ชีวิตคุณในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง ผมสามารถทำนายได้เลย เมื่อคุณบอกผมมาว่าทุกวันนี้ คุณกำลังใช้เวลาชีวิตไปกับเพื่อนแบบไหน และกำลังเสพสื่อแบบไหนอยู่
รู้มั้ยครับว่าสภาพแวดล้อมของเรานั้น มีอิธิพลต่อตัวเราอย่างมาก ไม่ว่าจะจากคนที่เราเลือกคบ หรือสื่อที่เราเลือกเสพ
.
ซึ่งสาเหตุที่ชีวิตของเรานั้นจะได้รับอิทธิพลมาจากสภาพแวดล้อมที่คุณอยู่เป็นเพราะในตัวของมนุษย์ทุกคนมี “เส้นประสาทกระจกเงา” หรือ Mirror Neurons
.
เส้นประสาทกระจกเงา จะทำงานในเวลาที่เรานั้น
ทำอะไรบางอย่างอยู่ หรือแม้แต่เวลาที่เรามองผู้อื่นทำอะไรบางอย่าง เส้นประสาทกระจกเงาก็จะทำงาน
เพื่อให้เข้าใจง่ายผมจะยกตัวอย่าง
เวลาที่คุณกำลังดูหนังสยองขวัญ และถึงฉากที่ตัวละครอาจจะต้องถูกมีดแทงไปยังจุดสำคัญของร่างกาย ยิ่งถ้าหนังบิ้วเราไปกับฉากนี้มากเท่าไร
.
สังเกตตัวเองดูว่า เราจะรู้สึกเสียวๆในบริเวณเดียวกันกับที่ตัวละครถูกมีดแทง นี่แหละคือการทำงานของเส้นประสาทกระจกเงา
.
หรือเวลาที่เราเห็นคนไกล หรือคนใกล้ตัว (โดยเฉพาะถ้าหากเขาคนนั้นคือคนที่เรารักมากๆ) เวลาเราเห็นเขาได้รับคำชื่นชม หรือได้รับรางวัล ตัวเราเองก็เหมือนได้รับสิ่งนั้นไปด้วย
.
แม้แต่การดูคนทะเลาะ ดูคนด่ากันบนโลกออนไลน์
เคยสังเกตมั้ย พวกดราม่าต่างๆที่เราเสพกันเหล่านี้
เมื่อเราเสพไปแล้วเราจะรู้สึกเครียด หรือเวลาที่เราอินกับเรื่องของการเมือง “มากไป” เราก็จะเครียดไปเองโดยไม่รู้ตัว
.
เมื่อเห็นคนด่ากัน เส้นประสาทการด่าว่าคนอื่น
ของตัวคุณเอง มันก็จะทำงานตามสิ่งที่คุณเห็น แต่แค่มันทำงานน้อยกว่าเท่านั้นเอง มันจึงทำให้เวลาที่คุณเสพอะไรที่ลบๆ
.
จิตใจของคุณเอง มันก็จะลบไปตามๆกันกับเรื่องที่เสพ
สรุปโดยง่ายก็คือเส้นประสาทกระจกเงา
คือสิ่งที่ทำให้คนเราสามารถเรียนรู้ได้
จาก การฟัง การอ่าน การดู และที่สำคัญคือ มันจะเรียนแบบพฤติกรรมของผู้อื่น โดยที่เจ้าตัวก็อาจไม่รู้ตัว
.
ดังนั้นนี่คือสาเหตุว่า ทำไมผมถึงบอกว่าผมสามารถทำนายอนาคตของคุณในอีก 5 ปี ได้เมื่อคุณบอกผม
ว่าเพื่อนที่คุณคบตอนนี้เป็นยังไง และสื่อที่คุณเสพอยู่เป็นสื่อประเภทไหน ก็เพราะในตัวของมนุษย์มีเส้นประสาทกระจกเงานี่แหละ
.
ชื่อก็บอกอยู่ว่า “กระจก” เวลาที่เราดูเราเห็นอะไร
มันก็จะส้อนกลับมาในตัวเรานั้นเอง
ผมเป็นหนึ่งคนที่เคยมีแต่พลังงานลบๆในตัว
เพราะเนื่องจากช่วงหนึ่งของชีวิต ผมเลือกที่จะเสพแต่เรื่องของข่าวดราม่าที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อชีวิต ดูแต่คนด่ากันทั้งวัน วันๆไม่ทำอะไร
.
