16 ม.ค. 2022 เวลา 15:17 • นิยาย เรื่องสั้น
#จันทร์เจ้าขาตอนพิเศษ,
#สี่ดรุณีตอนที่2
#พาริสภารดี,
สวัสดีครับ เพื่อนๆ,
คืนนี้ขออนุญาตส่งจันทร์เจ้าขาตอนพิเศษ แยกกับบทเพลง อันเนื่องจากจำนวนตัวอักษรนะครับ
สุขสันต์วันหยุดนะครับทุกคน😇❤️🎹
บทที่ 1 สี่ดรุณี
ตอนที่ 2 พาริสภารดี
#บริเวณถนนเขื่อนขัณฑ์นิเวศน์ระหว่างประตูศรีสุดาวงศ์มุขเขตพระราชฐานชั้นในด้านตะวันตกกับประตูช่องกุด,
ทันทีที่เหล่าสี่ดรุณี และช้อยก้าวพ้นผ่านประตูศรีสุดาวงศ์ ..
คุณหนูแย้ม ก็เอ่ยหยอกคุณหนูเอมน้อย เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ว่า
“พี่ๆยืนท่องภารดีปฏิพัทธ์ ตามที่จ่าโขลนท่านกำหนด จนครบแล้ว..
แต่หนูเอมน้อย ก็ยังยืนตาแข็งท่องจ้องหน้าจ่าโขลนท่านต่ออีก 40 เที่ยว ..
กระทั่งจ่าโขลนท่านกลัวหนูเอมน้อย จนต้องจูงมือมาส่งให้พ้นเขตประตู ด้วยตนเอง
..แล้วกล่าวคำพระปลอบขวัญ เรียกขวัญหนูเอมน้อย..อีกด้วยนะคะ..
สุดยอดจริงๆเลยค่ะ หนูเอมน้อยของพี่หนูแย้ม..
..ไม่เคยเห็นใคร ทำให้จ่าโขลนต้องตระหนกตกใจ แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ..
ไว้หนูเอมน้อย สอนวิชาตาแข็งยืนจ้องตา ให้พี่หนูแย้ม ด้วยนะคะ คิกคิก คิก ”
คุณหนูแย้ม พูดจบ ก็ยิ้มตาหยีเลียนแบบท่ายิ้มทะเล้นประจำตัวของคุณหนูเอมน้อย..หมายยั่วเย้าให้คุณหนูเอมน้อย ยิ้มเล่นตอบกลับมา..
..
แต่เมื่อคุณหนูเกษร ได้ฟังแล้ว ก็ยกมือขึ้นลูบ ศีรษะคุณหนูเอมน้อย เบาๆอย่างทะนุถนอม แล้วพูดกับคุณหนูแย้ม ว่า..
“หนูเอมน้อย เค้ารู้สึกผิดที่ทำให้เราทุกคน ต้องถูกลงโทษ เพราะคำพูดของเค้า..
หนูเอมน้อยเลย ยืนทำโทษเพิ่มโทษตนเอง เพื่อไถ่ความรู้สึกผิดนั้น..โดยเพิ่มโทษให้ครบจำนวนครั้งที่พวกเราทุกคนโดนทำโทษนั่นแหละค่ะ หนูแย้ม..”
เมื่อคุณหนูแย้มได้ฟังดังนั้น ก็ตกใจตาโตหันกลับไปเอ่ยถาม คุณหนูเอมน้อย..ว่า
“ถถถถ เป็นเช่นนั้น หรือคะ หนูเอมน้อยของพี่..”
1
คุณหนูเอมน้อยพยักหน้ายิ้มตอบคุณหนูแย้มด้วยนัยน์ตาแดงๆ..
ก่อนที่จะหันไปกอดคุณหนูเกษร แล้วเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า..
“คุณพี่เกษร ช่างเอาใจใส่ รู้ถึงข้างในหัวใจน้องจริงๆ เจ้าค่ะ..
หนูเอมน้อยรู้สึกผิดกับพี่ๆทุกคนอย่างที่สุด..
หนูเอมน้อยขอโทษ คุณพี่เกษร คุณพี่แย้ม คุณพี่พิศ และพี่ฉ๊อย ด้วยนะเจ้าคะ..
ขอพี่ๆโปรดยกโทษ ให้น้องสาวคนนี้ด้วยนะเจ้าคะ..”
เมื่อทุกคนได้ยิน คำขออดโทษจากคุณหนูเอมน้อย แล้ว คุณหนูพิศก็ยกมือขึ้นแตะไหล่คุณหนูเอมน้อยจากด้านหลัง..
ส่งกำลังใจ
ส่วนคุณหนูแย้ม ก็เข้ามา
กอดคุณหนูเอมน้อยจากด้านข้าง เอาแก้มมาชนแก้มยุ้ยๆของคุณหนูเอมน้อย..
พร้อมรอยยิ้มทะเล้น เอ็นดูดรุณีคนน้อง..
ในขณะที่คุณหนูเกษรก็เอียงศีรษะมาชิดกับคุณหนูเอมน้อย แล้วกระซิบว่า..
