11 ม.ค. 2022 เวลา 03:07 • ความคิดเห็น
“เราเคยเจอปัญหาแบบนี้ไหม ทำงานเยอะทำอย่างไรก็ไม่เสร็จสักที หรือต้องหอบเอางานกลับมาทำที่บ้านแทบทุกวัน หรือ ใช้เวลาหมดไปกับการทำงานมากมายแต่ผลลงานออกมาก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด”
....
หากเราเคยเจอ หรือ กำลังเจอกับปัญหาเหล่านี้ POMODORO Technique หรือ เทคนิคมะเขือเทศ ช่วยเราได้
เพราะ POMODORO Technique เหมาะกับคนที่มีสิ่งรบกวนจิตใจในเวลาที่ต้องการจดจ่อกับงานสำคัญสักชิ้น หรือ ต้องการใช้สมาธิกับการคิดอะไรใหม่ๆ แต่ดันต้องมีอะไรบางอย่างเข้ามารบกวนจิตใจจนสมาธิแตกกระเจิง หรือ ตอนที่อยากอ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบใจจะขาดแต่ก็ไม่สามารถเพ่งความสนใจไปที่หนังสือได้เลยจริงๆ หรือ บางครั้งการที่เราจมอยู่กับงานเป็นเวลานานๆ เพราะต้องการให้งานเสร็จ แต่ผลงานที่ได้กลับมีคุณภาพต่ำกว่าที่คาดเอาไว้แถมสุขภาพก็ย่ำแย่เพราะเกิดจากการโหมทำงานหนักอีก
“มองช่วงเวลางานให้เป็นมะเขือเทศ 1 ลูก”
Pomodoro อ่านว่า โพโมโดโระ มาจากภาษาอิตาลี แปลว่ามะเขือเทศ Francesco Cirillo ได้เริ่มพัฒนาเทคนิคมะเขือเทศนี้ขึ้นในช่วงปลายปี 1980 เพราะเขาพบว่าตัวเองมีปัญหากับการบริหารเวลาในตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย และเขาก็ไม่ค่อยมีสมาธิ หรือไม่สามารถจดจ่อกับการทำงานได้ สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาว้าวุ่นมาก เขาต้องพยายามดึงสติตัวเองให้กลับมาจดจ่อกับการเรียนหรือการทำงานให้ได้อย่างน้อยสัก 10 นาทีก็ยังดี
เขาบอกว่า สิ่งที่เราต้องทำมันง่ายมากเลย ปกติแล้วเราอาจจะจดรายการสิ่งที่ต้องทำในวันนี้เอาไว้ในสมุดแพลนเนอร์ หรือในมือถือ แล้วรีบทำสิ่งเหล่านั้นให้เสร็จไปเลยแบบเอาเป็นเอาตาย แต่เทคนิคมะเขือเทศ เขาต้องการให้เราแบ่งงานเหล่านั้น ออกเป็นงานย่อยๆ ให้เหมาะสมกับช่วงเวลา 25 นาที เพราะนี่คือเวลางานทั้งหมดของเรา หรือ อีกนัยนึงมันคือมะเขือเทศ 1 ลูกของเรานั่นเอง
“ให้เวลา 25 นาทีสำหรับการทำงาน และ 5 นาทีสำหรับเวลาพัก”
หากจะอธิบายให้ชัดเจนก็คือ เรามีเวลาในการทำงานครั้งละ 25 นาที เมื่อหมดเวลา 25 นาทีเราต้องพักอีก 5 นาที ก่อนจะเริ่มทำงานใหม่ใน 25 นาทีถัดมา ตั้งเวลาของเราไม่ว่าจะในโทรศัพท์หรือนาฬิกาปลุกก็ตาม ตลอดเวลา 25 นาที ขอให้มุ่งความสนใจไปที่งานนั้นงานเดียวจนกว่าเสียงนาฬิกาจับเวลาจะดังขึ้น เมื่อ 25 นาที หรือมะเขือเทศลูกแรกจบลง ให้จดบันทึกสิ่งที่เราทำเสร็จเอาไว้ แล้วอย่าลืมที่จะมีความสุขกับตัวเองในการพักผ่อนตลอด 5 นาทีของเรา หลังจากผ่านมะเขือเทศไปแล้ว 4 ลูก ให้เพิ่มเวลาในการพักผ่อนมากขึ้นเป็น 15-30 นาที เพื่อรีสตาร์ทตัวเองอีกครั้ง
“การพัก 5 นาที หมายถึง การเอาสายตาของเราออกให้ห่างจากทุกหน้าจอ”
