31 ม.ค. 2022 เวลา 00:00 • ธุรกิจ
9 วีธี “ก้าวข้ามความกลัว” สู่ความสำเร็จ
สิ่งที่ผมจะแชร์ต่อไปนี้ เป็นวิธีที่ผมใช้ในก้าวข้ามความกลัวมาได้
หวังว่า 9 วิธีนี้จะช่วยให้ทุกคน
ที่กำลัง “กลัว” ไม่กล้าทำบางสิ่งบางอย่างที่เป็นเรื่องดี ที่จะทำให้ชีวิตเราก้าวหน้า…สามารถก้าวข้ามความกลัว และมีชีวิตในแบบที่ต้องการได้
ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลยยย!!!
1.มองโลกตามความเป็นจริง
ความกลัวส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เรามองโลก “เกินความเป็นจริง”
บางทีผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ที่เป็นผลกระทบเชิงลบ
มันอาจจะเกิดขึ้น หรืออาจไม่เกิดขึ้นก็ได้
แต่เราชอบมโนภาพ เกินความเป็นจริง
จึงทำให้เรากลัวมากจนไม่กล้าลงมือทำ
หรือเดินต่อไป
ฉะนั้น “จงฝึกมองโลกตามความเป็นจริง”
แล้วชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้น และสามารถก้าวข้ามความกลัวไปได้
2.ตั้งคำถาม
เช่น…ผลกระทบร้ายแรง ที่มีโอกาสเป็นเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?
ตอนนั้นผมพบคำตอบว่า…ร้ายแรงที่สุดคือ
เขาก็แค่ปฏิเสธ เงียบ ทำหน้าตาไม่พอใจ หรือไม่คุยกับเรา มากไปกว่านั้นอาจจะโดนด่า แต่ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้น ถ้าเราทำในสิ่งที่ดี
จากนั้นให้ลองถามตัวเองต่อว่า
ถ้าเราทำได้ ทำสำเร็จ ผลที่จะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?
คำตอบที่ผมได้คือ…ธุรกิจเติบโต ชีวิตเปลี่ยน ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ..ซึ่งเป็นชีวิตที่ผมอยากได้มากกกกกกกๆ
เมื่อรู้คำตอบแล้ว ก็คงรู้แล้วว่า…
จะหยุดอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร ปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามยถากรรม หรือตัดสินใจทำทั้งๆที่กลัว
เพราะถ้าสำเร็จชีวิตเปลี่ยน ได้ชีวิตที่ต้องการ
แต่ถ้าไม่สำเร็จ ผลที่ร้ายแรงที่สุดก็ไม่น่ากลัวแบบคอขาดบาดตาย
ถ้างั้นก็ สู้โว้ยยยยยยย
3.ทำทั้งๆที่กลัว
ไม่มีคนสำเร็จคนไหนไม่กลัว
แต่สิ่งที่เขาต่างจากเราก็คือ
เขา “ทำทั้งๆที่กลัว”
ไม่มีความกล้าไหน ปราศจากความกลัวแบบ 100%
ในความกล้าจะมีความกลัวผสมอยู่เสมอ
ที่ผมได้เล่าในบทความที่ผ่านมา
เพื่อนๆคงจำได้ว่า
ผมกลัวคนปฏิเสธของที่ผมขาย กลัวคนรอบข้างมองว่าเราขายของ กลัวว่าคนอื่นจะมองเรายังไง และยังรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำมากๆ
ที่ผมรู้สึกกลัวก็เพราะว่า…
ตั้งแต่เด็กจนโต ผมขายแรงแลกเงินมาโดยตลอด
ไม่เคยขายของเลย จึงทำให้ผมกลัวงานขายมากๆ
ซี่งตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมไม่ค่อยมีความสุขเลย
บางทีถึงกับร้องไห้ กับความไม่ได้ดังใจตัวเอง
จนถึงจุดหนึ่ง ผมทนไม่ได้กับอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเอง…ธุรกิจไม่เติบโต และชีวิตก็ไม่ก้าวหน้า
ผมจึงตัดสินใจแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง ด้วยการ…
“ทำทั้งๆที่กลัว”
4.สวมจิตวิญญาณของนักวิทยาศาสตร์
ผมได้วิธีนี้มาจาก การที่ผมเรียนจบสายวิทมา
เราก็แค่ลองทำ ลองพูด ลองขายดู
โดยมีแนวคิดว่า…ถ้าเราทำแบบนี้ เขาจะมีปฏิกิริยากับเรายังไงน๊าาา(เหมือนผสมสารตัวนั้นใส่กับสารตัวนี้ แล้วดูปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น)
***โดยไม่คาดหวังว่าเขาจะซื้อหรือไม่ซื้อ
5.หาสิ่งเปรียบเทียบ
ตอนนั้นผมหาสิ่งเปรียบเทียบเพื่อให้ตัวเองเข้าใจธรรมชาติของงานขายมากขึ้น
ด้วยการไปดูพ่อค้าแม่ค้าที่หาบของเร่ขายตาม บขส. คนขายพวงมาลัยตามสี่แยกไฟเเดง และพนักงานแจกโบว์ชัวร์ตามห้างต่างๆ
ผมพบว่า…ไม่ว่าเราจะขายหรือทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่
คนจะปฏิเสธมากกว่าตอบรับเสมอ
อย่างยาสีฟันคอลเกต ที่ขายมานานแสนนานก็เช่นกัน
เขาเองก็ไม่สามารถ ทำให้ทุกบ้านใช้ยาสีฟันของเขาได้….แล้วเราเป็นใคร จะทำให้ทุกคนซื้อสินค้าของเรา
6.กลัวชีวิตที่ไม่ประสบความสำเร็จ
ตอนนั้นสิ่งที่ผมกลัวมากๆคือ
ไม่อยากเรียนจบมา แล้วทำงานประจำไปตลอดชีวิต
อยากมีรายได้ 6 หลักก่อนอายุ 30 ปี
เพื่อที่จะได้มี “อิสระในการเลือกใช้ชีวิต
แต่พอมองดู เส้นทาง “งานประจำ” ไม่สามารถให้ได้แน่ๆ….ถ้าได้ก็คงต้องเป็นเส้นทางของการทำ “ธุรกิจส่วนตัว”
ผมก็เลยตัดสินใจทำธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่เรียนอยู่ในมหาลัย…แต่ช่วงต้นใช่ว่าจะไปได้สวย อย่างที่เล่าให้เพื่อนๆฟังเมื่อตอนต้น
ผมกลัวการปฏิเสธ กลัวคนรอบข้างมองว่าเราขายของ กลัวคนอื่นจะมองเรายังไง และรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำมากๆ
แต่สิ่งที่ผมกลัวมากกว่าคือ กลัวได้ไปทำงานประจำ กลัวมีชีวิตที่เลือกไม่ค่อยได้…กลัวชีวิตที่ไม่ประสบความสำเร็จ
เลยเป็นแรงผลักดัน และแรงกดดันให้ผมทำทั้งๆที่กลัวได้
7.มีเพื่อนร่วมทาง
เพื่อนๆลองจินตนาการดูครับ
ถ้าสมมุติเราเดินเข้าไปในป่ามืดๆคนเดียว เราจะกลัวมากแค่ไหน…และถ้าสถานการณ์เดียวกัน แต่มีเพื่อนไปด้วย 2-3 คน หรือมากกว่านั้น
ยิ่งมีเพื่อนมากเท่าไหร่ ความกลัวก็จะลดน้อยลงเรื่อยๆ
ตอนนั้นผมมีพี่ชายเป็นเพื่อนร่วมทาง
และพี่แกค่อยข้างที่จะมีความกลัวน้อยกว่าผม
เราทั้งสองเริ่มสร้างธุรกิจไปด้วยกัน
ผมเห็นแกกล้าลุย กล้าทำ แล้วได้ผลลัพธ์
เลยทำให้ผมอุ่นใจ กล้าที่จะลองทำดู
ฉะนั้นเราอาจจะลองหาคู่บัดดี้ หรือคนที่ผ่านมาก่อนสักคน…เพื่อเป็นที่ปรึกษา พูดคุย คอยให้คำแนะนำเรา หรือดูเขาเป็นแบบอย่าง…จะช่วยทำให้เราก้าวข้ามความกลัวได้ง่ายขึ้น
8.เปลี่ยนมุมคิด
เปลี่ยนจากที่เราคิดว่าจะไปเอา ไปขาย
เป็นการไปให้ข้อมูล ความรู้ ประชาสัมพันธ์
หรือโปรโมทสิ่งที่เรากำลังทำ
นำเสนอเพื่อเป็นทางเลือก
ไม่ใช่นำเสนอเพื่อที่เขาจะต้องซื้อ
“คิดจะให้มันเบา คิดจะเอามันหนัก”
9.รู้ลึกรู้จริงในสิ่งที่เราทำ
ต้นช่วงที่ผมเริ่มทำธุรกิจ
ผมยังไม่ค่อยรู้ลึกรู้จริงในสิ่งที่ทำเท่าไหร่
จึงทำให้ไม่ค่อยมั่นใจ
พอไม่มั่นใจ ก็เลยทำให้ผม “กลัว”
ผมเลยกลับมาตั้งใจเรียนรู้
เรียนรู้แบบ รู้ลึก รู้กว้าง
เรียนรู้ตลอดชีวิต
จึงทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น
และความกลัวก็ลดน้อยลง
ขอให้ทุกคนโชคดี!!! สู้ๆครับ✌️✌️✌️
I can do, You can do, Yes we can!!
#พื้นที่แห่งความสำเร็จ
#SPACEsMindset
#SPACE_S
💎👑❤️🤝
โฆษณา