“พี่เกษร ไม่เคยคิดถือโทษ โกรธน้องสาวของพี่คนนี้เลย..ขอหนูเอมน้อย อย่าคิดมาก และจงรับรู้ไว้เถิดว่า พี่ๆทุกคนรักหนูเอมน้อยมากอย่างที่สุด นะคะ..”
ช้อยอมยิ้มกับภาพอบอุ่นตรงหน้าของสี่ดรุณี แล้วจึงเอ่ยพูดพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ ว่า..
“โอย แม่สี่ดรุณี ..อย่าเพิ่งแสดงความเป็น “เพื่อนกัน” หรือกล่าว ภารดีปฏิพัทธิ์ กันตรงกลางถนนเขื่อนขัณฑ์ แบบนี้เลยเจ้าค่าา ..
เดี๋ยวจ่าโขลนท่านจะเรียกกลับไปทำโทษเพิ่มนะเจ้าคะ .. ฮะฮะ ฮะ..”
คุณหนูพิศ หัวเราะกับคำกล่าวของช้อย แล้วเอ่ยตอบว่า..
“ สี่ดรุณี กำลัง พาริสภารดี ให้กำลังใจกันอยู่เจ้าค่ะพี่ช้อย ..
มิใช่ภารดีปฏิพัทธ์ อย่างเพื่อนสาวชาววังตำหนักอื่น นิยมทำกันนะเจ้าคะ ฮะฮะ ฮะ..”
ช้อยทำตาโต เมื่อได้ยินคำแปลกจากคุณหนูพิศ บุตรสาวคหบดีใหญ่ชาวกุฎีจีน
พลางเอ่ยถาม ด้วยความอยากรู้ว่า “พาริสภารดี” คือคำอันใด..
“พพพ.. พาริสภารดี หมายถึงอะไร กระนั้นรึเจ้าคะ คุณหนูพิศ..”
คุณหนูพิศค่อยๆ เดินอ้อมมายืนอยู่ตรงกลาง ของสี่ดรุณี แล้วเอ่ยตอบ ช้อยว่า..
“ปฏิพัทธ์ คือ ความรักที่ตรงกับภาษากรีก ว่า “Eros” เจ้าค่ะ.. ซึ่งหมายถึง ความรักโรแมนติก ความหลงใหล ความหมกมุ่น และการแสดงออกทางกาย (Sexual Love) เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรารัก ..
1
ส่วนคำว่า พาริส กลับตรงกับความหมายของคำว่ารักในภาษากรีก คำว่า “Agape” คือรัก ที่ต้องการจะให้ โดยไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น และพร้อมที่จะเสียสละ เพื่อคนที่เรารัก มีความสุข..น่ะเจ้าค่ะ พี่ช้อย..”
1
เมื่อช้อย ได้ฟังความหมายจากคุณหนูพิศ สาวลูกครึ่งชาวกุฎีจีน ก็อ้าปาก อุทานเบาๆ ว่า..
“ฟฟฟฟ ..คำฟาหรั่ง แปลคำว่า พาริส ได้ความหมายดีเหลือเกินนะเจ้าคะ..”
1
ในขณะที่คุณหนูเอมน้อยก็กอดแขนของคุณหนูเกษรแน่นขึ้น อมยิ้ม แล้วรำพึงในใจ ว่า..
“หนูเอมน้อยขอใช้ชื่อ
“พาริส” เป็นชื่อลูกสาวคนสุดท้องได้มั้ยนะเจ้าคะ ฮะฮะฮะ ..
เจ้าตัวเล็ก “หนูพาริส” นี้ คงเป็นคนสุดท้องที่เป็นที่รัก เหมือนที่หนูเอมได้ความรักจากคุณพี่เกษร คุณพี่แย้ม คุณพี่พิศ และพี่ช้อยนะเจ้าคะ ฮะฮะฮะ..”
..
..
“เอ้าๆ เอ้า หนูเอมน้อยยืนเหม่อกอดแขนคุณพี่เกษรแน่น ยิ้มอยู่คนเดียวแบบนั้น .. แล้วพ่อหนุ่มที่ยืนจดๆจ้องๆ คุณพี่เกษรคนนั้น จะคิดว่า เป็นลูกสาวของคุณพี่เกษรแล้ว กระมังเจ้าคะ..ฮะฮะ ฮะ..”
คุณหนูแย้มยื่นมือมาสะกิดแขนของคุณหนูเอมน้อย พลางเอ่ยพูด และหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มสี่ดรุณี..
คุณหนูเกษรจึงหันมองตามคุณหนูแย้ม แล้วพบกับชายหนุ่มรูปงามรูปร่างสันทัน..
ที่ยืนทำท่าประหม่า ไม่กล้าสบตา..สี่ดรุณี
ทันใดนั้นเอง คุณหนูเกษรก็เอ่ยร้องทักชายคนนั้น ขึ้นว่า
“พี่พุ่ม .. นี่พี่พุ่ม มาทำธุระอันใดกันหรือ เจ้าคะ..