การแบ่งสัดส่วนช่วงเวลาทั้งหมดไม่ได้ถูกสร้างมาให้เท่ากัน เพราะฉะนั้นในช่วงเวลาการทำงานของเรามันเกิดขึ้นโดยที่เราจะต้องจดจ่ออยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยไม่มีการกดเปลี่ยนไปที่ Facebook Twitter หรือ Website เลย เมื่อช่วงเวลาการทำงานในตอนนั้นหมดลงแล้ว สมองของเราก็จะต้องการการพักผ่อนที่อยู่นอกหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็รวมไปถึงมือถือของเราด้วยเช่นกัน อย่าไปแตะต้องมัน แนะนำว่าให้เราลองลุกขึ้น หมุนตัวไปรอบๆ บิดขี้เกียจสักหน่อย หรือ เดินออกไปข้างนอก กินขนม มองนก มองไปนอกหน้าต่าง เราจะพบกับการพักผ่อนที่ช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้ดีกว่าการนั่งเล่นมือถือเสียอีก
“ขนาดมะเขือเทศขึ้นอยู่กับคนกิน งานก็เช่นกัน ต้องแบ่งงานให้พอเหมาะสำหรับแต่ละช่วงเวลา 25 นาที”
สำหรับงานบางประเภทก็ต้องการขยายเวลาในแต่ละช่วง ลองคิดถึงงานประเภท การเขียนโค้ด การเขียนงาน การแต่งเพลง 25 นาทีเป็นเวลาที่สั้นเกินกว่าจะทำอะไรได้เสร็จ ลองเพิ่มระยะในการทำงาน แต่ต้องไม่ลืมเพิ่มระยะเวลาพักด้วยเช่นกัน การศึกษาของ DeskTime พบว่าการทำงาน 52 นาทีและการพัก 17 นาทีเป็นความช่วงเวลาที่สมดุลที่สุด สำหรับบางคนที่รู้สึกว่ามีแรงต้านหรือความฟุ้งซ่านทางจิตใจมาก จนทำให้เราไม่สามารถจดจ่อกับงานได้เป็นเวลา 25 นาที ให้ลองใช้ช่วงเวลา 15, 10 หรือ 5 นาทีแทน
ผลจากงานวิจัย และประสบการณ์ตรงจากคนที่ลองใช้เทคนิคมะเขือเทศนี้ ทุกคนพบว่าพวกเขามีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมและเรื่องราวที่น่าประหลาดใจอย่างมาก การทำงานแบบค่อยๆทำไปทีละอย่างช่วยทำให้รู้สึกผิดธรรมชาติ รู้สึกถึงการถึงจุดหมายและได้เริ่มเป้าหมายใหม่ที่รวดเร็ว เพราะความรู้สึกอยากทำงานให้ทัน 25 นาทีนั้น จึงทำให้ความจดจ่อกับงานเกิดขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว และมันเพลินจนรู้ตัวอีกทีก็หมด 25 นาทีแล้ว และการบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นและปล่อยให้ตัวเองได้พักจากหน้าจอคอมหรือมือถือ ก็ทำให้พบว่ามันรู้สึกดีกว่าจริงๆ ในตอนเลิกงาน ก็รู้สึกเครียดน้อยลง อาการตาพร่ามัวและตะคริวก็ลดลงตามไปด้วย
Pomodoro Technique หรือ เทคนิคมะเขือเทศ จึงเป็นอีกทางเลือก ของกระบวนการทำงานที่จะช่วยรักษาเวลาและเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและคุณภาพในการทำงานให้กับเรา โดยที่จะไม่ลืมที่จะรักษาสุขภาพของตัวเราเองเอาไว้ด้วยเช่นกัน
...
ออมเงินได้มากขึ้น กับสิทธิประโยชน์จาก JCB กว่า 100 ร้านค้าได้ทุกวันตลอดทั้งปี ที่ร้านอาหารชั้นนำ แพลตฟอร์มการสั่งอาหาร ส่วนลดการจองที่พัก การชำระเงินรูปแบบ e-wallet บริการรถเช่า ประกันการเดินทาง Pocket WiFi และส่วนลดจากร้านค้าชั้นนำอีกมายมายทั้งหน้าร้านและแพลตฟอร์มออนไลน์ พิเศษสำหรับลูกค้าบัตรเครดิต JCB เท่านั้น สนใจคลิก https://www.facebook.com/JCBCardThailandTH
#JCBThailand #JCBใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา #JCBOwnHappinessOwnStory
#ThePractical #มนุษย์เงินเดือนพันธุ์ใหม่
โฆษณา