Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
CREATIVE TALK
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
12 ม.ค. 2022 เวลา 05:19 • ธุรกิจ
7 เรื่องที่องค์กรต้องเข้าใจทีมงาน เพื่อการทำงานในปี 2022
1
ก้าวเข้าสู่ปี 2022 แล้ว หนึ่งสิ่งที่หลายๆ องค์กรให้ความสำคัญในแผนการดำเนินงานในแต่ละปีนั้นหนีไม่พ้นเรื่องของ “ทีมงาน”
1
เพราะความท้าทายขององค์กรในปีนี้เป็นผลกระทบจากเรื่อง The Great Resignation ที่เป็นเรื่องใหญ่ของปี 2021ดังนั้นโจทย์ใหม่ของปี 2022 จึงเป็นเรื่องของการเปลี่ยนผ่านจาก “องค์กร” เป็น “บุคคล” และจาก “ฉัน” เป็น “เรา”
1
บทวิเคราะห์ของ Korn Ferry พบว่าองค์กรต่างๆ จำเป็นต้องเข้าใจและพัฒนาทั้ง 7 ด้าน ต่อไปนี้ คือ 1. การเปลี่ยนแปลงองค์กร 2. ภาวะขาดแคลน 3. พลังชีวิต 4. ความยั่งยืน 5. ปัจเจกภาพ 6. ความเป็นพวกพ้อง และ 7. ภาระรับผิดชอบ เพื่อการพัฒนาทั้งตัวองค์กรและทีมงานไปพร้อมๆ กัน
1
1. ด้านการเปลี่ยนแปลงองค์กร
อนาคตการทำงานจากนี้ไปเต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย ไม่ว่าจะด้วยปัญหาสภาพแวดล้อมหรือโลกดิจิทัลที่เร่งรัด ไหนจะปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน และปัญหาห่วงโซ่อุปทาน จนทำให้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทุกองค์กรต้องงัดทุกกระบวนท่าออกมาเพื่อปรับตัว และปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรเพื่อให้อยู่รอด พูดได้ว่าหากปี 2020 และ 2021 คือ ปีแห่งการปรับโครงสร้างการทำงานแบบไม่คาดฝัน ปี 2022 นี้ก็คือ ปีที่องค์กรจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง โดยในข้อนี้ เราก็มีอยู่ 6 ข้อย่อยที่จะมาช่วยแนะนำว่าสิ่งที่องค์กรต้องปรับเปลี่ยนนั้นมีอะไรบ้าง
1
‘6 สิ่งที่องค์กรต้องปรับเปลี่ยนในปี 2022’
1.1 ‘เปลี่ยนรูปแบบแพลตฟอร์มและตลาดซื้อขาย’
เพราะธุรกิจยุคใหม่มีการกระจายตัวอย่างรวดเร็วทำให้เกิดรูปแบบของงานรวมถึงวิธีการทำงานและโครงสร้างทางธุรกิจแบบใหม่ๆ ขึ้นมา ทำให้หลายองค์กรต้องหันมาให้ความสำคัญกับการเพิ่มและยกระดับทักษะของทีมงาน รวมถึงหาการจ้างงานแบบเป็นโปรเจ็คต์
1
1.2 ‘คิดแบบลื่นไหล’
รูปแบบโครงสร้างทีมงานจะแบนขึ้น และจะไม่มีการแบ่งเป็นลำดับขั้นอีกต่อไป เป็นรูปแบบองค์กรที่ใครก็สามารถเข้าถึงหัวหน้าได้ และองค์กรต้องหาหัวหน้าที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและกระตุ้นการทำงานรูปแบบใหม่ได้ทั่วทั้งองค์กร ผู้นำด้านบริหารจะต้องกลายเป็นผู้นำแบบ “เถ้าแก่” และการทำงานแบบโครงการจะต้อง “เปิด” เสมอ เพื่อตอบรับรูปแบบการทำงานที่หลากหลายของคนในทีม แต่ไม่ก่อให้เกิดการแบ่งแยกพรรคพวก โดยกว่า 69% ของบริษัทชั้นนำมองหาทีมงานที่ยืดหยุ่นและช่างสงสัยมากกว่ามองแค่ประวัติการทำงานเพียงอย่างเดียว
1
1.3 ‘สร้างความหลากหลายในองค์กรเพื่อให้ได้เข้าใจคนแต่ละกลุ่ม’
องค์กรจำเป็นต้องจ้างคนจากหลากหลายกลุ่มความสามารถเพื่อสร้างกลยุทธ์ในการจัดการแบบเฉพาะกลุ่ม เพราะสินค้าและการบริการในยุคนี้เป็นแบบเฉพาะกลุ่ม การทำความเข้าใจความคิดของคนแต่ละแบบจึงต้องอาศัยทีมงานที่หลากหลาย
1
1.4 ‘ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์’
องค์กรจำเป็นต้องดูว่าเครื่องมือหรือเทคโนโลยีกับความสามารถของทีมงานสามารถเสริมกันและกันได้อย่างไร นัยหนึ่งองค์กรต้องมี “Digital Natives” ที่เรียนรู้ได้ไว ปรับตัวเก่ง แถมยังเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และอีกนัยหนึ่ง องค์กรก็ต้องการ “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล” ที่จะคอยประสานความสัมพันธ์กับคนภายในองค์กร นำด้านการเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมขององค์กร มีความเข้าใจเทคโนโลยีใหม่ๆ และมีประสบการณ์ในการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อน