หรือ เตี่ยใช้พี่มาส่งคราวคราวอันใดให้เกษรกันหรือ เจ้าคะ..”
ชายหนุ่มรูปงามยิ่งมีท่าทีประหม่า เขินอายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเห็นรอยยิ้มหวาน พร้อมท่าโบกมือจากคุณหนูเกษร..
แต่ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาหา อย่างช้าๆ และเอ่ยตอบคุณหนูเกษร เบาๆ โดยไม่กล้าสบตา ว่า..
“สะ..หวัด..ดี ขอรับ.. คุณ..หนูเกษร..
ท่าน..เจ้า..สัว.. ฝากสิ่งนี้ ให้กระผมนำมาส่งให้ คุณหนูเกษรน่ะขอรับ..”
ชายหนุ่มกล่าวเสร็จ ก็ยื่นถุงห่อผ้าไหมเนื้อดีให้..กับคุณหนูเกษรรับเอาไว้..
จากนั้นก็หยิบกล่องยาวและขวดน้ำอบจำนวน 2 ขวด
..ห่อด้วยผ้าแพรอีกชั้น จากย่ามสะพายของตน ยื่นให้คุณหนูเกษร..
แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาเจียมตัว ว่า..
“ส่วน.. อันนี้..คือ...
จดหมามในข้อควาย.. เอ๊ย..
4
คือ จดหมายในข้อความ..
เฮ้อ..เอ้อ..คือ..
2
ข้อความในจดหมายของพี่พุ่ม ถึงคุณหนูเกษรขอรับ..”
ชายหนุ่มหลับตา กลืนน้ำลาย ยื่นสิ่งของค้างไว้อย่างนั้น..
..
ชั่วอึดใจหนึ่ง..แต่ในความรู้สึกของชายหนุ่มช่างยาวนาน ราวกับหนึ่งฤดูร้อน..
ในที่สุดคุณหนูเกษร ก็ยื่นมือมารับห่อผ้า ราวกับฝนแรกเมื่อสิ้นฤดูร้อน ที่เปลี่ยนดินที่แห้งผาก ให้ค่อยฟื้นคืนชีวิต..
แต่เมื่อชายหนุ่มพุ่มลืมตาขึ้น กลับพบกับภาพของใบหน้าคุณหนูเกษรที่เรียบเฉย..และริมฝีปากบาง เอ่ยขึ้นว่า..
“ถ้าพี่พุ่มหมดธุระแล้ว.. ก็ขอเชิญกลับเถิดนะคะ..
เกษรต้องขอตัวก่อนนะเจ้าคะ..”
ชายหนุ่มพุ่มยืนตกตะลึง และกำลังจะยื่นมือมาฉวยจับข้อมือของคุณหนูเกษร เพื่อจะสนทนาให้เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริง..ภายใต้ประโยคพูดอันราบเรียบนั้น..
แต่ทันใดนั้น ด้านหลังของชายหนุ่มพุ่มก็ปรากฏร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งในชุดข้าราชการสีน้ำเงินจับที่บริเวณไหล่ของชายหนุ่มพุ่ม พร้อมกับเอ่ยปรามที่ข้างหูเบาๆ ว่า..
“นี่ก็นับว่ายังอยู่ในเขตพระราชฐาน การยื่นมือฉวยข้อแขนสตรีชาววังเช่นนี้ ดูจะเป็นการหมิ่นเกียรติทั้ง สถานที่หรือ สตรีนั้น..
โปรดงดเสีย แล้วกลับออกไปบัดเดี๋ยวนี้ เถิดขอรับ..”
ชายหนุ่มพุ่มไม่สามารถขยับเขยื้อน หรือ เคลื่อนไหวใดๆ อันเนื่องจากความแข็งแรงของฝ่ายตรงข้าม.. จึงทำได้แต่เพียงสะบัดตัวไปมา ..
ในที่สุดชายหนุ่มสูงโปร่งนั้น ก็ได้คลายมือแล้วผลักชายหนุ่มพุ่มออกให้พ้นทางเบาๆ..
ชายหนุ่มพุ่มเซ ออกไปเล็กน้อย ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตา เดินหนีไปอย่างเร็ว ด้วยความอับอาย..
“ท่าน.. เจ้า.. คุณ.. สัน..ติ”
ช้อยตาลอย ราวกับอยู่ในภวังค์ อุทานเรียกชื่อ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนั้น ออกมาเบาๆ..
..
..
“นี่กระมังที่เรียกว่าความรัก ที่ไม่หวังผลใดๆ เป็นความรักอันบริสุทธิ์ แบบ ..
“พาริสภารดี” ของ ช้อย”
ช้อยรำพึงกับตนเองเบาๆ แต่ก็ดังพอให้สี่ดรุณีได้ยิน และต้องกลั้นขำ..พร้อมกับร้องรับ ราวกับเพลงฉ่อยว่า
“นี่คงเป็น พาริ๊สสส ภารดีของ ช้อย สินะ สินะเจ้าคะ..”
จบบทที่ 1 ตอนที่ 2
..
..
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
(T.Mon)
16/1/2021
โฆษณา