13 ม.ค. 2022 เวลา 15:39 • การศึกษา
ปีสุดท้ายที่ทำวิทยานิพนธ์ เรารู้ตัวว่าไม่มีเงินลงทุนทำผลงานดีๆ แม้จะได้ทุนสนับสนุนแต่ก็ใช้จนหมด และไม่พอ ตอนนั้นทำงานกี่ชิ้นก็พังๆๆๆ
ไฟล์เอกสารก็ติดไวรัส จนต้องเริ่มพิมพ์ใหม่ทั้งหมด หาช่างช่วยประกอบงานก็ไม่มีใครรับ ตอนนั้นพ่อมาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดอีก เรากลับบ้านไปเยี่ยม และต้องบอกแกให้เตรียมใจว่าเราคงจะเรียนไม่จบในปีนั้น
เหลือเวลาไม่ถึงเดือน กับงานที่แก้ไม่ได้ จนอาจารย์เรียกพบ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา เราพบว่ามีอีกทางหนึ่งที่เรายังไม่ได้ลองทำ เรียนมาแต่ทฤษฎีแต่ก็ไม่เคยทำวิธีนั้นมาก่อน จึงเริ่มทำใหม่ เสี่ยงทำดู ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายในเวลาที่เหลือน้อยนิด และถ้าวันนั้นเพื่อนไม่สละคิวตนเองให้ใช้เครื่องจักร เราก็อาจจะทำงานไม่ทัน!
และเราก็ทำมันสำเร็จ! แต่ผ่านเพียงครึ่งหนึ่งของงานทั้งหมด เรายังขาดอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ถ่ายรูป ทำเล่ม และติดตั้งงาน จัดพื้นที่นำเสนอ ก่อนวันสอบจบอีกไม่ถึง 7 วัน
สมัยก่อนไม่มีอินเตอร์เนท เราต้องเปิดสมุดหน้าเหลืองหาเบอร์ที่เราคิดว่าเป็นช่างทั่วจังหวัด โทรศัพท์หยอดเหรียญไล่โทรทีละคน จนเจอช่างคนหนึ่งที่พอจะรับงานได้ เราต้องไปไหว้ขอร้องช่าง ให้ลัดคิวทำให้เราก่อน บังคับช่างทำให้เสร็จภายใน 5 วันด้วย แถมกดราคาค่าแรง จนช่างด่ากลับ! 😁 เพราะมีเงินก้อนสุดท้ายแค่นั้น ช่างก็ยอมทำเพราะสงสารค่ะ
ต่อมาก็เหลืออุปกรณ์จัดฉาก เราสำรวจรอบมหา'ลัย เล็งสิ่งของที่ยกได้ เพื่อที่จะขโมยมาจัดฉากชั่วคราว โดยย่องไปยกมาเก็บในที่ลับตอนเที่ยงคืน พอตี 2 นัดกับเพื่อนคนนึงใส่โม่งไปขโมยหินใส่กระสอบ ณ..ที่สาธารณะแห่งหนึ่ง ขโมยให้เสร็จภายในคืนเดียว
รุ่งเช้าตี 5 ฟ้ามืด จ้างรถขนสมบัติทั้งหมดก่อนผู้คนมาเห็น เพื่อไปสถานที่จัดสอบ
จำได้ว่า อาจารย์และเพื่อนๆ ตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าเราจะมาสอบ และงานก็สมบูรณ์จนทุกคนอึ้งกิมกี่!.. เบื้องหลังก็คือประการฉะนี้ โหด! เลว! ดี!
แม้จะแก้ปัญหาแบบผิดๆ บ้าง แต่พอหลังชนฝา ก็เกิดวิถีการเอาตัวรอด ใช้พลังทุ่มทั้งหมดค่ะ
โฆษณา