16 ม.ค. 2022 เวลา 06:25 • สุขภาพ
ตอนที่ 4 สิ่งใดเกิดขึ้น... สิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้วเสมอ
ถ้าจะพูดประโยคเท่ๆ ว่า สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว ส่ิงนั้นย่อมดีเสมอ ฉันก็คิดว่ามันออกจะฟังดูโลกสวยไปสักนิดนะคะ
สำหรับฉัน บทเรียนแรกๆ ที่ได้รับก็คือ สิ่งใดที่มันเกิดขึ้นแล้ว จงยอมรับความจริง ให้โอกาสตัวเองได้กลัว ได้ร้องให้ ได้อ่อนแอ จากนั้น เราจะเห็นถึงความเข้มแข็ง การเดินหน้า และการเติบโตของตัวเอง
วันที่นัดคุยกับคุณหมอ สติและกำลังใจดีมาก อ่านข้อมูลเองมาเยอะมาก จนแทบจะเป็นหมอเองแน๊ววววว ฉันเชื่อว่าความกลัวส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่รู้ จึงพยายามหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด (บางข้อมูลก็อาจทำให้หลอน ฮ่าาาา) ตำราไทยตำราฝรั่ง google ทุกวัน พออ่านมากขึ้น ทำให้ใจชื้นว่า มะเร็งเต้านมระยะที่ 1 รักษาได้ มีโอกาสหายขาด รู้สึกโชคดีที่เจอก้อนเนื้อร้ายจากการไป check up ทำให้รู้เร็ว ตั้งแต่ก้อนยังมีขนาดเล็กมาก ซึ่งเปอร์เซ็นต์การรักษาก็จะดีมากขึ้น มีโอกาสหายขาดมากขึ้น โอกาส Recurrence หรือการกลับมาต่ำลงกว่าเจอตอนก้อนใหญ่ หรือมะเร็งกระจายไปต่อมน้ำเหลืองแล้ว
วันนัดนั้น คุณหมอไม่ได้มีตารางตรวจที่ศิริราชปิยฯ แต่อุตส่าห์มาเป็นพิเศษให้เราคนเดียว เพราะกลัวเราจะกังวลข้ามปี รู้สึกขอบคุณคุณหมอมากๆ คุณหมออธิบายค่อนข้างชัดเจน และให้ข้อมูลที่เป็น fact โดยบอกว่า ก้อนที่เจอมีขนาดประมาณ 6 mm ที่เต้านมข้างซ้าย และมีต่อมน้ำเหลืองข้างซ้ายโตนิดหน่อย แต่จากการคุยรอบที่แล้ว และทำเมโมแกรม คุณหมอคิดว่าต่อมน้ำเหลืองที่โตน่าจะเกิดจากวัคซีนโควิดที่ฉีดไปก่อนหน้านี้
จากนั้นอธิบายขั้นตอนรักษาว่า จะเริ่มต้นด้วยการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดมีสองแบบคือ
1) Mastectomy หรือการผ่าตัดเต้านมออกทั้งเต้า และ
2) Breast Conserving Surgery หรือการผ่าตัดแบบสงวนเต้า
1
ซึ่งการผ่าตัดแบบทั้งเต้านั้น จะไม่ต้องทำการฉายแสง แต่ผ่าตัดแบบสงวนเต้าจะต้องทำการฉายแสง 25-30 ครั้งหลังการผ่าตัด โดยการผ่าตัดทั้งสองแบบให้ผลออกมาคล้ายคลึงกัน ในเคสของเราคุณหมอแนะนำให้เป็นผ่าแบบสงวนเต้า เพราะก้อนมีขนาดเล็กและมีก้อนเดียว ซึ่งผ่าตัดแบบสงวนเต้านั้นนอนพักฟื้น รพ. ประมาณ 1 คืนก็ออกจาก รพ.ได้แล้ว แผลไม่ใหญ่มาก
