16 ม.ค. 2022 เวลา 13:06 • หนังสือ
คุณเคยมี “วันที่เปลี่ยนแปลงชีวิต” เกิดขึ้นไหมคะ? วันที่เมื่อคุณย้อนนึกกลับไป แล้วอยากจะขอบคุณ ที่วันนั้นตัดสินใจทำแบบนั้นไป คำถามคือตอนนั้นคุณรู้สึกอย่างไรก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่
3
สรุปหนังสือ 7 Strategies for Wealth and Happiness ตอนที่ 11
ในสัปดาห์ที่แล้วแอดก็ได้พูดถึงกลยุทธ์ที่ 7 บทย่อยที่ 10 ไปแล้ว เกี่ยวกับศิลปะของการดำเนินชีวิตให้มีความสุข รวมไปถึง 3 อย่างที่สัมพันธ์กับระดับความสุขของเราโดยตรง คือ รูปแบบวิธีการดำเนินชีวิต ความรัก และมิตรภาพของเพื่อนแท้นั่นเอง
สำหรับสัปดาห์นี้เราก็เดินทางมาถึงบทส่งท้ายของหนังสือเล่มนี้กันแล้ว แอดก็จะมาเล่าต่อถึงกลยุทธ์ที่ 7 ในบทย่อยที่ 11 ซึ่งเป็นบทสุดท้าย ที่จะนำพาเราไปสู่ความมั่งคั่งและความสุข นั่นก็คือ ความรู้สึก 4 อย่าง ที่เกิดขึ้นก่อน “วันที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ”
พร้อมหรือยังคะ? ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยค่ะ!!!
จิมบอกกับเราว่า...ถ้าคุณซึมซับรายละเอียดทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ คุณอาจจะเรียกตัวเองได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในหลักการของความมั่งคั่งและความสุข เพราะคุณสามารถให้คำบรรยายในด้านที่เกี่ยวกับปรัชญาของความสำเร็จได้
แต่ในชีวิตจริง คุณต้องทำมากกว่าการรู้ทฤษฎี คุณต้องลงมือทำเพื่อให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น การนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์เท่านั้นที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
2
คำถามคือ คุณจะเริ่มต้นการข้ามช่องว่างระหว่างความรู้ และการกระทำได้อย่างไร? มีส่วนประกอบที่ 3 ที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวเร่งอย่างหนึ่งหรือไม่?
คำตอบคือ...มี และโชคดีที่มันคือ “ความรู้สึกของเรา”
1
ความรู้สึกเป็นแรงผลักดันที่มีพลังมากที่สุดภายในตัวเรา ความรู้สึกคือเชื้อเพลิง และความคิดคือกัปตัน ซึ่งร่วมกันขับเคลื่อนนาวาแห่งความเจริญก้าวหน้า
จิมบอกว่า...ความรู้สึกพื้นฐานมี 4 ประเภท
แต่ละประเภทหรือหลายๆ ประเภทรวมกันสามารถก่อให้เกิดกิจกรรมที่เหลือเชื่อมากที่สุด วันที่คุณยอมให้ความรู้สึกเหล่านี้เติมเชื้อเพลิงให้กับความปรารถนาของคุณ คือวันที่ “คุณจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ”
โดยปกติคนเรามักไม่เอาคำว่า “ความรังเกียจ” ไปสัมพันธ์กับการกระทำทางด้านบวก แต่กระนั้นหากนำมันไปใช้ในช่องทางที่เหมาะสม ความรังเกียจก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนคนหนึ่งได้
คนซึ่งรู้สึกรังเกียจ ได้มาถึงสภาวะที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินต่อไปข้างหน้า เขาหรือเธอพร้อมที่จะท้าให้ตัวของชีวิตเองมาต่อสู้กับเขา แล้วพูดว่า “พอกันที!”
