดกุม ก่อนที่จะเดินผ่านประตู น่ะเจ้าค่ะ”
จ่าโขลนได้ยินดังนั้น จึงก้าวเท้ามา หมายที่จะตรวจดูข้อเท็จจริงจากคุณหนูเอมน้อย
“เสร็จ รรร หรือยังคะ ช้อย..”
คุณหนูเกษรกระซิบถามเบาๆ ขณะที่ช้อยขมวดคิ้ว กลั้นลมนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ .. พาดผ้าห่มไว้กับตัว ..
และดึงจับผ้าที่ห่มให้เข้าที่รัดกุม..แล้วตวัดห่มกลับคืนให้คุณหนูเอมน้อย
ก่อนที่จะพูดตอบว่า
“งามเสร็จพอดี แล้วเจ้าค่ะ”
จ่าโขลนที่เบียดแหวกช่องตรงคุณหนูแย้มได้ ก็เข้ามายืนประจันหน้ากับคุณหนูเอมน้อย แล้วเอ่ยถามว่า..
“นี่ หนูเป็นน้องของพี่ๆคนไหนกันแน่ รึ?!?”
คุณหนูเอมน้อยเงยหน้าขึ้นมองจ่าโขลน แล้วยิ้มกว้าง ตอบด้วยเสียงดัง ช้าๆ ฟังชัด โดยทั่วกัน ว่า
“หนูเอมน้อย มิได้เป็นน้องผู้ใดเจ้าค่ะ..
พวกเราเป็น “เพื่อนกัน” น่ะเจ้าค่ะ ฮะฮะฮะ
หนูเอมน้อย เป็น “เพื่อนรุ่นน้อง” ของพี่ๆน่ะเจ้าค่ะ
“เพื่อนกันทั้งนั้น” เจ้าค่ะ
ฮะฮะฮะ”
เสียงหัวเราะหลังคำตอบนั้นยังคงดังก้องสดใส..
ยาวนาน..
แต่บรรยากาศรอบตัว แม้แต่แมลง ก็พากันเงียบเสียงเบาลง เงี่ยหูฟังบทสนทนา ภารดีปฏิพัทธ์ ..ต่อจากนี้
ในขณะที่ช้อย ก็ยกมือขึ้นแปะหน้าผาก เงยหน้าขึ้นยิ้มแหยๆให้กับฟ้าและโชคชะตาของตน กับสี่ดรุณี..ต่อจากนั้น
จบบทที่ 1 ตอนที่ 1
#เกร็ดเพิ่มเติม
สี่ดรุณี ได้แก่
-คุณหนูเกษร (บุตรเจ้าสัวหง ซึ่งหลายปีต่อมาคุณเกษร ก็เป็นมารดาของคุณหนูฆฤณ) ..
คุณหนูพิศ (สาวลูกครึ่งชาววัดกุฎีจีน มารดาของคุณหนูพักตร์ และคุณหนูแพรในเวลาต่อมา)
คุณหนูแย้ม (สาวปักษ์ใต้เชื้อสายลูกครึ่งญี่ปุ่น)
คุณหนูเอมน้อย (คุณแม่ของคุณหนูพาในเวลาต่อมา)
ส่วนช้อย (ในเวลาต่อมาคือ “ครูแม่ช้อย” แห่งเรือนคัดสรร) คือ “เพื่อนแท้” ของ 4 ดรุณี
1
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
(T.Mon)
9/1/2022
-
โฆษณา