หรือแม้แต่ดูการเมือง และอินหนักไป แน่นอนทุกวันนี้ผมก็ยังดูอยู่ แต่ผมจะไม่เอาใจไปจมหนักกับมันอย่างเคย
.
และนอกจากสื่อที่ผมเสพแล้ว ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นเรื่องลบๆ ไม่มีอะไรที่ดีต่อชีวิตเลย ผมยังเลือกคบเพื่อนที่มีแต่พากันไปกินเหล้าเมายาอีกด้วย ดังนั้นชีวิตช่วงหนึ่งของผม มันจึงเต็มไปด้วยพลังงานลบๆ
.
เมื่อผมไปเจอเพื่อนๆที่ไหน ก็มีแต่คนอึดอัดกับผม
ไม่มีใครอยากคุยด้วยกับผม ช่วงนั้นผมแทบจะกลายเป็นคนไม่มีเพื่อนไปเลยล่ะครับ
.
สาเหตุมันก็เพราะมาจากสื่อที่เสพ และเพื่อนที่คบ
เมื่อผมใช้เวลาไปกับคนและสื่อแบบนี้มากๆ
เส้นประสาทกระจกเงาของผม ก็จะเรียนรู้ เรียนแบบสิ่งเหล่านี้เอง ทำให้ผมกลายเป็นแบบที่ผมอยู่ด้วย
แต่เมื่อผมเลิกใช้เวลากับสื่อและเพื่อนประเภทนี้
และหันไปเสพแต่สื่อที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น
หันมาพัฒนาตัวเอง
.
พูดง่ายๆก็คือ “เสือกเรื่องชาวบ้านน้อยลง”
“เสือกเรื่องตัวเองเยอะขึ้น”
.
ชีวิตผมก็ดีขึ้นตามคุณภาพสื่อที่ผมเสพ และผมก็เปลี่ยนสังคมที่อยู่ ไปอยู่กับคนดีๆ คนที่เวลาเรา
มีปัญหาอะไรก็ช่วยเรา เราผิดอะไรก็เตือนเรา
.
ไม่ใช่อย่างก่อนที่มีแต่เพื่อน จะพาผมไปดื่มเหล้าเมายาและเมื่อผมเปลี่ยนเวลาในชีวิต มาใช้กับสื่อที่มีคุณภาพ มาใช้กับคนที่มีคุณภาพ หนังสือที่มีคุณภาพ
.
เส้นประสาทกระจกเงาของผมก็เรียนรู้ เรียนแบบ
โดยที่ตัวผมเองไม่รู้ตัว และผมก็กลายมาเป็นคนที่มีพลังงานดีๆขึ้นกว่าแต่ก่อน ที่นี้เพื่อนๆเริ่มอยากเข้าหามากขึ้นกว่าก่อน
ดังนั้นตอนนี้คุณรู้แล้วว่าการใช้เวลาไปกับอะไร
มันจะทำให้คุณเป็นไปอย่างนั้น ผมก็หวังว่าคุณจะนำความรู้ที่ได้ตรงนี้ไปปรับใช้กับชีวิตได้ไม่มากก็น้อย
.
เคยได้ยินคำนี้มั้ยครับ “กินอย่างไรได้อย่างนั้น”
เช่นกันครับ “คุณใช้เวลาไปกับอะไร คุณก็จะเป็นคนอย่างนั้น”
.
หากอยากประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ลองเอาชีวิตตัวเองไปใช้เวลากับคนที่สำเร็จ
.
หรือไม่หากหาคนสำเร็จในชีวิตจริงๆไม่ได้ ก็เอาเวลาไปเสพสื่อ หรือ ไปฟังเรื่องราวคนที่เขาสำเร็จ
.
ยิ่งเราใช้เวลาไปกับสิ่งนี้มากเท่าไร ท้ายสุดเราก็จะกลายเป็นสิ่งที่เราเสพนั้นแหละครับ
#FolkThanasit
ปล. เนื้อหาบางส่วนหยิบยกมาจากหนังสือ
“กรรมตามสมอง”
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
