14 ม.ค. 2022 เวลา 10:58 • หนังสือ
#สรุปหนังสือ 𝐓𝐡𝐞 𝐎𝐛𝐬𝐭𝐚𝐜𝐥𝐞 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐖𝐚𝐲 : อุปสรรคคือทางออก
1. ยุคข้าวยากหมากแพง ทำมาหากินยากลำบาก โรคระบาดไม่ดีขึ้น ผมเข้าใจเลยว่าหลายคนกำลังท้อแท้ เหนื่อยหน่าย บางคนสิ้นหวังในชีวิต ทั้งกับสิ่งที่ควบคุมได้ และสิ่งที่เกินควบคุม ผมขอเป็นตัวแทนให้กำลังใจทุกคนที่กำลังเจอปัญหาที่หนักใจ ขอให้ทุกคนก้าวผ่านไปได้ และอยากเห็นรอยยิ้มทุกคนอีกครั้งครับ
2. ก่อนอื่นขอแจ้งก่อนว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ช่วยให้ทุกคนเจอทางออกด้วยการบอกว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ไม่ได้บอกทุกคนให้มองแต่แง่ดี จนหลุดจากความจริง แต่จะยกตัวอย่างการมองปัญหาด้วยมุมมองที่แปลกใหม่ แต่ให้กำลังใจได้ด้วย หลายคนอาจคิดว่ามุมมองนั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ไม่ผิดครับ เพราะหน้าที่ของเราคือหามุมมองเฉพาะตัวที่สมองของเรายอมรับ และเชื่อมันจริงๆ (ประเด็นนี้สำคัญมาก!) หวังว่าเล่มนี้จะช่วยให้ทุกคนค้นพบมุมมองที่ทำให้มีความหวัง และมีกำลังใจที่จะต่อสู้มากขึ้นนะครับ
3. มาร์คัส ออเรลิอัส จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมัน เคยกล่าวไว้ว่า “การกระทำของคนเราอาจถูกยับยั้งได้ แต่ไม่มีสิ่งใดที่ยับยั้งเจตนาและความเป็นตัวตนของเราได้ มนุษย์เรามีความสามารถในการปรับเปลี่ยนและดัดแปลง ความคิดของเราจะเปลี่ยนอุปสรรคที่พบเจอให้กลายเป็นสิ่งเกื้อหนุนเจตนารมณ์ของเรา”
4. หนึ่งสิ่งที่แน่นอนก็คือ ไม่มีใครไม่เคยเจอปัญหา ไม่มีใครที่ไม่ต้องดิ้นรน ในเมื่อเราต้องพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำไมเราไม่ตั้งค่ามุมมองใหม่ ว่าอุปสรรคเหล่านี้แท้จริงได้มอบของขวัญล้ำค่าให้เราเสมอ
5. คุณคงเคยได้ยิน Quote เหล่านี้บ้าง
 
“สิ่งที่ใดที่ฆ่าเราไม่ตาย จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น” หรือ
“No Pain, No Gain” หรือ
คำกล่าวของเบนจามิน แฟรงกลิน ที่ว่า “สิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดนั้นเปรียบเสมือนครู”
 
