16 ม.ค. 2022 เวลา 12:57 • ความคิดเห็น
ไม่มีวิกฤติสำหรับคนที่แสวงหาโอกาส
1
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าคนไทยมากกว่าครึ่งประเทศอยู่ในความทุกข์ เป็นความทุกข์ทั้งกายและใจ บอบช้ำแล้วบอบช้ำอีก ทุกข์ใจที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากการป่วยด้วยโรคติดเชื้อ ทุกข์กายที่เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจ ตกงาน ถูกลดเงินเดือน ลำพังรายได้ปกติก็เอาตัวไม่ค่อยรอด เมื่อถูกซ้ำเติมด้วยรายได้ที่ลดลงหรือหายไป “หนี้” ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จนวันนี้ในปีที่สามของการระบาด มีการประมาณว่าหนี้ครัวเรือนของปี 65 จะสูงมากกว่า 90% ของ GDP และในหนี้สาธารณะของไทย มีการสลับตำแหน่ง
หนี้ก้อนใหญ่สุด ยังเป็นหนี้จากการซื้อบ้าน ซึ่งในหลักการถือเป็นหนี้ที่ดี เพราะเป็นทรัพย์สิน ประเด็นอ่อนไหว คือ การสร้างหนี้ก้อนนี้ “ใหญ่เกินตัว” ไปหรือไม่ เพราะจะเป็นภาระที่หนักหน่วงเกินไป
หนี้รองลงมา จากเดิมที่จะเป็นหนี้เพื่อนำไปใช้ในการทำการค้า ทำธุรกิจ อาจจะเป็นเงินหมุนเวียน แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น หนี้ก้อนนี้ไม่ว่าจะมาจากบัตรเครดิต หรือ Personal Loan ถูกเบียดตกไปเป็นอันดับสาม โดยหนี้เพื่อการดำรงชีพกลับขึ้นมาแทนที่ แสดงให้เห็นว่า ภาวะฝืดเคืองเป็นเรื่องจริง (รายละเอียดหาอ่านเพิ่มเติม)
เราได้อะไรจากโควิด-19?
ผมเป็นคนเชื่อในเรื่องเหรียญมี 2 ด้านเสมอ และจะพยายามหาบทเรียนที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผมสรุปบทเรียนได้ว่า
ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน อย่าประมาท ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ หากเราไม่เตรียมพร้อมไว้ก่อน
ต้องมีอาชีพที่สอง เป็นการเผื่อให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการสำรองรายได้ หรือสำรองโอกาส
การมีเงินสำรอง หรือที่สำรอง เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในยุคปัจจุบัน
1
ในที่นี้อยากพูดเรื่องอาชีพที่สอง ทั้งไว้เพิ่มรายได้ ทั้งเป็นอาชีพที่สอง หากอาชีพหลักมีอันเป็นไป ในปัจจุบันเราใช้ social media ในการประกอบอาชีพที่สองกันเป็นเรื่องปกติ คำถามคือเราต้องเป็นพ่อค้าแม่ค้าอย่างเดียวหรือไม่
หาของมาขาย แล้วแสดงการพูดการจาที่ต้องแปลกแตกต่าง เพื่อดึงดูดคนให้หยุดและเปิดเข้ามาดูเข้ามาฟัง
ผมเห็นตัวอย่างที่เอาความรู้ ความถนัดของตัวเองเป็นสินค้า โดยไม่ต้องขวนขวาย ตัวอย่างที่ว่าคือสูตรการประกอบอาหารจากหม้ออบลมร้อน ที่ปัจจุบันเชื่อว่ามีกันเกือบทุกบ้าน หลังจากที่ไมโครเวฟยึดพื้นที่ในครัวมาช้านาน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้วิธีใช้ว่าประกอบอาหารได้ทั้งคาวหวาน ไม่เพียงแต่การทำหมูกรอบเท่านั้น
วันดีคืนดีก็มีคนเอาสูตรทำอาหารจากเจ้าหม้อที่ว่านี่ มาสรุปรวมเป็นเล่ม กรรมวิธีก็ทำไม่ยาก แค่ปริ้นท์ออกจากเครื่องคอมพ์แล้วรวมเป็นเล่มเหมือนกับเด็ก ๆ ทำเลคเชอร์ส่งอาจารย์สมัยก่อนตอนเป็นนักศึกษา ขายในราคาเล่มละ 300 บาท
เท่าที่สังเกตมีเสียงตอบรับเป็นร้อยเป็นพันได้เหมือนกัน
แค่นี้ก็เป็นการขายออนไลน์ที่แทบไม่ต้องลงทุนอะไร นอกจากประสบการณ์ในการทำอาหาร แล้วมาถ่ายทอดให้กับคนที่มีหม้อบความร้อนชนิดนี้ ที่ไม่ว่ายี่ห้อไหน ก็ใช้หลักการเดียวกัน