1
1.5 ‘จัดรูปแบบการทำงานทางไกลแบบใหม่’
โรคระบาดที่ผ่านมาทำให้เกิดการทำงานแบบ WFH และการทำงาน Hybrid ซึ่งองค์กรจะต้องรู้ว่าการทำงานแบบไหนทำงานทางไกลได้ดี และเปลี่ยนการทำงานให้เป็นจังหวะเดียวกันของทีมให้เป็นการทำงานตามจังหวะของละคนเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุดของบุคคล
1
1.6 ‘สร้างการร่วมมือกันจากหลายวงการ’
ปี 2022 จะเป็นปีแห่ง Collaboration ซึ่งจะสร้างให้เกิดงานรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเรื่องเทคโนโลยีผสมเข้ากับการค้าปลีก จนเกิดเป็นการซื้อของผ่านโลกเสมือน หรือแผนการทำ Metaverse ของ Meta กำลังจะสร้างงานอีกกว่าพันตำแหน่งในยุโรป
1
2. ภาวะขาดแคลน
ปัญหาการขาดแคลนทีมงานในปี 2022 ยังไม่หายไปไหน เพราะในสหรัฐฯ ประเทศเดียวก็มีตำแหน่งงานกว่า 11 ล้านตำแหน่งที่ยังว่าง การปรับตัวขององค์กรในปีนี้จึงไม่ใช่แค่การหาทีมงานที่เหมาะสม แต่รวมถึงการรักษาคนที่ยังอยู่และพัฒนาศักยภาพของคนเหล่านั้นด้วย
1
มีเรื่องน่าสนใจบอกว่ากว่า 50% ของทีมงานที่องค์กรมีในตอนนี้จะต้องพัฒนาทักษะภายในปี 2025 และองค์กรจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับทีมงานที่ยังอยู่กับองค์กร ไม่ว่าจะเรื่องค่าตอบแทน , สวัสดิการและผลประโยชน์ต่างๆ , ความสำเร็จ รางวัล และเรื่องของ DE&I (ความหลากหลาย ความเท่าเทียมและความเป็นพวกพ้อง) ยื่นข้อเสนอดีๆ เพื่อรักษาทีมงานเอาไว้ รวมถึงเรื่องของการจ้างทีมงานใหม่ๆ ที่องค์กรจะต้องมองหาคนปรับตัวเก่งเรียนรู้ไว และมีทักษะสำคัญ อย่าง soft skills ที่จำเป็นต่ออนาคต แทนการมองว่าจบอะไรมา
1
3. ด้านพลังชีวิต
มีรายงานว่าพนักงานกว่า 89% ประสบปัญหา Burnout และ 81% ประสบปัญหา Burnout มากกว่าตอนช่วงแรกเริ่มของโรคระบาด
1
สุขภาวะและสวัสดิการของพนักงานจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ที่องค์กรต้องคำนึงถึงในแผนงานปีนี้ เพื่อดูแลการทำงานของทีมงานและการทำงานร่วมกับองค์กรให้ดีขึ้น เพราะฝั่งพนักงานก็ต้องการให้องค์กรมีความเห็นใจในฐานะมนุษย์มากขึ้น และมีความเข้าใจคนทำงานเรื่องการทำงานแบบยืดหยุ่น ให้สวัสดิการด้านสุขภาพที่เพียงพอ คอยดูแลความเป็นไปของพนักงาน และปลูกฝังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์ขององค์กร เพื่อช่วยทีมงานให้มีพลังงานพอเพื่อเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่หนักหนาต่างๆ
1
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าองค์กรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาวะของพนักงาน ส่งผลต่อเรื่องการลางาน ประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงความพอใจโดยรวมของพนักงานด้วย และเพื่อเป็นการเพิ่มสุขภาวะให้กับทีมงาน องค์กรอาจลองตั้งคำถามเหล่านี้กับทีมงาน เช่น พนักงานชอบงานที่ทำอยู่ไหม และงานนี้เชื่อมโยงกับเป้าหมายในชีวิตพวกเขาหรือเปล่า?หรือพวกเขามีงานอดิเรกที่ดีไหม? และพวกเขามีช่องทางทางการเงินที่เพียงพอที่จะสนับสนุนตัวเองและครอบครัวหรือเปล่า? แล้วสุขภาพร่างกายโดยรวมของพนักงานเป็นอย่างไร? มีความสามารถในการปรับตัวอย่างยืดหยุ่นกับสถานการณ์ความเครียดหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นไหม?