จิมบอกว่า...ความรู้สึกนี้เคยเกิดขึ้นกับเขาในอดีตที่เขาได้เล่าให้ฟังไปแล้วหลังจากประสบการณ์ที่น่าอายกับเนตรนารีและคุกกี้ราคา 2 ดอลลาร์ของเธอ “พอกันที!” เขาพูด “ผมไม่ต้องการมีชีวิตเช่นนี้” อีก-ต่อ-ไป
1
พอกันทีกับการถังแตก พอกันทีกับการประสบปัญหาทางด้านการเงิน และพอกันทีกับการโกหก เขาบอกต่อว่า ความรู้สึกที่เป็นประโยชน์ของความรังเกียจเกิดขึ้นเมื่อคนคนหนึ่งพูดว่า “พอก็คือพอ” จบ
วันที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อาจเป็นวันที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เรียกมันว่าอะไรก็ได้ที่คุณอยากจะเรียก วัน “พอกันที” วัน “ไม่อีกต่อไป” วัน “พอก็คือพอ”
ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไร คุณก็สามารถเรียกมันว่าพลัง! ไม่มีอะไรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้มากเท่ากับความรังเกียจที่ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด
จิมบอกว่า...เราส่วนใหญ่จำเป็นที่จะต้องถูกผลักไปจนติดกำแพงเพื่อที่จะตัดสินใจ และทันทีที่เรามาถึงจุดนั้น เราต้องจัดการกับความรู้สึกขัดแย้งที่มาพร้อมกับการตัดสินใจ เพราะเราได้มาถึง “ทางแยก” ของถนนแล้ว
ทางแยกนี้อาจเป็น 2 แพร่ง 3 แพร่ง หรือแม้แต่ทาง 4 แพร่ง ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่การตัดสินใจสามารถสร้างความรู้สึกตึงเครียดให้กับเรา ทำให้เราตื่นนอนกลางดึก หรือทำให้เรารู้สึกหวาดกลัว
1
การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตสามารถเป็นคล้ายกับสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา กองทัพของความรู้สึกที่ขัดแย้งกัน แต่ละความรู้สึกมีเหตุผลในตัวของมันเอง สู้รบซึ่งกันและกันเพื่ออำนาจสูงสุดในจิตใจของเรา
1
คำแนะนำของจิม รอห์น
ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำอะไรก็ตาม “อย่าพักที่ทางแยกของถนน” จงตัดสินใจ การตัดสินใจผิดดีกว่าการไม่ตัดสินใจอะไรเลยมากมายนัก
แน่นอนว่า คุณมีเครื่องมือมากมายที่สามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจ ถ้าคุณได้ทำแบบฝึกหัดของการกำหนดเป้าหมายในบทก่อนหน้านี้ (คุณได้ทำแล้วหรือยัง? ถ้ายัง มันไม่สายเกินไปที่จะทำมันเดี๋ยวนี้) ทั้งแผนระยะยาวและแผนระยะสั้นสำหรับชีวิตของคุณ
และทั้งหมดที่คุณต้องทำในขณะนี้คือ “ตัดสินใจเลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง”
จิมบอกว่า...มี 2 สิ่งเกี่ยวกับความปรารถนาคือ
3.1.มันมาจากภายในไม่ใช่ภายนอก
3.2.มันสามารถถูกปลุกให้เกิดขึ้นโดยแรงผลักดันภายนอก
สิ่งใดๆ ก็ตามเกือบทุกสิ่งสามารถปลุกความปรารถนาให้เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องของโอกาสมากเท่าๆ กับการตระเตรียม
มันอาจจะเป็นเพลงที่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่าง มันอาจจะเป็นการเทศน์ซึ่งมีค่าควรแก่การจดจำ มันอาจจะเป็นภาพยนตร์ บทสนทนากับเพื่อน การเผชิญหน้ากับศัตรู หรือประสบการณ์ที่ขมขื่น แม้แต่หนังสือเล่มหนึ่งก็สามารถลั่นกลไกภายในที่จะทำให้คนบางคนพูดว่า “ฉันต้องการมันเดี๋ยวนี้!”
ดังนั้น คำแนะนำของจิมคือ...
ในขณะที่ค้นหา “สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดความรู้สึกอย่างรุนแรง” จงต้อนรับทุกๆ ประสบการณ์ทางด้านบวกเข้ามาในชีวิตของคุณ อย่าสร้างกำแพงเพื่อป้องกันตัวคุณจากการได้รับประสบการณ์ชีวิต
1
จงยอมให้ชีวิตสัมผัสคุณ การสัมผัสครั้งต่อไปอาจเป็นประสบการณ์หนึ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคุณก็ได้
จิมบอกว่า...ความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวคือการพูดว่า “ฉันจะทำ” คำคำนี้คือคำที่มีพลังมากที่สุดของบรรดาคำอื่นๆ
เบนจามิน ดิสราเอลลี รัฐบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของอังกฤษได้กล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า...
“ไม่มีอะไรสามารถต้านทานความตั้งใจของมนุษย์ ที่ตั้งใจเดิมพันแม้แต่ตัวของชีวิตเองกับสิ่งที่อยู่ในขอบเขตแห่งความตั้งใจอันแน่วแน่ของชีวิตที่จะทำ”
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อใครบางคนตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะ “สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง” ก็ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งเขาไว้ได้
จิมเล่าว่า...คำจำกัดความที่ดีที่สุดสำหรับ “ความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว” นั้น เขาเคยได้ยินมาจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองฟอสเตอร์ แคลิฟอร์เนีย
ในขณะที่เขากำลังบรรยายเกี่ยวกับความสำเร็จให้เด็กนักเรียนชั้นประถมฟัง เขาได้ถามคำถามไปว่า... “ใครสามารถบอกฉันได้ว่า “ความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว” หมายความว่าอะไร? ”
มือหลายมือยกขึ้น และจิมเล่าต่อว่าเขาได้คำจำกัดความบางอย่างที่ดีทีเดียว แต่คำจำกัดความสุดท้ายคือ คำจำกัดความที่ดีที่สุด
เด็กหญิงขี้อายคนหนึ่งจากหลังห้องลุกขึ้นยืนแล้วพูดอย่างเอาจริงเอาจังด้วยเสียงเบาๆ ว่า “หนูคิดว่าความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว หมายถึง การสัญญากับตัวคุณเองว่า คุณจะไม่ยอมแพ้”
จิมบอกว่านั่นคือคำจำกัดความที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา : สัญญากับตัวคุณเองว่าคุณจะไม่ยอมแพ้
จิมบอกว่า...ขณะที่เราใกล้จะสิ้นสุดการเดินทางร่วมกันของเรา เขามีคำถาม 4 ข้อที่ต้องการให้เราใคร่ครวญ
ทำไมตื่นเช้า? ทำไมทำงานหนัก? ทำไมอ่านหนังสือมากขนาดนั้น? ทำไมผูกมิตรมากขนาดนั้น? ทำไมให้ไปมากขนาดนั้น?