บางคนก็เอาสูตรน้ำต้มก๋วยเตี๋ยวที่ทำมา 30-40 ปีมาแบ่งกัน อันนี้แพงขึ้นมาหน่อย หรือบางคนก็เอาสูตรครัวซองค์มาแลก เรียกว่ามาอบรมกันที่บ้านของพ่อครัว จัดเป็นรุ่น ๆ เป็นเรื่องเป็นราว
ผมเชื่อว่าความคิดที่จะหาอาชีพที่สองนั้น เริ่มได้ไม่ยาก และหลาย ๆ คนคิดมา 2-3 ปีแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่คิดได้และทำได้สำเร็จ ระหว่างทางล้มหายตายจากกันไป เหลือคนที่ประสบความสำเร็จไม่ถึง 1 ใน 100 อะไรคือสิ่งที่ทำให้เราไม่ถึงความสำเร็จที่ต้องการ
มีโอกาสได้อ่าน ข้อความหนึ่งในเฟซบุ๊ก “วิเคราะห์บอลจริงจัง” เมื่อ 28 ธ.ค. 2021 เขียนถึงเหตุการณ์คลาสิกของนักกีฬาบาสเก็ตบอลที่ชื่อสเตฟเฟ่น เคอร์รี่ ชู้ตเตอร์ อัจฉริยะ ที่ชู้ตสามแต้มสูงสุดตลอดกาลที่มีคนทำไว้ 2,973 ลูก โดยสร้างสถิติยิงสามแต้มมากสุดในฤดูกาลเดียว (402 ลูก) ยกระดับทีมที่ตัวเองสังกัดเป็นทีมแชมป์ถึง 3 สมัย
1
เคอร์รี่ได้รับเชิญไปทำกิจกรรม Summer tour in Asia ที่ญี่ปุ่น หนึ่งในกิจกรรม คือ การตระเวนไปโรงเรียนในโตเกียว เพื่อสาธิตการชู้ตสามแต้มที่เขาเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก เมื่อถึงคิวของโรงเรียนโทโยไอวะ เพื่อเปิดคลินิกสอนบาสเก็ตบอล และโรงเรียนได้จัดกิจกรรมให้นักเรียนในชมรมบาสเก็ตบอลชู้ตบาสให้กับเคอร์รี่ดู
3
เด็กในชมรมแต่ละคนชู้ตลงอย่างสวยงาม จนมาถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง “เธอเดินออกมาด้วยความเอียงอาย และจับลูกชู้ตให้เคอร์รี่ดู ปรากฎบอลไม่ลง มันเด้งขอบห่วงกระดอนออกไป”
เด็กหญิงกุมหน้าด้วยความอาย ที่ยิงไม่เข้า เธอจะเดินกลับไปเข้าแถว แต่เคอร์รี่ไม่ให้กลับ เขาบอกให้เธอกลับไปตำแหน่งเดิมและชู้ตซ้ำ
ครั้งที่ 2 ก็ไม่ลงอีก เด็กผู้หญิงอายสุดขีด ก้มหน้าเหมือนจะยอมแพ้ แต่เคอร์รี่ไม่ยอมให้เธอกลับเข้าแถว เขาขอให้เธอชู้ตซ้ำอีกเป็นครั้งที่สาม เชื่อไหมครับ เธอก็ชู้ตไม่ลงอีก คราวนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นถอดใจแล้ว ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เคอร์รี่พูดผ่านล่ามให้กับเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า “ผมเล่นบาสเกตบอลมา 30 ปี ไม่ได้แปลว่าการชู้ตของผมจะลงทุกครั้ง ไม่ลงก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญ ก็คือเราต้องไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ต้องชู้ตจนกว่าเราจะชู้ตลง“
จากนั้นก็โยนลูกบอลให้นักเรียนหญิงคนนั้นชู้ตเป็นครั้งที่ 4 เด็กหญิงตั้งสมาธิอีกครั้ง แล้วชู้ตครั้งที่ 4 คราวนี้บอลเช็ดแป้นลงห่วงไป เรียกเสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วโรงยิม
ถ้าเธอยอมแพ้หลังจากพลาดไป 3 ครั้งแรก ก็คงไม่เกิดความสำเร็จในการชู้ตครั้งที่ 4
ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะทัศนคติที่ถูกต้องตั้งแต่แรก (ใครสนใจลองหาอ่านเพิ่มในเฟซบุ๊ก “วิเคราะห์บอลจริงจัง” 28 ธ.ค 2021
คงมีคนไม่มากที่จะคิดแล้วทำสำเร็จในครั้งเดียว การประสบความสำเร็จกับอาชีพที่สอง ก็คงไม่ง่ายนัก จึงหวังว่าจะมอบพลังให้คนที่กำลังล้า ท้อแท้กับชีวิตในปีใหม่ได้นะครับ
ติดตามสตอรี่ดี ๆ จาก The Story Thailand ได้ตามช่องทางเหล่านี้
Instagram:
LINE TODAY: TheStoryThailand
#TheStoryThailand #เดอะสตอรี่ไทยแลนด์ #สตอรี่ดีๆ
โฆษณา