1
4. ด้านความยั่งยืน
1
ในขณะที่คนทั้งโลกให้ความสำคัญกับเรื่องของ ESG (Environmental, Social, and Governance) เรื่องของ Sustainability หรือความยั่งยืน ก็เป็นสิ่งที่องค์กรต้องหันมาใส่ใจกับเรื่องนี้อย่างจริงจังเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า ลูกค้า พันธมิตร หรือว่าทีมงาน ทุกฝ่ายต่างก็อยากมีส่วนร่วมกับองค์กรที่ให้ความเอาใจใส่ในเรื่องของสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งองค์กรต้องยอมรับว่าการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวไม่สามารถพาองค์กรไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้ การเปลี่ยน mindset และ skillset เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ซึ่งก่อนที่จะปรับเรื่องของ ESG (Environmental, Social, and Governance) และ Sustainability ให้อยู่ในแผนการดำเนินงานขององค์กรแล้ว องค์กรจะต้องตั้งคำถามสำคัญ 5 คำถามดังต่อไปนี้
1.
ทำไมองค์กรและทีมงานต้องทำสิ่งนี้ ทำเพื่อให้ใครประทับใจ และมีมาตรการในการวัดผลสำเร็จอย่างไร
2.
คณะกรรมการของบริษัทต้องทำอะไรบ้างเพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) และ Sustainability
3.
องค์กรจะดึงทีมงานใหม่ๆ พัฒนาศักยภาพทีมงานที่มีเพื่อผลักดันกลยุทธ์ด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) และ Sustainability ได้อย่างไร
4.
องค์กรจะใช้กลยุทธ์ด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) และ Sustainability อย่างไร
5.
องค์กรจะสร้างวัฒนธรรมและ mindset ด้านส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างไร
เหตุผลที่คำถามเหล่านี้มีความสำคัญ เพราะจากการสำรวจพนักงานกว่า 71% พบว่าพวกเขาเลือกที่จะทำงานกับองค์กรที่ได้เงินน้อยลงแต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) และ Sustainability แม้แต่ด้านลูกค้าเองก็ยังเลือกที่จะอุดหนุนองค์กรที่สนับสนุนหรือใส่ใจด้านนี้มากกว่า 7 เท่า นอกจากนี้การพัฒนาอย่างยั่งยืนยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตในระยะยาวได้
5. ด้านปัจเจกภาพ
วิกฤตโรคระบาดทำให้รูปแบบการทำงานในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อพนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ หลายๆ คนก็อยากเลือกทำงานที่ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง และยังต้องการความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว ปี 2022 จึงเป็นปีของพนักงานที่แท้จริง