จิมบอกว่าคำตอบที่ดีที่สุดต่อคำถามข้อที่ 1 คืออีกคำถามหนึ่งที่ถามตัวเองต่อว่า “ทำไมไม่ล่ะ?”
อะไรอื่นที่คุณจะทำกับชีวิตของคุณ? ทำไมไม่เห็นว่าไกลแค่ไหนที่คุณสามารถไปถึงได้? ทำไมไม่เห็นว่ามากเท่าไหร่ที่คุณสามารถหาเงิน หรืออ่าน หรือแบ่งปันได้? ทำไมไม่เห็นว่าคุณสามารถเปลี่ยนเป็นอะไร หรือมากแค่ไหนที่คุณสามารถพัฒนา?
ว่ากันที่จริงแล้ว คุณก็จะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณจะจากไป ทำไมไม่อยู่ที่นี่อย่างมีคุณภาพล่ะ?
คนบางคนได้ทำสิ่งเหลือเชื่อที่สุดด้วยภูมิหลังที่มีข้อจำกัด คนบางคนทำได้ดีมากจนพวกเขาได้รับประสบการณ์อันงดงามทั้งหมดที่ชีวิตมอบให้ ทำไมไม่เป็นคุณ?
ทำไมไม่เป็นคุณที่เฝ้าดูหมอกยามรุ่งอรุณ ทำไมไม่เป็นคุณที่ซึมซับประวัติศาสตร์ในหอคอยของพิพิธภัณฑ์ ทำไมไม่เป็นคุณที่รับประทานอาหารกลางวันที่หนึ่งในบรรดา
ร้านกาแฟทที่ชวนหลงใหล แล้วมองออกไปยังถนนที่สวยงาม ทำไมไม่เป็นคุณ?
1
ทำไมไม่เป็นคุณที่เริงร่าอยู่กับทั้งหมดที่ชีวิตมอบให้ โดยรู้ว่านั่นคือรางวัลสำหรับการมีวินัยและความพยายามอย่างไม่ลดละของคุณ
ทำไมเลื่อนอนาคตที่ดีกว่าออกไป ในเมื่อสิ่งอัศจรรย์มากมายรอคอยคำบัญชาของคุณอยู่? จงเรียนรู้มันตั้งแต่วันนี้
ไปหาซื้อหนังสือเล่มใหม่ๆ บางเล่มมาอ่าน สร้างรายละเอียดของแผนไปสู่เป้าหมาย หาวิธีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มผลิตภาพของคุณ พัฒนาวิธีดำเนินชีวิตของการเป็นผู้ที่มีจิตใจกว้างขวาง และการเป็นผู้มีความรัก
สร้างความพยายามครั้งใหม่เพื่อที่จะเชื่อในตัวคุณเอง แล้วเดินหน้าต่อไป
“คุณและผมได้รับการประทานพรแก่ชีวิต แต่มันขึ้นอยู่กับเราที่จะตัดสินใจว่า เราจะใช้กฎของธรรมชาติที่จะสร้างและที่จะทำให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเหรือไม่”
-จิม รอห์น ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้
หลังจากที่เดินทางร่วมกันมาอย่างยาวนานพอสมควรกับหนังสือเล่มนี้ เราก็มาถึงบทสรุปกันแล้วนะคะ
สำหรับแอด หนังสือเล่มนี้ได้กลายหนึ่งในเล่มที่แอดชอบมากที่สุดในชีวิตไปแล้วค่ะ ทั้งสำนวนภาษาที่คมคาย ความลึกซึ้งในวิธีการดำเนินชีวิต และภาษิตสอนใจต่างๆ ที่จิม รอห์นร้อยเรียงขึ้นมาเป็นหนังสือเล่มนี้
แล้วคุณล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง?
สำหรับใครที่นำกลยุทธ์ในหนังสือเล่มนี้ไปปรับใช้ แอดก็ขอให้ทุกท่านได้พบกับความมั่งคั่งและความสุข ดังที่ใจหวังไว้ค่ะ
โฆษณา