ซึ่งจริงๆ ก็ตรงกับที่เราคิดไว้ก่อนหน้า ว่าคงเป็นผ่าแบบสงวนเต้า กังวลนิดหน่อยว่านมเล็ก (ฮ่าาาๆๆ) กลัวเนื้อนมไม่พอให้คุณหมอผ่าแบบสงวนเต้า สรุปก็คือตัดสินใจจองคิวคุณหมอผ่าตัดวันเสาร์ที่ 8 มกราคม เวลาเที่ยงตรง นอกจากการผ่าตัดเต้านมแล้ว คุณหมอก็จะทำการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ แบบที่เรียกว่าผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองเซนติเนล ซึ่งเป็นการผ่าตัดหาต่อมน้ำเหลืองเฉพาะต่อมแรกและฉีดสีเข้าไปดูว่า มะเร็งได้กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรือยัง ถ้ายังก็ไม่ต้องเลาะต่อมน้ำเหลืองออกให้เจ็บตัว และการเลาะต่อมน้ำเหลืองนั้นผู้ป่วยต้องดูแลตัวเองค่อนข้างจุกจิก มีข้อห้ามเยอะ เช่นห้ามถือของหนัก ห้ามมีแผลตรงแขนด้านนั้นเลย เพราะกลัวแขนบวม
ซึ่งฉันคิดว่าเป็นวิวัฒนาการรักษาที่พัฒนาขึ้นมาก สมัยก่อนถ้าเป็นมะเร็งเต้านมคือต้องตัดทิ้งทั้งเต้า + เลาะต่อมน้ำเหลืองออกทั้งหมด อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่มาเป็นมะเร็งในยุคที่วิวัฒนาการและเทคโนโลยีพัฒนาไปค่อนข้างมากแล้วนะคะ
หลังจากผ่าตัด คุณหมอก็จะเอาก้อนเนื้อไปตรวจเพิ่มเติม ว่าเป็น cancer ประเภทที่ตอบสนองกับอะไร โดยเบื้องต้นจะเช็คค่าหลัก ๆ 4 ตัวคือ
ER (Estrogen receptor)
PR (Progesterone receptor)
HER2 (Human epidermal growth factor receptor)
Ki-67 (ค่าบอกว่าแบ่งตัวเร็วหรือช้า)
ถ้า ER, PR เป็น + แปลว่าก้อนเนื้อตอบสนองกับฮอร์โมน ซึ่งหลังจากฉายแสงก็จะต้องให้ยาต้านฮอร์โมนต่อไป
ถ้า HER2 เป็น + แปลว่าก้อนเนื้อนี้ตอบสนองกับการรักษาด้วยคีโม ซึ่งต้องให้คีโมก่อนที่จะทำการฉายแสง
ถ้า Ki-64 ต่ำกว่า 14 คือแปลว่ามีการแบ่งตัวช้า
พอถาม Stage ของก้อนเนื้อที่เป็น คุณหมอก็ตอบว่า น่าจะระยะ 1 มารู้ทีหลังว่า ที่คุณหมอใช้คำว่าน่าจะ เพราะ staging ของมะเร็งเต้านมนั้น จริงๆ จะบอกได้ชัดก็ต่อเมื่อทำการผ่าตัดเสร็จแล้ว เพราะเมื่อผ่าตัดแล้ว ไซส์ของก้อนเนื้ออาจจะไม่ตรงกับที่ทำอัลตร้าซาวน์+เมมโมแกรม และต้องดูว่าก้อนเนื้อกระจายไปต่อมน้ำเหลืองหรือยัง ซึ่งจากการทำ biopsy, ultrasound, memogram ก็ยังไม่สามารถบอกได้ชัดๆ ว่าเป็น stage ไหน
วันนั้นได้ข้อมูลครบถ้วน เรากับสามีถามคุณหมอเพิ่มเติมแบบคำถามไร้สาระไปด้วยเช่น
1. รักษาแล้วไปดำน้ำเดือนเมษายนได้ไหม (ห่วงเที่ยว)
คุณหมอก็อุตส่าห์นั่งนับตารางปฏิทินให้ แล้วบอกว่า ถ้าต้องให้คีโม ก็อาจจะทับเวลาไปเที่ยวพอดี จริงๆ ไปได้นะครับ แต่อาจจะเหนื่อยแล้วดำน้ำ scuba ไม่ไหว ถ้าดำแบบ skining หรือไปเที่ยวเฉยๆ นี่ไปได้เลยครับ relax ๆ ผ่อนคลายจิตใจ
2. ช่วงนี้ปาร์ตี้ปีใหม่ ขอกินแอลกอฮอล์บ้างได้ไหมคะ (โว๊ยยยยย ยังอุตส่าห์ห่วงสนุก)
คุณหมอบอกว่ากินแอลกอฮอล์พอได้ แต่ถ้าสูบบุหรี่ ให้หยุดและห้ามสูบ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ 55555
แต่เอาจริงๆ พอรู้ว่าเป็น ต่อมอยากปาร์ตี้หายไปเลยค่าาาา ช่วงรอการผ่าตัด เรามีกินๆ จิบๆ เวลาเจอเพื่อนบ้างนิดหน่อย แต่พอหลังผ่าตัดคิดว่าจะลด ละ เลิกให้มากที่สุด ลาก่อย สายตี้
โฆษณา