จากการสำรวจพนักงานกว่า 36% เตรียมตัวที่จะเปลี่ยนงานภายในอนาคตอันใกล้ เพราะรู้แล้วว่าตัวเองต้องการทำงานแบบไหน องค์กรจึงต้องหันมาดูแลพนักงานในแบบเดียวกับที่ดูแลลูกค้า ซึ่งก็คือการดูแลแบบเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดสรรงาน เส้นทางการทำงาน การเรียนรู้และการพัฒนาของทีมงานก็แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล พนักงานต้องได้รับอิสระและการสนับสนุนในแบบที่แต่ละคนต้องการ เมื่อเข้าถึงทีมงานในระดับปัจเจกภาพได้แล้ว องค์กรเองก็จะเข้าใจพนักงานแต่ละคนได้ลึกซึ้งขึ้น การนำองค์กรและวัฒนธรรมองค์กรจึงมีความเปิดกว้างมากขึ้นด้วย
ซึ่งทาง Korn Ferry ก็ได้คาดการณ์ว่าหลายๆ องค์กรจะทำตามแบบอย่างดังนี้มากขึ้น
●
เลิกวิเคราะห์พนักงานแบบเป็นกลุ่มเหมารวม แต่มองเป็นปัจเจกมากขึ้น
●
ลดละเลิกมาตรการ กระบวนการทำงาน หรือระบบต่างๆ ที่ยุ่งยาก เหลือเพียงกระบวนการง่ายๆ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน
●
ปลูกฝังความสามารถในการจัดการให้กับทีมงานทุกคน
●
พิจารณาโอกาสแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น ผ่านกระบวนการคัดเลือกพนักงานตลอดชีวิตการทำงานของพวกเขา
6. ด้านความเป็นพวกพ้อง
ในปี 2022 นี้เราจะพบกับการเติบโตขององค์กรที่นำด้วยวัตถุประสงค์มากขึ้น เกิดการรวมพลังภายในองค์กรมากขึ้น โดยไม่คำนึงถึงเพศ อายุ เชื้อชาติ หรือศาสนา และองค์กรเองก็ต้องคำนึงถึง ‘คนกลุ่มน้อย’ และ ‘เสียงที่ไม่มีใครได้ยิน’ มากขึ้น และเปลี่ยนผ่านจาก “ฉัน” เป็น “เรา”
มีงานวิจัยพบว่า ทีมงานที่มีความหลากหลายและมีความเป็นพวกพ้องสูง สามารถจัดการปัญหาที่ซับซ้อนและตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าทีมอื่นๆ ถึง 87% แต่การต้องรับมือกับความหลากหลายมากๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้นำทีมจึงต้องไม่มีอคติ และสามารถแบ่งงานกระจายงานได้อย่างมีคุณภาพ รวมถึงต้องสร้างวัฒนธรรมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อที่ทุกคนจะรู้สึกว่าเสียงของตัวเองนั้นถูกได้ยิน และตัวเองมีคุณค่าหรือมีตัวตนในทีมด้วย ซึ่งทาง Korn Ferry ก็มีวิธีการพัฒนา DE&I (Diversity, Equity, and Inclusion) 4 ข้อดังนี้
1.
พัฒนาหัวหน้าทีมทุกระดับให้มีความคิดด้านการเป็นพวกพ้องเดียวกัน โดยจากการสำรวจพบว่ามีหัวหน้าเพียง 5% เท่านั้นที่มีความคิดในการรวบรวมคนในทีมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
2.
ให้หัวหน้าทีมรับผิดชอบ หนึ่งในวิธีการที่ได้ผลที่สุดในการจัดการเรื่อง DE&I ให้อยู่ในทีมนั้น คือการให้หัวหน้าทีมเป็นผู้รับผิดชอบ3.ตั้งให้ DE&I เป็นเรื่องหลักขององค์กร การจัดการปัญหาด้านอคติของแต่ละคนแต่เนิ่นๆ เป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบ DE&I
3.
ตั้งให้ DE&I เป็นเรื่องหลักขององค์กร การจัดการปัญหาด้านอคติของแต่ละคนแต่เนิ่นๆ เป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบ DE&I
4.