สังเกตได้ว่า ความเจ็บปวด ความลำบาก ความทุกข์ทรมานก่อนบรรลุผ่าน นั้นมอบคุณค่าของความสำเร็จให้กับเรา ดังนั้น เราอาจมองว่า ความยากลำบากที่เราพบเจออยู่ตอนนี้ จะเป็นเรื่องเล่าที่เราภูมิใจอย่างมากเมื่อวันที่เราผ่านมันมาได้ 📌📌
1
6. สองอย่างที่คุณต้องเชื่อเมื่อเจอปัญหา อย่างแรกคือ เชื่อว่าหนทางยังคงมีอยู่เสมอ และเชื่อว่า ถ้าหรี่ตาดูดีๆ คุณจะพบประโยชน์จากวิกฤติครั้งนี้อีกด้วย
7. สามขั้นตอนในการก้าวข้ามอุปสรรค #ปรับเปลี่ยนมุมมอง #ลงมือทำ และ #เสริมกำลังใจ
8. วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนหุ้นผู้ยิ่งใหญ่ มีคำพูดในตำนานของเขาก็คือ “จงหวาดกลัวในขณะที่คนอื่นโลภ และจงละโมบในขณะที่คนอื่นกลัว” เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์ตื่นตระหนกบางอย่าง ทุกคนตื่นกลัวเทขายหุ้นออกจนหมด ทำให้ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างน่ากลัว แต่สำหรับเขาแล้ว นั่นคือโอกาสในการซื้อหุ้นถูกๆ ที่ลดราคามากกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมัน (ปัญหาคือ เราก็ดอยอยู่เหมือนกัน จะเอาเงินที่ไหนไปช้อนล่ะ ฮ่าๆ)
9. เมื่อครุ่นคิดดูดีๆ บางปัญหาไม่ได้ใหญ่โตสักเท่าไร แต่ทำไมเราต้องรู้สึกเครียดเหมือนมันใหญ่โตมาก เขาพบว่านั่นเพราะเรามีสัญชาตญาณเก่าๆที่คอยเฝ้าระวังอันตราย ที่มันติดตัวมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเรา ทำให้เราชอบทึกทักไปเอง กังวลไปต่างๆนาๆ ว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วคุณจะพบว่าโอกาสที่มันเกิดขึ้นนั้นมีน้อยนิดเดียว
10. เมื่อคุณเจออุปสรรค สิ่งที่คุณควรทำคือ มองภาพรวมโดยปราศจากอคติ ควบคุมอารมณ์ให้อยู่กับปัจจุบัน แยกแยะว่าสิ่งไหนสำคัญ สิ่งไหนไม่สำคัญ และสุดท้ายพุ่งเป้าไปยังสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ ทักษะเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง ต้องอาศัยการฝึกฝนเท่านั้น
11. “หากเลือกที่จะไม่เป็นเหยื่อ ท่านก็จะไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อ เมื่อไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อ ท่านก็จะไม่มีวันเป็นเหยื่อ” - มาร์คัส ออเรลิอัส
12. จงเลือกให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราควบคุมได้ เพราะมันทำให้เรามีพลังอำนาจมากขึ้น
13. “เรือนจำอาจขังร่างกายคุณได้ แต่ขังอิสรภาพทางความคิดคุณไม่ได้” อย่าวุ่นอยู่กับปัญหา แต่จงวุ่นอยู่กับการแก้ปัญหา แม้ว่าจะวุ่นเหมือนกัน แต่ความวุ่นวายอย่างหลังจะมอบความหวังและทางออกให้คุณ
14. ข้อนี้ไม่เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้นะครับ แต่ผมเคยจำได้ว่า ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่มักหลอกหลอนเรา ก็คือ “เรากลัวว่าจะจัดการกับมันไม่ได้” เช่น ถูกเลิกจ้าง ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร บอกเลยว่าหลายคนอาจกลัวเหตุการณ์เหล่านี้ แต่สำหรับคนที่มั่นใจว่าจะหางานใหม่ได้ มีคอนเนกชั่นเยอะ เค้าอาจไม่ได้กลัว เพราะเค้ามั่นใจว่า “เค้าจัดการได้” ดังนั้นวิธีกลบเสียงในหัวที่ชอบหลอกหลอนเราก็คือ บอกกับมันไปว่า “เราจัดการได้”
1
15. ข้อนี้น่าสนใจมาก เขาบอกว่า ลองนึกถึงเวลาตอนที่คุณให้คำแนะนำคนอื่น คุณมองเห็นปัญหาอย่างเป็นกลาง ไม่ได้รู้สึกดีหรือแย่ หรือมีแบกกราวด์กับสิ่งใด ที่เป็นกำแพงกั้น ทำให้คุณแนะนำได้ตรงจุด และการแก้ปัญหาก็ดูไม่ได้ยากเย็น
แต่เมื่อคุณเจอปัญหาด้วยตัวคุณเอง ความยากก็บังเกิด เขาจึงให้ข้อสรุปว่า “จงรับมือกับปัญหาของคุณราวกับว่าปัญหานั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง”
16. อย่าหวังความยุติธรรมกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้ขับรถชนคนอื่น คุณก็มีโอกาสถูกคนอื่นชนได้เสมอ การโอดครวญตามหาความยุติธรรมในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้มีแต่ทำให้รู้สึกแย่ลง
17. เมื่อเกิดปัญหา อย่าถามว่าทำไมถึงเป็นฉัน ? เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่ควรถามว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร ? ถึงจะเหมาะสมกว่า เพราะนั่นเป็นคำถามที่ทำให้เราอยู่กับปัจจุบันและเผชิญหน้ากับความจริง ! (การถามว่าทำไม ทำให้เรารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ)
1
18. เมื่อมีใครบางคนดูถูกความสามารถของคุณ ให้คุณคิดว่า ดีล่ะ ที่เค้าตั้งความหวังกับเราไว้ต่ำ ถือเป็นโอกาสที่ทำให้เค้าอึ้งจนอ้าปากค้างไปเลย
19. “สิ่งใดที่ถูกทำขึ้นอย่างดีที่สุด คือสิ่งที่ทรงคุณค่า ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม” –เซอรร์เฮนรี รอยซ์
20. ชัยชนะไม่ได้เกิดจากการต่อสู้กันโดยตรงเสมอไป การรบชนะไม่ได้หมายความว่าต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างนึง มีวิธีการมากมายที่ทำให้เราเป็นผู้ชนะได้ เช่น การปิดทางส่งเสบียง การทำลายขวัญกำลังใจ สังเกตได้ว่ามีหนทางมากมายในการบรรลุผล เพียงอย่ายึดติดกับเส้นทางหลัก อย่างที่ เฮราคลิตัส เคยกล่าวไว้ว่า
“ผู้ใดมองไม่เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ ก็เปรียบเสมือนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย เพราะเส้นทางที่ไม่รู้จัก ก็ไม่ต่างกับทางตันที่ไม่อาจก้าวผ่านไปได้…”
21. สุดท้ายผมว่าข้อนี้สรุป เรื่องราวทั้งหมดของหนังสือเล่มนี้ได้เลย
 
“แม่ทัพบางคนอาจเกรงกลัวศัตรู ที่มีป้อมปราสาทหินที่แข็งแกร่ง แต่แม่ทัพบางคนอาจมองว่าป้อมปราสาทหินเหล่านี้ นั่นแหละจะเป็นคุกให้เหล่าศัตรูอดตาย เพียงเราปิดล้อมทางขนส่งอาหาร”
ดังนั้น อุปสรรค นอกจากจะเป็นทางออกให้เราแล้วยังใช้เป็นอาวุธได้อีกด้วย !!!
 
ไม่รู้ว่าจะช่วยให้มีกำลังใจมากขึ้นไหมนะครับ แต่ขอให้ทุกคนพบมุมมองใหม่ที่ทำให้มีกำลังใจ ผมพะโล้และทีมงานเดอะ บรีฟบุ๊ค เป็นกำลังใจให้และพร้อมสู้ไปด้วยกันนะคร้าบบ^^
เล่มนี้อ่านง่ายมากก !! เรียบเรียงไหลลื่น ใครชอบแนวอ่านง่ายสบายหัว แนะนำครับ ☺️
 
//พะโล้
#เรื่องย่อของหนังสือเล่มเยี่ยม
โฆษณา