14 ม.ค. 2022 เวลา 05:00 • สุขภาพ
เมื่อทั้งบ้านพร้อมใจกันเป็นปากนกกระจอก
โรคที่ทำให้ไม่อยากยิ้ม ไม่อยากพูดคุย
และไม่อยากกินอะไร
ก็มันเจ็บอ่ะ!!🤨
1
เคยเป็นกันมั้ยคะ ปากนกกระจอกเทศ เอ้ย!! ไม่ช่ายยยย ปากนกกระจอก
ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไร แต่ก็ทำให้เจ็บ และทำให้รอยยิ้มเหงาๆ แลเศร้าๆพอประมาณ
โรคปากนกกระจอก เป็นโรคที่เกิดการอักเสบบริเวณมุมปากด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง มุมปากเป็นแผลและมีรอยแตก ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวปากไม่ค่อยได้ ปากเจ็บ!!
ทำไมถึงเรียกว่าปากนกกระจอก เรไรไม่นำภาพมาให้ดูชัดๆ เพราะดูแล้วไม่ค่อยน่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ ที่เรียกว่าโรคปากนกกระจอก ก็เพราะว่าเมื่อเป็นแล้ว และเนื้อบริเวณมุมปากอักเสบ มันดูคล้ายๆ ปากของนกกระจอก เขาว่ากันมาแบบนี้ค่ะ
โรคปากนกกระจอกเกิดจากอะไร
โรคปากนกกระจอกไม่ใช่โรคติดต่อ และเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มักจะเป็นก็ต่อเมื่อร่างกายอ่อนแอมีภูมิต้านทานต่ำ
สาเหตุส่งให้เกิดโรคนี้
1. เกิดจากการติดเชื้อ พวกเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส เช่นเชื้อเริมที่ริมฝีปาก
2. การขาดสารอาหาร มักเกิดจากการขาดวิตามินบี2 หมอเลยเน้นให้กินข้าวกล้องป้องกันโรคปากนกกระจอก
3. ปัญหาจากโรคผิวหนัง เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก
4. เกิดจากภาวะน้ำลายออกมากกว่าปกติ เช่นคนที่นอนน้ำลายไหลมุมปาก คนที่พูดแล้วน้ำลายเอ่อมุมปาก ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังที่มุมปาก และทำให้เกิดแผลได้
5. ผู้สูงอายุที่ไม่มีฟัน หรือฟันเรียงไม่เป็นระเบียบ ทำให้รูปปากผิดปกติและมีน้ำลายขังเอ่ออยู่บริเวณมุมปากทำให้เกิดการติดเชื้อจนเกิดเป็นแผล
6. ริมฝีปากแห้ง จากการเลียปากหรืออากาศหนาวเย็น
7. การแพ้หรือระคายเคือง เช่น แพ้อาหาร แพ้ลิปสติก หรือยาสีฟัน ซึ่งมักเกิดการระคายเคืองทั่วทั้งริมฝีปาก
8. ผู้เชี่ยวชาญบางท่านบอกว่า โรคปากนกกระจอกอาจเกิดจากปัญหาของระบบภูมิคุ้มกันได้ด้วย หรืออาจเกี่ยวข้องกับความเครียด การสูบบุหรี่ ฯลฯ
1
อาการของโรคปากนกกระจอก เชื่อว่าใครๆหลายๆคนเคยได้สัมผัสมาแล้ว
เป็นโรคนี้ทำให้รอยยิ้มมัวหมอง ยิ้มได้ไม่เต็มที่ ฉีกยิ้มที แผลก็ปริตาม เป็นการทรมานปานกลางถึงมากเลยทีเดียว คันแถวมุมปาก เคลื่อนไหวปากมากอาจมีเลือดซึม ปากบวม แผลมีสะเก็ด แตกตึง แลดูไม่น่าเสวนาด้วย เพราะเหมือนคนไม่ค่อยสะอาดสะอ้านสักเท่าไหร่
ป้องกันอย่างไรล่ะ เจ้าโรคปากนกกระจอก
1. กินอาหารมีวิตามินบี2 ที่รู้กันดีคือกินข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ เนื้อปลา ถั่ว ผักใบเขียว
2. กินอาหารมีธาตุเหล็ก พวกเนื้อแดง ไข่แดง ธัญพืช ใบกะเพรา
3. เลิกนิสัยเลียปาก เลียมุมปาก กัดปาก
4. เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้แพ้ อย่างพวกลิปสติก ยาสีฟัน ที่ใช้แล้วเกิดการระคายเคือง
 
5. ดูแลรักษาริมฝีปาก เช่น ทาปากด้วยลิปปาล์ม น้ำมันมะพร้าวเพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื่นไม่แห้ง และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
แล้วทำไมบ้านเรไรถึงพร้อมใจกันเป็นปากนกกระจอก ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และโรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ เรไรพยายามหาคำตอบจนได้รู้ว่า อ้อ เจ้ายาสีฟันนั่นเองที่ทำให้หมู่เฮา...ปากแตก!!
ข้าวกล้องก็กิน เรื่องอาหารการกินมั่นใจได้ สุขภาพร่างกายของแต่ละคนก็โอเค เรไรเลยหาข้อมูล เลยไปจ๊ะเอ๋กับสาเหตุที่บอกว่าแพ้หรือระคายเคือง จากลิปสติก หรือยาสีฟัน อืมมม!! ข้อนี้น่าคิด ลิปสติกตัดทิ้ง เพราะเรไรใช้อยู่คนเดียว เจ้ายาสีฟันเป็นแน่แท้!! ที่สำคัญไม่ใช่แค่มุมปากเป็นแผลปริ ริมฝีปากลอกเป็นขุยอีกด้วย
ชัดแล้ว ชัดเลย!!
ทำให้ย้อนนึกไปตอนปีใหม่...แม่ๆ ยาสีฟัน ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง แม่เรไรหยิบใส่ตะกร้าทันทีด้วยเป็นคนประหยัดคาบเกี่ยวขี้เหนียวนิดๆ 😄 เมื่อเริ่มใช้ก็รู้สึกไม่ค่อยถูกใจในรสชาติสักเท่าไหร่ แต่เอาน่า..ซื้อมาแล้วใช้ไปเหอะ ใช้ไปๆ ไม่นาน ทั้งบ้านก็ปากแตก!!
2
เมื่อหาสาเหตุเจอก็เลิกไยดียาสีฟันสองหลอดนั้น จะไม่บอกว่ายี่ห้ออะไร🙄 เปลี่ยนเป็นยาสีฟันที่เคยใช้อยู่นั่นแหละ และระดมทาวาสลีนให้ทุกคนรวมทั้งตัวเองด้วย ละเลงทาปากก่อนนอนทุกคืน สุดท้ายหายกันแล้วจ้า🤗
1
สรุปแล้วยาสีฟันก็ทำให้เป็นโรคปากนกกระจอกได้ จริงๆ คอนเฟิร์ม!!
3
การแพ้ยาสีฟัน เป็นการแพ้สารลดแรงตึงผิวที่เป็นตัวทำละลายในยาสีฟัน พวกสารกันเสียหรือว่าพาราเบน รวมทั้งฟลูออไรด์ในน้ำมันหอมระเหยแต่งกลิ่นก็อาจทำให้เกิดการแพ้ได้
ยาสีฟันเป็นเหตุ สังเกตได้!!
ตอนนี้ทุกคนยิ้มได้เต็มที่ ปากไม่ปริแล้ว💚🍃
ดูแลสุขภาพกันนะคะ
สวัสดีมีความสุขค่ะ
🙏🙏🙏😊😊😊
โฆษณา