ทำให้ DE&I เป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมขององค์กร ด้วยการสร้างทีมที่มีความหลากหลายสูงๆ ในทีมสำคัญๆ อย่าง R&D หรือ Customer Services
7. ด้านภาระรับผิดชอบ
การแพร่ระบาดของไวรัสในช่วงสองปีที่ผ่านมาทำให้องค์กรจำเป็นต้องให้พนักงานทำงานที่บ้าน แต่คำถามหลักๆ ที่แทบจะทุกองค์กรมี คือ พนักงานทำงานจริงๆ ไหม? จากการสำรวจล่าสุดพบว่ากว่า 78% ขององค์กร ใช้ซอฟต์แวร์ที่ติดตามวัดผลการทำงานของพนักงาน และนั่นก็เกิดคำถามในฝั่งพนักงานเช่นกันว่า “องค์กรจะสนใจทำไม ในเมื่อฉันทำผลงานออกมาอยู่ดี”
ปีนี้จึงจะเป็นปีแห่งการตั้งความคาดหวังที่ชัดเจน การเช็คอินอย่างสม่ำเสมอ การให้ feedback อย่างต่อเนื่อง และการตั้ง deadline เพราะฉะนั้นจะมีแค่พนักงานที่มีวินัยเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้
ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นนี้รวมถึงกลุ่มฝ่ายบริหารเช่นกัน ผู้บริหารเองก็จะต้องรับผิดชอบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภายในหรือภายนอกบริษัท ถ้าฝ่ายบริหารไม่ทำแล้วล่ะก็ องค์กรเองก็เสี่ยงที่จะเสียทีมงานที่ดีไปเช่นกัน
7.1 'ความรับผิดชอบระดับองค์กร'
องค์กรจะต้องมีความโปร่งใสมากขึ้น ยอมรับความผิดพลาดต่อสาธารณะชนให้ได้มากเท่ากับความสำเร็จที่ได้รับ ความโปร่งใสนี้ส่งผลดีต่อทั้งภาพลักษณ์ต่อลูกค้า พันธมิตร และที่สำคัญทีมงานเอง องค์กรต้องหันมาดูรูปแบบการบริหารของตัวเองใหม่ การวัดผล และโครงสร้างต่างๆ ขององค์กรนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับโลกหรือไม่
7.2 'ความรับผิดชอบระดับผู้บริหาร'
ผู้นำจะต้องมองความหมายของคำว่า ภาระรับผิดชอบ ใหม่ โดยเฉพาะเรื่องของการทำงานที่เป็นแบบไม่ว่าจะทำที่บ้าน หรือ แบบ hybrid ซึ่งมาจากความต้องการของทีมงานที่จะยืดหยุ่นให้มากขึ้น บริหารทีมแบบเถ้าแก่ ไม่ใช่แบบลำดับขั้น
7.3 'ความรับผิดชอบระดับบุคคล'
พนักงานแต่ละคนจะได้รับมอบหมายให้ตัดสินใจเองและหาวิธีการทำงานในแบบตัวเองได้มากขึ้น แต่ละคนในทีมจะต้องมองเห็นวัตถุประสงค์ของทีมร่วมกันว่าการตัดสินใจหรือการทำงานของแต่ละคนมีผลต่อความสำเร็จของทีมได้อย่างไร
นอกจากนี้ยังมี 5 วิธีที่หัวหน้าจะสร้างความรับผิดชอบภายในทีมได้ ซึ่งก็คือ
1.
สื่อสารและมีส่วนร่วมกับทีมเสมอ
2.
คิดถึงคำว่า “เรา” ไม่ใช่แค่ “ฉัน”
3.
จัดการประชุมที่มีประสิทธิภาพ
4.
เปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
5.
การสร้างความรับผิดชอบให้เกิดในบุคลากรทุกระดับ จะทำให้เกิดความเชื่อใจ และเกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ให้ความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของ และความมั่นใจ
และหากมองภาพรวมของทั้ง 7 เรื่องที่องค์กรต้องเข้าใจเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพในปี 2022 แล้ว เราจะเห็นได้ว่าทุกด้านแม้จะมีพนักงานหรือทีมงานเป็นแกนหลักที่องค์กรต้องปรับตัวเข้าหา แต่ในทางกลับกัน เมื่อองค์กรได้ให้ในสิ่งที่ทีมงานต้องการแล้ว องค์กรเองก็หวังว่าทีมงานจะมีความสุขในระยะยาวและสร้างสรรค์ผลงานที่ดีมีประโยชน์ต่อองค์กรต่อไปด้วยเช่นกัน เพราะหากไม่มีทีมงานก็ไม่มีองค์กร และถ้าองค์กรอยู่ไม่รอด ทีมงานก็อยู่ไม่รอดเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อจะสร้างความสำเร็จได้ตลอดรอดฝั่ง ล้วนต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกันและกันจากทุกๆ ส่วน
ที่มาของข้อมูล Korn Ferry – The 7 areas dominating future of work trends in 2022 -
https://www.kornferry.com/insights/featured-topics/future-of-work/2022-future-of-work-trends
เยี่ยมชม
creativetalklive.com
CREATIVE TALK | ธุรกิจ ความคิดสร้างสรรค์ และการพัฒนาตัวเอง
พื้นที่ของการแบ่งปันความรู้เรื่องธุรกิจ ความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาตัวเอง การตลาด และนวัตกรรมใหม่ ๆ
9 บันทึก
5
9
9
5
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย