12 ม.ค. 2022 เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เบื้องหลัง HAVAL SUV และ ORA Good Cat
ด้วยแผนการตลาด “เราให้มากกว่ารถญี่ปุ่น”
“Ora Good Cat”, “Haval” เชื่อว่าหลายคนต้องได้ยินแบรนด์รถยนต์สองยี่ห้อนี้ผ่านหูกันมาบ้างในฐานะยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกๆที่ได้เข้ามาทำการตลาดในไทย และรถยนต์ SUV ที่ได้รับความสนใจอย่างล้มหลามจากแฟนรถยนต์ทั่วประเทศ
แต่เรารู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วแบรนด์รถยนต์สองยี่ห้อนี้เป็นใครมาจากไหน? ในบทความนี้เราจะพามาทำความรู้จัก “Great Wall Motor” บริษัทแม่ของ Ora Good Cat, Haval ไปพร้อมกัน!!
#Great Wall Motor ทำอะไร?
Great Wall Motor เป็นบริษัทรถยนต์เอกชนสัญชาติจีนที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1984 (38 ปีที่แล้ว) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เป่าติ้ง มณฑลเหอเป่ย
ซึ่งที่มาของชื่อ Great Wall มาจากคำว่า Great Wall of China หรือกำแพงเมืองจีนที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
เริ่มแรกบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการผลิตรถบรรทุกที่เน้นความทนทานในการใช้งานเป็นหลัก และได้ต่อ ยอดชื่อเสียงไปผลิตรถกระบะ Pickup จนสามารถตีตลาดได้สำเร็จและได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้งาน
หลังจากนั้น Great Wall Motor จึงได้แตกไลน์การผลิตไปสู่กลุ่มแมสมากขึ้น ด้วยการขายรถยนต์ Sedan และรถยนต์ SUV ที่เราเห็นกันจนถึงปัจจุบัน
Great Wall Motor ได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อปลายปี 2003 ในรหัส HKG: 2333
และยังได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ในปี 2011 ในรหัส SHA: 601633
1
ซึ่งปัจจุบัน Great Wall Motor เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกเลยก็ว่าได้ โดยเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะเกิดสถานการณ์วิกฤตไวรัสแต่บริษัทก็ยังสามารถขายรถยนต์ไปได้กว่า 1.1 ล้านคันทั่วโลก รวมถึงได้เริ่มตีตลาดไทยผ่านการซื้อโรงงานของ Chevrolet ที่ถอนตัวกลับสหรัฐ
#Great Wall Motor มีแบรนด์อะไรในเครือบ้าง?
1. HAVAL (ขายในไทยแล้ว)
แบรนด์รถยนต์ที่เน้นเฉพาะรถ SUV ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2013
2. ORA (ขายในไทยแล้ว)
แบรนด์รถยนต์ที่เน้นผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2018
3. WEY (ยังไม่ขายในไทย)
แบรนด์รถยนต์ SUV แบบพรีเมี่ยมที่ก่อตั้งในปี 2016 ตามชื่อผู้ก่อตั้งบริษัท “Jack Wey”
4. GMW PICKUP (ยังไม่ขายในไทย)
แบรนด์รถยนต์ที่เน้นผลิตรถกระบะโดยเฉพาะ ประกาศแยกตัวออกมาในปี 2018
5. TANK (ยังไม่ขายในไทย)
แบรนด์รถยนต์ที่เน้นผลิตรถยต์แบบ Off Road (รถยนต์ที่นำไปผจญภัยในทางทุรกันดารโดยเฉพาะ)
จะเห็นได้ว่ารถยนต์แต่ละแบรนด์ของ Great Wall Motor จะแบ่งแยกรถแต่ละประเภทได้อย่างชัดเจน แตกต่างจากรถยนต์แบรนด์อื่นๆที่ภายในหนึ่งแบรนด์จะมีทั้งรถเอสยูวี รถซีดาน และรถกระบะรวมอยู่ด้วยกัน
รายได้และกำไรของ Great Wall Motor ที่ผ่านมา
ปี 2018 มีรายได้ 110,209 ล้านฮ่องกงดอลลาร์ กำไร 5,928 ล้านฮ่องกงดอลลาร์
ปี 2019 มีรายได้ 104,975 ล้านฮ่องกงดอลลาร์ กำไร 5,030 ล้านฮ่องกงดอลลาร์
ปี 2020 มีรายได้ 120,409 ล้านฮ่องกงดอลลาร์ กำไร 6,365 ล้านฮ่องกงดอลลาร์
#ยอดขายรถยนต์
ยอดส่งมอบรถยนต์ของ Great Wall Motor ในครึ่งปีแรกของปี 2021 บริษัทได้ส่งมอบรถยนต์ไปกว่า 6 แสนคัน เป็นอันดับที่ 8 ในจีน และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 4.8% ของตลาดรถยนต์จีน
ซึ่งรถยนต์ที่ขายดีและสร้างชื่อเสียงให้กับ Great Wall Motor ก็คือรุ่น Haval H6 เป็นรถยนต์ที่ครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ของตลาด SUV ในจีนมาหลายปีซ้อน
#เติบโตในจีนและขยายสู่ทั่วทุกมุมโลก
ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในจีนเพียงอย่างเดียว ปัจจุบัน Great Wall Motor ได้ขยายกำลังการผลิตและจำหน่ายรถยนต์รุ่นต่างๆของบริษัทสู่ประเทศอื่นๆในโลกด้วยเหมือนกัน โดยบริษัทมีโรงงานที่ดำเนินการมากกว่า 14 แห่ง (ยังไม่รวมอินเดียและไทย) ตั้งอยู่ภายในจีน 9 แห่ง และต่างประเทศอีก 5 แห่ง (ยอดการส่งออกของบริษัทคิดเป็นประมาณ 10% ของยอดขาย)
ซึ่งโรงงานที่จังหวัดระยองในไทย (Great Wall Motor ซื้อโรงงานจาก General Motor เจ้าของ Chevrolet) ถือเป็นโรงงานการผลิตรถยนต์แบบเต็มรูปแบบในต่างประเทศแห่งที่ 3 ของบริษัทรองจากโรงงานในประเทศรัสเซียและอินเดีย
2
ถึงแม้ว่าบริษัทจะยังทำการตลาดรถยนต์อยู่เพียงแค่ 3 รุ่นเท่านั้นในไทย คือ Haval H6, Haval Jolion, และ Ora Good Cat แต่ไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ Great Wall Motor สามารถตีตลาดและเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมากเลยทีเดียว ด้วยการนำเสนอ Option ที่ติดมากับรถยนต์แบบจัดหนักจัดเต็มกว่ารถใน segment เดียวกันของยี่ห้ออื่น โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆในไทยร่วม 9 รุ่นด้วยกันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
(รถป้ายแดงบางยี่ห้อกั้ก Option กันเล็กๆน้อยๆ ซะจนผมสงสัยว่าดึงออกแค่นี้มันจะลดต่นทุนได้ซักกี่บาท ทำเสียความรู้สึก)
BottomLiner
โฆษณา